ตายละวา ประยุทธ์ จันทร์โอชา
กำหมดทุกอย่างทางการบริหารบ้านเมือง เบ็ดเสร็จจริงๆ ยิ่งกว่าครั้งที่แล้ว
คราวนี้ควบรัฐมนตรีกลาโหมไม่พอ ล่อ #หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ อีกอย่าง รวมทั้งที่สมุนโพทธนา “จะเข้ามาดูแล
‘ดีเอสไอ’ โดยตรง” ด้วย
ปฏิกิริยาย่อมเกิดทันใด สมบัติ บุญงามอนงค์
โพสต์ว่าเป็น “ข่าวที่ทำให้ข้าพเจ้าช็อคมาก” แล้วเตือนภัยสาธารณชนให้ “เตรียมเก็บขี้เถ้า”
กันได้ เศรษฐกิจภายใต้น้ำมือตุ๊ดตู๋ ‘วายวอดมอดม้วย’ แน่ๆ
หลักฐานมีให้เห็นแล้ว จากทวี้ตของ พิภพ
อุดมอิทธิพงศ์ เสริมด้วยภาพเส้นกร๊าฟ “ดัชนีตลาดหุ้นขานรับประยุทธ์” ร่วงเอาๆ
จากที่เคย ๑,๗๒๒ ดิ่งลงอย่างต่อเนื่องไปถึง ๑,๗๐๖ แล้ว
นั่นยังไม่นับสภาพเศรษฐกิจโดยรวมด้านอื่นๆ ทั้งส่งออก
ท่องเที่ยว ค้าปลีก และเกษตร ที่หดตัว เหือดหาย ซบเซา และแห้งกรัง
อย่างไม่หยุดยั้งมาแล้วเป็นแรมปี ล่าสุดนี่ก็รับประยุทธ์เข้าคุมเศรษฐกิจเช่นกัน
ชาวสบ้านโนนสูง โคราช ต้องจัด ‘บังสุกุล’ ให้ข้าวที่ยืนต้นตายแก้เคล็ดภัยแล้ง
“ชาวบ้านได้นิมนต์พระสงฆ์จำนวน
๑๐ รูป มาสวดมาติกาบังสุกุลให้กับต้นข้าวที่ยืนต้นตาย
จากปัญหาภัยแล้งฝนทิ้งช่วงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ พร้อมกับทำบุญให้พระแม่โพสพเทพยดาประจำข้าว
ช่วยดลบันดาลให้ฝนฟ้ากลับมาตกต้องตามฤดูกาล ให้ชาวนาสามารถทำการเกษตรได้”
ด้านกลาโหม พอประยุทธ์เข้ากระทรวงเซ่นไหว้เทพยดา
ให้เจ้าที่เจ้าทางขานรับด้วยแผ่นดินยุบเสร็จสรรพ ก็เปิดฉากประกาศจัดซื้อเรือดำน้ำจากจีนใหม่อีกให้ครบ
๓ ลำ พอถูกตั้งข้อสังเกตุว่าประชาชนกำลังจับตาอยู่นะ
เพราะเพิ่งจัดซื้อรถถังรุ่นสไตร๊เกอร์ของสหรัฐหลายสิบคันหมาดๆ
หัวหน้ารัฐบาล คสช.๒ ‘snaps’
ดีดใส่นักข่าวทันควัน “ถ้ามีลำเดียวแล้วพอมั้ย แล้วถ้าเรือมันเสียจะทำอย่างไร
มันต้องมีเรือที่เอาไว้พักซ่อมบำรุงหมุนเวียนกัน” แหม่คุณเฮีย
ประเด็นมันไม่ใช่ต้องมีที่สองที่สามเหมือนมีน้องๆ มาเป็นเพื่อนกัน
‘ดำน้ำ’ มันไม่ควรแต่แรก
ตอนริซื้อก็โดนด่าขรมว่าเอามาไว้งมหอยอ่าวไทยหรือไง
ดันซื้อลำแรกจนได้รุ่นที่จีนสร้างให้ไทยลองใช้นั่นละ
ระวังอย่าให้เหมือนเรือเหาะอีกแล้วกัน จะอ้าง “มีคณะกรรมการตรวจสอบให้มันโปร่งใส”
อย่างไร ไม่ใช่เรื่องที่จะซื้อมาประดับบารมีและไม่มีความจำเป็น
ส่วนที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน สมุน ‘นักดูด’ ที่ดึงเอา ส.ส.เก่าจากพรรคโน้นพรรคนี้เข้ามาไว้ช่วย
สว.ตู่ตั้ง คอยกดโหวตให้รัฐบาล
คุยอวดว่าประยุทธ์จะเป็นผู้กำกับดูแลงานด้านบังคับใช้กฎหมายของกรมสอบสวนคดีพิเศษ
หรือดีเอสไอโดยตรงนั้น
เป็นมาตรหมายแห่งการ ‘กำ’ อำนาจอย่างเด็ดขาดของรัฐบาล คสช.๒
โดยไม่ต้องคำนึงว่าที่มาอย่างไร โกงเลือกตั้งไม่เนียนแค่ไหน นอกจากงานไล่ตบหัวชาวบ้านที่คิดต่างเห็นค้านของ
คสช. โอนไปให้ กอ.รมน. แล้ว ตัวหัวหน้าเข้าไปกุมดีเอสไอด้วยตัวเอง
ด้านออกกฎหมายตามอำเภอใจที่ สนช.
เคยเป็นลิ่วล้อบริการ ตอนนี้ผ่องถ่ายทั้งสายโซ่และปลอกคอมายัง สว. ๒๕๐ คน ที่
ไอลอว์ บอกว่า “จากการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีที่ผ่านมาก็สะท้อนให้เห็นความเป็น 'เอกภาพ' ของ ส.ว. ที่ไม่มีการแตกแถว”
สว.ตู่ตั้งเหล่านั้นรับงานออกกฎหมายอีกอย่างน้อยๆ
๑๖ ฉบับให้แก่ คสช.๒ ตามที่กำหนดไว้ในนโยบายของรัฐบาลประยุทธ์ ๒ (หน้า ๓๙ ภาคผนวก
๑) นอกเหนือจากเรื่องเกี่ยวกับทรัพย์สิน ชีวภาพ ภูมิอากาศ ประมง และชาติพันธุ์
แล้ว
ยังมีกฎหมายเกี่ยวกับการใช้อำนาจ
การบังคับต่างๆ ต่อประชาชน ได้แก่ แก้ไขเพิ่มเติมวิธีพิจารณาความอาญา
ป้องกันอาชญากรรมภาคประชาชน กฎหมายว่าด้วยความยุติธรรมชุมชน จัดตั้งและกำหนดวิธีพิจารณาคดีสิ่งแวดล้อม
และปฏิรูประบบราชการ
ซึ่ง
สว.ตู่ตั้งได้รับมอบหมายให้ผลิตหลักเกณฑ์ สืบทอดอำนาจ คสช. ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าที่
สนช.เคยบริการ ทั้งนี้เพราะ (ผลงาน กรธ.ตู่สั่ง –อันนี้ มีชัย ฤชุพันธุ์ ยืนยัน) รัฐธรรมนูญ
๖๐ มาตรา ๒๗๐ วรรค ๒ และ ๓ กำหนด ‘ช่องทางพิเศษ’
ไว้ให้
“ว่าร่างพระราชบัญญัติที่ตราขึ้นเพื่อดำเนินการตามหมวด
16 การปฏิรูปประเทศ
ให้เสนอและพิจารณาในที่ประชุมร่วมกันของสองสภา หรือ ส.ส. ร่วมกับ ส.ว.” โดยที่ “นอกจากนี้
หาก ส.ส. หรือ ส.ว. เห็นว่าร่างกฎหมายฉบับอื่นใดเกี่ยวข้องกับการปฏิรูปประเทศ
ก็สามารถเข้าชื่อกันโดยใช้สมาชิกสภาไม่น้อยกว่า
๑ ใน ๕ ของแต่ละสภา เท่ากับ ส.ส. ๑๐๐ คน หรือ ส.ว. ๕๐ คน
เสนอต่อประธานรัฐสภาให้วินิจฉัย” ได้อีก กลกรรมเช่นนี้ ไอลอว์เขาเรียกวิธีการ ‘ลักไก่’
(https://www.facebook.com/iLawClub/photos/a.10150540436460551/10162266889890551
และ https://www.matichon.co.th/politics/news_1603953)
นี่ขนาดรัฐบาลใหม่ยังไม่ได้ลงมือ ‘ปกครอง’ จริงจังเต็มที่
เพียงแค่ต่อเนื่องบางอย่างจากรัฐบาลที่แล้ว เอาเวลาไปทำเรื่องพิธีกรรมและ ‘สำรองรับ’ ปฏิบัติการซัลโวเสียมาก แต่ละวัน
แต่ละคนคืบคลานแสดงออกถึงอาการ ‘เบ็ดเสร็จ’ และ ‘หักหาญ’ ที่จะมาถึงในไม่ช้า