วันอาทิตย์, กรกฎาคม 21, 2562

ความวิเศษแห่งกฎหมายในยุค คสช. ศาล รธน.อ้ารับคนมีข้อหาฉ้อโกงฟ้องยุบพรรค อนค.

เห็นความวิเศษแห่งกฎหมายในยุค คสช.กันไหมล่ะ รัฐธรรมนูญมาตรา ๔๙ วรรคสองและสาม ที่ศาลรัฐธรรมนูญรับฟ้องให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ ผู้ร้องเป็นใครก็ได้ยื่นตรงต่อศาล รธน. ถ้าอัยการสูงสุดไม่ได้ดำเนินการภายใน ๑๕ วัน

รธน.ไม่ได้บอกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะต้องรับฟ้องเสมอไป แต่ศาลชุดนี้ (ที่ คสช. ตั้ง) ก็ “จึงมีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย แจ้งให้ผู้ร้องทราบ ส่งสำเนาคำร้องให้ผู้ถูกร้องทั้ง 4 ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน ๑๕ วันนับแต่วันที่ได้รับสำเนาคำร้อง”

อันที่จริงมาตรา ๔๙ นี้ไม่จำเป็นต้องต้องกำหนดให้ผู้ร้องต้องยื่นต่ออัยการสูงสุดก่อนก็ได้ ในเมื่อใครก็ตามที่ ทราบว่าคนที่ตนฟ้อง “มีการกระทําอันเป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”

คล้ายๆ กฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒ นั่นละ ใครก็ได้อยากจะฟ้องใครก็ฟ้อง โดยในทางปฏิบัติตำรวจมักจะรับแจ้งความทันที และศาลก็มักจะประทับรับฟ้องไว้ก่อนด้วย ผู้ถูกฟ้องที่แม้ปรากฏภายหลังว่าไม่ผิดก็ต้องติดคุกฟรีไปก่อนแล้ว
 
คดียุบพรรคอนาคตใหม่นี่คนฟ้องชื่อ ณฐพร โตประยูร บอกว่าตนไม่รู้จักหัวหน้าและเลขาฯ พรรคนี้ แต่เห็นว่ามีพฤติกรรมการกระทำ รวมไปถึง ข้อบังคับของพรรคด้วยว่า “เขียนในลักษณะไม่ส่งเสริมระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”

เป็นเหตุผลส่วนตัวของผู้ฟ้องโดยแท้ ที่ศาล รธน.ให้ความสำคัญประทับรับฟ้อง โดยไม่ต้องคำนึงว่านายณฐพรผู้นี้ ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีฟอกเงินขายที่ดินสหกรณ์คลองจั่นมูลค่ากว่า ๔๗๗ ล้านบาท โดยนายณฐพรเป็นผู้รับโอนเงินค่านายหน้าขายที่ดินดังกล่าว ๖๐ ล้านบาท

คดียืดเยื้อมาตั้งแต่ปี ๒๕๕๖ นายศุภชัย ศรีศุภอักษร ผู้ต้องหาหลักเป็นเจ้าของบัญชีที่มีการโอนทรัพย์สินเข้าไปไว้ ๔๗๗ ล้าน เพื่อขายทอดตลาดใช้หนี้แก่สหกรณ์คลองจั่น นายณฐพรคนที่ฟ้องพรรคอนาคตใหม่นี่ตกเป็นผู้ต้องหาร่วมเมื่อ ๑๐ พ.ย. ๒๕๕๙

เขาอ้างกับสำนักข่าวอิศราเมื่อปี ๒๕๖๐ เมื่อปรากฏได้รับแต่งตั้งเป็น “กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ในคณะกรรมการบริหารกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคงฯ” ว่าเขายังไม่ได้ถูกตั้งข้อหาอย่างทางการจากดีเอสไอ

แต่ในเวลาต่อมา อิศรา อ้างแหล่งข่าวระดับสูงในกระทรวงศึกษาธิการ ว่ามีเบาะแส “นายณฐพร เตรียมลาออกจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายดังกล่าว” เท่ากับว่าข้อหาร่วมฟอกเงินคดีสหกรณ์คลองจั่น น่าจะทำให้ร้อนรุ่มไม่เบา

ประเมินจาก คนละเรื่องคล้ายกันในกระบวนการ ดูด อดีต ส.ส.จากพรรคการเมืองต่างๆ ไปเข้าพรรคพลังประชารัฐเพื่อลงเลือกตั้งเป็นฐานคะแนนเสียงในสภาผู้แทนฯ หนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.ได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีโดยไม่ต้องใช้อำนาจรัฐประหาร

นักการเมืองที่เต็มใจให้ดูดหลายคนมีคดีความเป็นชนักปักหลังอยู่ บางคนเช่นแรมโบ้อีสานเอย ตระกูลคุณปลื้มเอย กำนันเซี้ยเจ้าพ่อเมืองกาญจน์เอย โดนคดีการเมืองบ้าง คดีฉ้อโกงบ้าง ต่างหลุดคดีไม่ว่าก่อนหรือหลังถูกดูดเล็กน้อยทั้งนั้น

หากจะสันนิษฐานว่านายณฐพรคนนี้ทำการยื่นฟ้องพรรคอนาคตใหม่ “อย่างเงียบๆ” ด้วยข้อหาร้ายแรงแต่หลักฐานหน่อมแน้ม จะได้อาณิสงค์ที่บังเอิญถูกใจ คสช.ในกระบวนการไล่ล่ากำจัดพรรคฝ่ายค้านรัฐบาลประยุทธ์ด้วยไหม

ตอนนี้อาจจะยังไม่รู้ ต้องคอยดูเมื่อพรรคอนาคตใหม่และฝ่ายค้านสามารถ ล้มล้างผลพวกรัฐประหาร และกำจัดการสืบทอดอำนาจของ คสช.ได้สำเร็จเด็ดขาดเสียก่อน อันเป็นเรื่องที่ยากยิ่งในสถานการณ์ขณะนี้ ที่พลพรรคและลิ่วล้อ คสช.โหมหนักกว่าเก่า จะเอาพรรคอนาคตใหม่ออกจากการเมืองให้ได้
 
ในความพยายามนี้ มีคนหนึ่งที่รู้จักกันดีว่าฟ้องดะ แต่ที่ฟ้องพวกพลังประชารัฐไม่ตามติดคดีเหมือนที่ตามจี้อนาคตใหม่ นั่นคือนายศรีสุวรรณ จรรยา กล่าวหาว่าหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่เดินสายต่างประเทศพบปะเจ้าหน้าที่อียู และสื่อมวลชนสหรัฐ

ถือว่าเป็นการ “เข้าข่ายล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” อ้าง ชักศึกเข้าบ้าน ต้องฟาดด้วยความผิดอาญามาตรา ๑๑๙ โทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิตนั่นเลยเชียว

(https://www.isranews.org/isranews/78631-isranews-78631.html, http://www.constitutionalcourt.or.th/…/article_201907191810 และ https://voicetv.co.th/read/s54q3vT2I)