เสียดายกระทรวงกลาโหมกับกระทรวงต่างประเทศสหรัฐไม่ค่อยประสานกันเท่าไร
ไม่เช่นนั้นภาษาการทูตของผู้ช่วย รมว.ต่างประเทศคงจะรัดกุมกว่านี้
นายเดวิด อาร์ สตีลเวลล์ “กล่าวว่า
เรามีความยินดีและดีใจที่เห็นการเลือกตั้งเกิดขึ้นในประเทศไทย
และรอคอยที่จะเห็นประเทศไทยกลับมามีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้ง”
ทำให้สื่อไทยเอาไปพาดหัวว่า “อเมริกายินดีไทยมีรัฐบาลพลเรือนแล้ว รอแค่ความเป็นประชาธิปไตย”
ความหมายก็คงอย่างนั้น ไม่งั้นก็ไม่ต้อง ‘รอคอย’ เรื่องของเรื่องอยู่ที่ประเด็นเพิ่งเป็นข่าว
จากการที่กองทัพบกไทย “อนุมัติจัดหารถเกราะล้อยาง M1126 STRYKER จากอัตราสำรองคลังของกองทัพสหรัฐอเมริกา
จำนวน ๓๗ คัน คันละประมาณ ๘๐ ล้านบาท
เพื่อบรรจุในกองพลทหารราบที่ ๑๑ จังหวัดฉะเชิงเทรา” จำนวนนี้เงินไม่เบา ๒,๙๖๐
ล้านบาท สุมใส่ให้กับการถลุงเงินของรัฐบาล คสช.๑ ที่ผ่านมา ซึ่งพบว่า
เมื่อสิ้นไตรมาส ๓ ของปีนี้
คสช.ถลุงเงินจากคลังเอาไปใช้ในการลงทุนแล้ว ๒.๙ แสนล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่กำหนด
๑๒.๕๔% แต่ถ้าดูจากภาพรวมการจับจ่ายทั้งมวลในวงเงินงบประมาณ
๓ ล้านล้านบาท รัฐบาลที่แล้วก็ฟาดไป ๒.๓๔ ล้านล้าน
ที่นางญาณี แสงศรีจันทร์ โฆษกกรมบัญชีกลางต้องออกมาปูดเรื่องนี้
เพราะกำลังเข้าสู่ไตรมาสที่สี่ของปี พร้อมไปกับการเปลี่ยนผ่านรัฐบาล คสช.๑ ไปสู่
คสช.๒ เหลือเวลาเบิกจ่ายและก่อหนี้ได้อีกไม่ถึง ๓ เดือน
อยากให้กระทรวงทบวงกรมเร่งรัดทำให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนกันยายน
๖๒ ไม่เช่นนั้นจะติดขัดทำให้ “งบประมาณถูกพับไป”
อย่างเช่นที่ทัพบกจะซื้อรถยานเกราะอเมริกันรุ่นสไตรเกอร์ เอาไว้ใช้ที่ ราบ ๑๑
ทั้งที่ผ่านมาก็มีการซื้อรถถังแล้วสองชุด
“รถเกราะล้อยาง BTR
3E1 จากประเทศยูเครนเข้าประจำการในกองพลทหารราบที่ ๒ รักษาพระองค์ ๒
กองพัน (คือ ร.๒ รอ.จังหวัดปราจีนบุรี และ ร.๒๑ รอ.จังหวัดชลบุรี) กองพันละ ๙๖ คัน”
กับ “รถเกราะล้อยาง VN-1 จากประเทศจีน ที่เตรียมเข้าประจำการในกรมทหารม้าที่
๒ กองพลทหารม้าที่ ๑ จ.อุตรดิตถ์” อีก ๒.๓ พันล้านบาท
จะเป็นเพราะมาตรฐานกำลังพลของ ‘บิ๊กแดง’ ผบ.ทบ.คนนี้ ต้องเกรด ‘ยูเอสดีดี’ (U.S. Department of Defense) จึงต้องมีสไตรเกอร์ระดับ
‘เวิร์ลด์คล้าส’ ประจำการ หรือว่าเพราะทางสหรัฐจัดโปร
‘แจกแถม’ ซื้อ ๓๗ คัน แถม ๒๓ คัน ก็ตามแต่
ไม่รู้ว่าทัพบกยุคที่ว่าไม่มี คสช. แล้ว
(มีแต่ กอ.รมน.) คิดจะไปรบราฆ่าฟันกับอริราชศัตรูที่ไหนบ้าง
ถึงได้เตรียมรถถังหลายร้อยคันให้พร้อมสรรพอย่างนี้ ตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมาไม่เห็นจะต้องใช้รถถังเท่าไร
เว้นแต่ตอนเข็นออกมาโชว์วันเด็ก
กับที่ใช้มากที่สุดก็ตอนปราบประชาชนที่สนับสนุนนักการเมืองคนที่ทหารและชนชั้น
‘อำมาตย์’ กับตุลาการ
ไม่ชอบขี้หน้า หรือว่าตอนยึดอำนาจจากนักการเมืองกลุ่มนั้น
ข้อสำคัญยึดเสร็จแล้วรวยกันใหญ่ อย่างเช่น เมียน้อยมีร้อยล้าน พ่อรวยหมื่นล้าน
อย่างนี้นี่เล่า นักยึดอำนาจรุ่นก่อนถึงได้ไปโพทธนากับสื่อญี่ปุ่นว่า
รัฐประหารเป็นของดีสำหรับประเทศไทย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้ารัฐประหารรุ่นปี
๔๙ บอกกับนิเคอิรีวิวว่าไทยต้องมีทหารยึดอำนาจ เพราะประชาธิปไตยยังไม่เติบโต
‘บิ๊กบัง’ บอกด้วยว่า
“ประเทศไทยมีคนจนจำนวนมาก” เมื่อใช้ระบบประชาธิปไตยทำให้ถูกคนรวยเอาเปรียบ
ซ้ำยังนิยมระบบพวกพ้อง “ผู้นำมักเลือกเฉพาะเพื่อนและเครือข่ายของตัวเองมาบริหารประเทศ
ส่งผลให้คณะบริหารมีคนที่ไม่มีคุณภาพเพียงพอ”
อันนั้นไม่ทราบอดีตหัวหน้า รปห.
พาดพิงถึงเหตุการณ์ปัจจุบันหรือเปล่า ในเมื่อตอนนี้รัฐมนตรี คสช.๒ คนหนึ่งกำลังโดนด่าขรม
ตอนหาเสียงให้กับพรรคลิ่วล้อ คสช. ที่เป็นฐานเสียงส่วนใหญ่ของฝ่ายรัฐบาลในสภาผู้แทนฯ
ขณะนี้นั้น พูดไว้หลายอย่าง พอตั้งรัฐบาลเสร็จทำไม่ได้เสียแล้ว
ทำท่าจะหลายอย่างด้วย
เรื่องล่าสุดต่อกรณีตอนหัวเลี้ยวหัวต่อใกล้เลือกตั้งประกาศโครม
จะลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลทั่วไปรวด ๑๐% ถึงวันนี้พลิกลิ้นไปแล้ว
บอก “ไม่ได้หมายถึงการลดภาษีเป็นตัวเงินโดยตรง” เพียงแต่คิดจะปรับเปลี่ยนอัตราภาษี
‘เหลื่อมล้ำ’ ระหว่างนิติบุคคล (๒๐%)
กับบุคคลธรรมดา (๓๕%) เท่านั้นเอง
นายอุตตม สาวนายน รมว.คลังถอดด้ามโทษสื่อว่า
“บางทีเป็นข่าวออกไปทำให้เข้าใจผิด เพราะยังไม่มีโอกาสอธิบาย” แต่คนรุ่นใหม่นักกิจกรรมไม่เพียงจำได้แม่น
มีหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอแสดงโจ่งแจ้งว่าอุตตมพูดจะจะอย่างนั้น
บอล ธนวัฒน์ วงค์ไชย ย้อนให้ว่า “คุณอุตตม
(หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ)...กำลังจะโกหกประชาชน ไม่ทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้”
(https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_1588496, https://www.thairath.co.th/news/politic/1566858, https://www.isranews.org/main-investigative/6918--1-2-.html
และ https://www.matichon.co.th/foreign/news_1585203)
จุ๊ จุ๊ อย่าเอ็ดไป
เงินที่คิดว่าจะเอามาแจกค่าภาษีนั่น ทหารเอาไปซื้อรถถังไว้ขอคืนพื้นที่
กระชับพื้นที่ เสียหมดแล้ว