วันอังคาร, กรกฎาคม 02, 2562

ช่วงย่างเข้ายุค คสช.๒ ตอนนี้ อย่างเลวแค่ ‘เละเทะ’ อย่างร้าย ‘ไอตู๊บ’ ยึดอำนาจตัวเองซ้อน


กะลาแลนด์ตอนนี้ ช่วงย่างเข้ายุค คสช.๒ อย่างเลวน้อยที่สุดแค่ เละเทะอย่างชั่วร้ายเหลือขอก็ไปถึงยึดอำนาจตัวเองซ้อน ระงับกิจกรรมสภาผู้แทนฯ ใช้ สว.ตู่ตั้งทำหน้าที่นิติบัญญัติ ไอตู๊บ พูดเปิดทางไว้แล้วนี่ จะใช้วิธีแก้ปัญหา แบบเดิมได้

ทำเป็นร่อนสารขอโทษประชาชนแทนพรรคพลังประชารัฐ ที่วุ่นวายแก่งแย่งชิงตำแหน่งรัฐมนตรีจนถึงขั้นขอถอดสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ จากเลขาธิการพรรค ข้อหา “บริหารงานผิดพลาดหลายเรื่องและไม่มีภาวะผู้นำ...ไม่เห็นหัว ส.ส. ในพรรคแม้แต่คนเดียว”

แม้นล่าสุดสนธิรัตน์แจงว่าไม่รู้เรื่องกำหนดจะให้ตนไปคุมกระทรวงพลังงาน ที่กลุ่ม สามมิตร ต้องการ จึงประกาศไม่รับตำแหน่งกระทรวงนี้ แต่สารนายกฯ ตู่ก็ออกมาแล้ว อ้าง “การบริหารบุคคลากรเป็นเรื่องยาก ที่จะทำให้ทุกคนพึงพอใจ”
 
จึงสั่งให้ทุกคนกลับไปทำหน้าที่ของตัว ทั้งรัฐมนตรีและสมาชิกสภา โดยไม่ลืมระบุรวม ฝ่ายค้านไว้ด้วย “เพื่อมิให้การดำเนินการทางการเมืองกลับไปเป็นปัญหาเช่นเดิม จนต้องเกิดการแก้ไขปัญหาแบบเดิมๆ ที่ทุกคนไม่ต้องการขึ้นมาอีก”

มีคนชี้ว่าตัวปัญหาคือประยุทธ์ จันทร์โอชา เองนั่นละ ที่ทำลายโครงสร้างและจารีตทางการเมือง เพื่อให้ตนได้สืบทอดอำนาจ ดูดนักการเมืองกะเฬวรากร้อยพ่อพันแม่ “พวกนี้เขี้ยวลากดินทั้งนั้น อำนาจต่อรองจึงอยู่ในสภาพที่พร้อมขี่คอประยุทธ์”            

ส่วนฝ่ายค้านเขาไม่ได้ให้ราคา เห็นว่าเป็นเรื่องส่วนตัวและไม่ได้ก่อเกิดประโยชน์อันใดต่อปากท้องของประชาชน แค่ “เป็นการพูดให้สวยหรู ขอโทษให้ดูดี...แนะใช้ภาวะผู้นำบริหารทำงานจนจบ อย่าเอาแต่แก้ตัว” สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อัดแรง

ซ้ำชี้ด้วยว่าเรื่องนี้ “ทำให้ฝ่ายค้านทำงานไม่ได้ โดยเฉพาะตั้งกระทู้ถามเรื่องการแก้ไขปัญหาของประชาชน” มิหนำซ้ำมีนักวิชาการรัฐศาสตร์รายหนึ่งมองว่า “ดูแล้วอาการหนักมาก...รัฐบาลจะอยู่ในลักษณะลุ่มๆ ดอนๆ จะแถไปเรื่อยๆ” เป็นเวลาถึงสองปี


ถ้างั้นอีกสองปีข้างหน้าประชากรมิต้องกินแกลบกันหรือ ขนาดนี้ยังข้าวยากหมากแพงขึ้นทุกวัน ๑ กรกฎา เงินเฟ้อยังสูง แม้ไม่ถึง ๑% ก็ยันเข้าไป ๐.๘๗ สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) พยายามแถลงรายงานให้เห็นภาพดีๆ

“ถือเป็นการสูงขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่สาม มีปัจจัยสำคัญมาจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ลดลง” แต่ก็มีข่าวร้ายหลุดติดมาด้วย “สินค้ากลุ่มอาหารสดยังราคาเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตามการแปรปรวนของสภาพอากาศ เช่น ผักสด โดยเฉพาะ พริกสด มะนาว กะหล่ำปลี สูงขึ้นถึง ๑๘.๘๙%

ด้านศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจเพื่อการปฏิรูป ม.รังสิต แถลง “ปรับลดการคาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจไทยปี ๒๕๖๒ จาก ๓.-% (ประมาณการช่วงปลายปี ๒๕๖๑) ลงมาที่ระดับ ๒.-.%” ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ คาดการณ์

“ช่วงครึ่งปีหลังของปี พ.ศ. ๒๕๖๒ แม้นเศรษฐกิจไทยยังคงขยายตัวได้ต่อเนื่อง แต่อยู่ในระดับที่ต่ำกว่าศักยภาพที่ควรจะเป็น” ทั้งการบริโภคชะลอตัว การลงทุนในประเทศและการส่งออกหดตัว “รายได้จากการท่องเที่ยวไม่เป็นไปตามเป้าหมาย”
 
เรื่องท่องเที่ยวนั่นผู้ว่าการท่องเที่ยวเพิ่งยอมรับครึ่งปีแรกยัง ชะลอ เหมือนกัน เลยเปลี่ยนการวัดผลใหม่ เผื่อคราวหน้าจะได้ดูดีกว่านี้ นายยุทธศักดิ์ สุภสร แจ้งว่าจะเลิกตั้งเป้าการเติบโตรายปีๆ ละ ๑๐% หันไปวัด ๕ ปีหน

“ตั้งเป้าหมายขยับรายได้จากการท่องเที่ยวให้ขึ้นไปติด ๗ อันดับสูงสุดของโลกแทน ในระยะเวลาแผน ๕ ปี พร้อมรักษาอัตราส่วนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ (GDP) เอาไว้ที่ ๗%wishful thinking พูดให้ดีอย่างไรก็ได้

หากมีการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนี้เกิดขึ้นจริง เชื่อว่าจะสร้างความพอใจให้กับทุกฝ่าย” ใช่สิ นั่นละคือปัญหาว่าคิดแล้วจะทำได้ไหม หรือแค่ฝันเฟื่องรอหัวหน้ารัฐบาลประชาธิปไตยแบบเผด็จการ คสช.๒ จัดการให้เละตุ้มเป๊ะเข้าไปอีก


เพื่อนบ้านเขาไปถึงไหนกันแล้ว วานนี้เวีนตนามเพิ่งเซ็นสัญญาการค้าเสรีกับอียู ที่จะทำให้มีการลดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากเวียดนามสู่ยุโรปถึง ๙๙% และภายในปี ค.ศ. ๒๐๒๐ จะมีการเพิ่มปริมาณสินค้าส่งออกระหว่างคู่สัญญา ๑๕.๒๘% สำหรับอียู และ ๒๐% สำหรับเวียดนาม

ข้อสำคัญควรใส่ใจจากข่าวนี้ก็คือเวียดนามใช้เวลาถึง ๗ ปีในการเจรจาการค้าเสรีกับอียู สาเหตุที่ล่าช้าเพราะทางการประชาคมร่วมยุโรปตั้งข้อแม้ต่อการรักษาสิทธิมนุษยชนของรัฐบาลเวียดนาม ซึ่งเป็นเผด็จการประชาธิปไตยไม่ด้อยกว่าไทย

คำนึงถึงรัฐบาลเผด็จการประชาธิปไตยไทย คสช.๑ อยู่มาแล้ว ๕ ปี กำลังจะเปลี่ยนไปเป็นประชาธิปไตยแบบเผด็จการ คสช.๒ อีก ๔ ปี (อย่างน้อย) จะสามารถทำให้ชาติยุโรปหันมาร่วมมือการค้าเสรีกับไทยภายในสองปีข้างหน้า รวมเวลา ๗ ปีเท่าเวียดนามได้ไหม

น่าคิดหนักอย่างยิ่ง ในสภาพที่นักกิจกรรมประชาธิปไตยอย่าง จ่านิวเพิ่งถูกอันธพาลสี่คนดักรุมตีจนต้องหามส่งโรงพยาบาล ๓ แห่งนี่ เบาะแสผู้เห็นเหตุการณ์จากกล้องถ่ายวิดีโอวงจรปิด ชี้ว่าอันธพาลเหล่านั้นน่าจะได้รับการว่าจ้างหรือสั่งการโดยฝ่ายทหารและ/หรือตำรวจ
 
ด้วยเหตุว่าข้อแก้ตัวซึ่งบรรดาลิ่วล้อคณะรัฐประหารพยายามเบี่ยงเบน เช่นคำอ้างของปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ว่าการทำร้ายนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ อาจเกิดจากการทวงหนี้นอกระบบก็ได้

ขณะที่มีหลักฐานบุคคลยืนยัน (มารดาของจ่านิว) ว่าหนี้อย่างเดียวที่มีคือหนี้กองทุนเงินให้ยืมเพื่อการศึกษา กยศ. ซึ่งเป็นองค์กรรัฐบาล  

เลยมีคนตั้งปุจฉาว่า หน่วยงานรัฐบาลใช้อันธพาลไล่ตีเพื่อทวงหนี้ด้วยหรือ ซ้ำปกติการทวงหนี้แบบนี้ต้องเตือนต้องถามก่อนว่าจะจ่ายไหม นี่จู่ๆ ไม่รู้อิดโหน่อิเหน่จ่านิวก็ถูก (ระ) ยำ