กะลาแลนด์ตอนนี้ ช่วงย่างเข้ายุค คสช.๒
อย่างเลวน้อยที่สุดแค่ ‘เละเทะ’ อย่างชั่วร้ายเหลือขอก็ไปถึงยึดอำนาจตัวเองซ้อน ระงับกิจกรรมสภาผู้แทนฯ
ใช้ สว.ตู่ตั้งทำหน้าที่นิติบัญญัติ ‘ไอตู๊บ’ พูดเปิดทางไว้แล้วนี่ จะใช้วิธีแก้ปัญหา ‘แบบเดิม’
ได้
ทำเป็นร่อนสารขอโทษประชาชนแทนพรรคพลังประชารัฐ
ที่วุ่นวายแก่งแย่งชิงตำแหน่งรัฐมนตรีจนถึงขั้นขอถอดสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ จากเลขาธิการพรรค
ข้อหา “บริหารงานผิดพลาดหลายเรื่องและไม่มีภาวะผู้นำ...ไม่เห็นหัว ส.ส.
ในพรรคแม้แต่คนเดียว”
แม้นล่าสุดสนธิรัตน์แจงว่าไม่รู้เรื่องกำหนดจะให้ตนไปคุมกระทรวงพลังงาน
ที่กลุ่ม ‘สามมิตร’
ต้องการ จึงประกาศไม่รับตำแหน่งกระทรวงนี้ แต่สารนายกฯ ตู่ก็ออกมาแล้ว อ้าง “การบริหารบุคคลากรเป็นเรื่องยาก
ที่จะทำให้ทุกคนพึงพอใจ”
จึงสั่งให้ทุกคนกลับไปทำหน้าที่ของตัว
ทั้งรัฐมนตรีและสมาชิกสภา โดยไม่ลืมระบุรวม ‘ฝ่ายค้าน’
ไว้ด้วย “เพื่อมิให้การดำเนินการทางการเมืองกลับไปเป็นปัญหาเช่นเดิม
จนต้องเกิดการแก้ไขปัญหาแบบเดิมๆ ที่ทุกคนไม่ต้องการขึ้นมาอีก”
มีคนชี้ว่าตัวปัญหาคือประยุทธ์ จันทร์โอชา
เองนั่นละ ที่ทำลายโครงสร้างและจารีตทางการเมือง เพื่อให้ตนได้สืบทอดอำนาจ
ดูดนักการเมืองกะเฬวรากร้อยพ่อพันแม่ “พวกนี้เขี้ยวลากดินทั้งนั้น อำนาจต่อรองจึงอยู่ในสภาพที่พร้อมขี่คอประยุทธ์”
ส่วนฝ่ายค้านเขาไม่ได้ให้ราคา เห็นว่าเป็นเรื่องส่วนตัวและไม่ได้ก่อเกิดประโยชน์อันใดต่อปากท้องของประชาชน
แค่ “เป็นการพูดให้สวยหรู ขอโทษให้ดูดี...แนะใช้ภาวะผู้นำบริหารทำงานจนจบ
อย่าเอาแต่แก้ตัว” สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อัดแรง
ซ้ำชี้ด้วยว่าเรื่องนี้ “ทำให้ฝ่ายค้านทำงานไม่ได้
โดยเฉพาะตั้งกระทู้ถามเรื่องการแก้ไขปัญหาของประชาชน” มิหนำซ้ำมีนักวิชาการรัฐศาสตร์รายหนึ่งมองว่า
“ดูแล้วอาการหนักมาก...รัฐบาลจะอยู่ในลักษณะลุ่มๆ
ดอนๆ จะแถไปเรื่อยๆ” เป็นเวลาถึงสองปี
(https://www.thairath.co.th/news/politic/1604508#cxrecs_s, http://news.thaipbs.or.th/content/281318 และ https://www.facebook.com/WorkpointNews/photos/a.153956988306921/972529293116349/=H-R0.g)
ถ้างั้นอีกสองปีข้างหน้าประชากรมิต้องกินแกลบกันหรือ
ขนาดนี้ยังข้าวยากหมากแพงขึ้นทุกวัน ๑ กรกฎา เงินเฟ้อยังสูง แม้ไม่ถึง ๑% ก็ยันเข้าไป ๐.๘๗ สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.)
พยายามแถลงรายงานให้เห็นภาพดีๆ
“ถือเป็นการสูงขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่สาม
มีปัจจัยสำคัญมาจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ลดลง” แต่ก็มีข่าวร้ายหลุดติดมาด้วย “สินค้ากลุ่มอาหารสดยังราคาเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตามการแปรปรวนของสภาพอากาศ
เช่น ผักสด โดยเฉพาะ พริกสด มะนาว กะหล่ำปลี สูงขึ้นถึง ๑๘.๘๙%”
ด้านศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจเพื่อการปฏิรูป
ม.รังสิต แถลง “ปรับลดการคาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจไทยปี ๒๕๖๒ จาก ๓.๓-๔% (ประมาณการช่วงปลายปี ๒๕๖๑) ลงมาที่ระดับ ๒.๘-๓.๓%” ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ คาดการณ์
“ช่วงครึ่งปีหลังของปี
พ.ศ. ๒๕๖๒ แม้นเศรษฐกิจไทยยังคงขยายตัวได้ต่อเนื่อง แต่อยู่ในระดับที่ต่ำกว่าศักยภาพที่ควรจะเป็น”
ทั้งการบริโภคชะลอตัว การลงทุนในประเทศและการส่งออกหดตัว “รายได้จากการท่องเที่ยวไม่เป็นไปตามเป้าหมาย”
เรื่องท่องเที่ยวนั่นผู้ว่าการท่องเที่ยวเพิ่งยอมรับครึ่งปีแรกยัง
‘ชะลอ’ เหมือนกัน
เลยเปลี่ยนการวัดผลใหม่ เผื่อคราวหน้าจะได้ดูดีกว่านี้ นายยุทธศักดิ์ สุภสร
แจ้งว่าจะเลิกตั้งเป้าการเติบโตรายปีๆ ละ ๑๐% หันไปวัด ๕ ปีหน
“ตั้งเป้าหมายขยับรายได้จากการท่องเที่ยวให้ขึ้นไปติด
๗ อันดับสูงสุดของโลกแทน ในระยะเวลาแผน ๕ ปี พร้อมรักษาอัตราส่วนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ
(GDP) เอาไว้ที่ ๗%” wishful thinking พูดให้ดีอย่างไรก็ได้
“หากมีการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนี้เกิดขึ้นจริง เชื่อว่าจะสร้างความพอใจให้กับทุกฝ่าย”
ใช่สิ นั่นละคือปัญหาว่าคิดแล้วจะทำได้ไหม หรือแค่ฝันเฟื่องรอหัวหน้ารัฐบาลประชาธิปไตยแบบเผด็จการ
คสช.๒ จัดการให้เละตุ้มเป๊ะเข้าไปอีก
(https://www.prachachat.net/tourism/news-343313, https://prachatai.com/journal/2019/06/83219 และ https://www.khaosod.co.th/economics/news_2669233)
เพื่อนบ้านเขาไปถึงไหนกันแล้ว
วานนี้เวีนตนามเพิ่งเซ็นสัญญาการค้าเสรีกับอียู
ที่จะทำให้มีการลดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากเวียดนามสู่ยุโรปถึง ๙๙% และภายในปี ค.ศ. ๒๐๒๐
จะมีการเพิ่มปริมาณสินค้าส่งออกระหว่างคู่สัญญา ๑๕.๒๘% สำหรับอียู และ ๒๐% สำหรับเวียดนาม
ข้อสำคัญควรใส่ใจจากข่าวนี้ก็คือเวียดนามใช้เวลาถึง
๗ ปีในการเจรจาการค้าเสรีกับอียู
สาเหตุที่ล่าช้าเพราะทางการประชาคมร่วมยุโรปตั้งข้อแม้ต่อการรักษาสิทธิมนุษยชนของรัฐบาลเวียดนาม
ซึ่งเป็นเผด็จการประชาธิปไตยไม่ด้อยกว่าไทย
คำนึงถึงรัฐบาลเผด็จการประชาธิปไตยไทย
คสช.๑ อยู่มาแล้ว ๕ ปี กำลังจะเปลี่ยนไปเป็นประชาธิปไตยแบบเผด็จการ คสช.๒ อีก ๔ ปี
(อย่างน้อย) จะสามารถทำให้ชาติยุโรปหันมาร่วมมือการค้าเสรีกับไทยภายในสองปีข้างหน้า
รวมเวลา ๗ ปีเท่าเวียดนามได้ไหม
น่าคิดหนักอย่างยิ่ง ในสภาพที่นักกิจกรรมประชาธิปไตยอย่าง
‘จ่านิว’ เพิ่งถูกอันธพาลสี่คนดักรุมตีจนต้องหามส่งโรงพยาบาล
๓ แห่งนี่ เบาะแสผู้เห็นเหตุการณ์จากกล้องถ่ายวิดีโอวงจรปิด
ชี้ว่าอันธพาลเหล่านั้นน่าจะได้รับการว่าจ้างหรือสั่งการโดยฝ่ายทหารและ/หรือตำรวจ
ด้วยเหตุว่าข้อแก้ตัวซึ่งบรรดาลิ่วล้อคณะรัฐประหารพยายามเบี่ยงเบน
เช่นคำอ้างของปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี
ว่าการทำร้ายนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ อาจเกิดจากการทวงหนี้นอกระบบก็ได้
ขณะที่มีหลักฐานบุคคลยืนยัน
(มารดาของจ่านิว) ว่าหนี้อย่างเดียวที่มีคือหนี้กองทุนเงินให้ยืมเพื่อการศึกษา กยศ.
ซึ่งเป็นองค์กรรัฐบาล
เลยมีคนตั้งปุจฉาว่า หน่วยงานรัฐบาลใช้อันธพาลไล่ตีเพื่อทวงหนี้ด้วยหรือ ซ้ำปกติการทวงหนี้แบบนี้ต้องเตือนต้องถามก่อนว่าจะจ่ายไหม นี่จู่ๆ ไม่รู้อิดโหน่อิเหน่จ่านิวก็ถูก (ระ) ยำ
(https://www.khaosod.co.th/politics/news_2670126,
https://www.voicetv.co.th/read/7IQYw0mda, https://www.france24.com/en/20190630-vietnam-eu-sign-milestone-free-trade-agreement,
https://www.prachachat.net/tourism/news-343313, https://prachatai.com/journal/2019/06/83219 และ https://www.khaosod.co.th/economics/news_2669233)