วันจันทร์, กรกฎาคม 22, 2562

สามก๊กเมืองสยาม





สยามเมืองสามก๊ก : โดย วีรพงษ์ รามางกูร


31 มกราคม 2562
มติชนออนไลน์


สถานการณ์การเมืองบ้านเราดูจะคล้ายกับเรื่องสามก๊กเข้าไปทุกที โดยมีโจโฉเป็นนายกรัฐมนตรี ตามที่ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เคยยกให้เป็นนายกรัฐมนตรีตลอดกาลและมีความชอบธรรม เพราะเป็นผู้สำเร็จราชการของพระเจ้าเหียนเต้ที่ตนสถาปนาขึ้นเอง ในหนังสือสามก๊กโดยเจ้าพระยาพระคลัง (หน) เรียกโจโฉว่าอุปราช ส่วนซุนกวนนั้นครองเมืองกังตั๋ง ดินแดนทางใต้ของแม่น้ำแยงซีเกียง ส่วนเล่าปี่ครองเมืองโต้งเข่งหรือเฉินตูที่เสฉวน

นายกรัฐมนตรีที่ตึกไทยคู่ฟ้าน่าจะเป็นโจโฉ เพราะได้อำนาจมาโดยการยึดอำนาจ เช่นเดียวกับโจโฉที่ยึดอำนาจมาและทำการปกครองโดยนามของพระเจ้าเหี้ยนเต้ ส่วนประชาธิปัตย์น่าจะใกล้เคียงกับซุนกวนที่ได้ครองกังตั๋ง สำหรับพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคใหญ่ เป็นพรรคที่อุดมสมบูรณ์ น่าจะคล้ายก๊กของเล่าปี่ที่ครองพื้นที่เสฉวน มีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล มีประชากรมากที่สุดในบรรดาดินแดนทั้งหลายของจีน เป็นแหล่งผลิตธัญญาหารและมังสาหารที่ใหญ่ที่สุดของจีนมาจนถึงปัจจุบัน

แม้ว่าจะมีความคล้ายคลึงกันอยู่บ้าง แต่ก็มีความไม่เหมือนกันอยู่มาก ในการลงสนามชิงชัยในศึกการเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคมที่จะมาถึงนี้ ไม่ว่าโจโฉจะได้คะแนนในสภาล่างเท่าใดในการประชุมสมาชิกรัฐสภา ซึ่งเป็นการประชุมร่วมของทั้งสองสภา ทางฝ่ายตึกไทยคู่ฟ้าอย่างไรเสียก็ต้องชนะในการออกเสียงลงคะแนนเลือกนายกรัฐมนตรี แต่จะปกครองบ้านเมืองได้ราบรื่นหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แม้ว่าพรรคการเมืองที่ตนตั้งขึ้นร่วมกับพรรคพันธมิตรที่ต้องการประจบผู้มีอำนาจ เพื่อหวังจะได้ที่นั่งเกินกว่าครึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎรด้วยกันก็ตาม

การเริ่มต้นได้อำนาจมาด้วยความไม่ชอบธรรม ยึดอำนาจมาจากประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ถ้าจะเป็นรัฐบาลก็เป็นรัฐบาลที่สืบทอดความไม่ชอบธรรมมาจากรัฐบาลเผด็จการทหาร ตรงกันข้ามกับฝ่ายค้านซึ่งจะกลายเป็นฝ่ายประชาธิปไตย เป็นฝ่ายของคนส่วนใหญ่ที่ถูกฝ่าย “อำนาจรัฐ” ยึดเอาอำนาจไป

ส่วนฝ่ายประชาธิปัตย์ ซึ่งน่าจะเป็นพรรคใหญ่อันดับที่ 3 หลังจากการเลือกตั้ง มีสภาพเหมือนๆ กับซุนกวน เจ้าเมืองกังตั๋ง ที่มีโอกาสได้เลือกว่าจะเข้าข้างฝ่ายใด มิได้เป็นคู่กรณีโดยตรง ไม่ใช่พรรคพลังประชารัฐของโจโฉกับพรรคเพื่อไทยของเล่าปี่

ในเรื่องสามก๊ก ซุนกวน แห่งเมืองกังตั๋ง เลือกเข้าข้างเล่าปี่ เพราะจิวยี่โกรธเมื่อได้ฟังขงเบ้งเล่าเรื่องว่า โจโฉเคยเขียนบทกวีว่า ตนจะมีความสุขที่สุดถ้าได้นางสองเกี้ยวทั้งสองคนเป็นภรรยาแนบอกซ้ายขวา ซึ่งคนหนึ่งเป็นภรรยาซุนเซ็ก อีกคนหนึ่งเป็นภรรยาของจิวยี่

ในการเมืองไทย ประชาธิปัตย์ตั้งตัวเป็นศัตรูตลอดกาลกับพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเหมือนกับเล่าปี่ที่เป็นศัตรูกับโจโฉตลอดกาล ทางเลือกของประชาธิปัตย์จึงมีจำกัด คือเข้าร่วมกับพรรคพลังประชารัฐได้ตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีมาครอง หรือไม่เข้าร่วมกับใครเลย เป็นฝ่ายค้าน ถ้าเลือกแนวทางนี้ก็เท่ากับร่วมเป็นพันธมิตรกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งขัดกับปณิธานที่ตนสัญญากับสมาชิกพรรคและประชาชนไว้

ใน 2 ทางเลือกนี้จึงยอมเสียสัตย์ไปเข้าร่วมกับทหารแล้วได้จัดตั้งรัฐบาลดีกว่า เพราะ “หลักการ” ของอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์นั้นกลายเป็น “หลักกู” มานานแล้ว

ก่อนเลือกตั้งก็วางท่าว่าเป็นอิสระ เสนอหัวหน้าพรรคตนเองเป็นนายกรัฐมนตรีไปก่อน หลังการเลือกตั้งเมื่อได้เข้าร่วมรัฐบาลแล้วค่อยหาเหตุผลมาอธิบาย แม้ว่าจะขัดใจกับคนกรุงเทพฯที่เลือกประชาธิปัตย์บ้างก็ตาม ส่วนคนปักษ์ใต้ไม่มีปัญหาแม้จะไม่ชื่นชมประชาธิปัตย์ในการทำงาน ไม่เคยสู้พรรคเพื่อไทยได้ แต่ก็เลือกประชาธิปัตย์อยู่ดี เพราะเลือกประชาธิปัตย์มาแต่รุ่นปู่ รุ่นย่า รุ่นพ่อ รุ่นแม่ ราคายางตก ราคาน้ำมันปาล์มตกก็ไม่เป็นไร ไม่เดินขบวน เพราะรัฐบาลเป็นของพวกเรา ยางถ้ากรีดเอง ปาล์มถ้าปลูกในที่ตัวเอง ก็ไม่มีต้นทุนในการกรีดหรือมีได้น้อยมาก ราคาเท่าไหร่ก็กำไรสำหรับส่วนที่ให้น้ำยางและผลปาล์มแล้ว เพียงแต่จะได้รายได้มากหรือน้อยเท่านั้น ไม่เหมือนทำนาทำไร่ทั้งที่เช่าและไร่นาของตนเอง แต่ต้นทุนและจำนวนที่ถือครองก็ไม่ตรงตามเป็นจริงเพราะชาวไร่ชาวนาจะให้ข้อมูลต้นทุนสูงกว่าความเป็นจริง ขณะที่ผลผลิตต่อไร่และจำนวนไร่นาที่ตนได้ต่ำกว่าความเป็นจริง

เพื่อต้องการให้สื่อมวลชนและประชาชนทั่วไปเห็นใจและสนับสนุน ให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณช่วยเหลือให้เกินความจำเป็น เพราะเชื่อ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ที่ว่า “ทุกข์ของชาวนาคือทุกข์ของแผ่นดิน” เพราะสมัยนั้นราคาข้าวในประเทศต่ำกว่าราคาในตลาดต่างประเทศเท่าตัว เพราะรัฐบาล จำกัดโควต้าการส่งออก เก็บภาษีขาออกในรูปพรีเมียมข้าว ค่าธรรมเนียมการส่งออก อากรขาออก รวมทั้งบังคับให้ผู้ส่งออกเก็บสต๊อกข้าวในต้นฤดูเก็บเกี่ยว ซึ่งก็เป็นต้นทุนของผู้ส่งออกอีกโสตหนึ่ง ซึ่งผู้ส่งออกและโรงสีนำเอามาหักออกจากราคารับซื้อข้าวเปลือก

ถ้าสังเกตให้ดีพรรคการเมืองทุกพรรค ไม่ว่าพรรคโจโฉ พรรคเล่าปี่ หรือพรรคซุนกวน ไม่มีใครให้ความสำคัญกับนโยบายพรรคเลย สนใจกันอยู่แต่เพียงว่า “โจโฉจะเป็นนายกฯตลอดกาล” อย่างที่ ม.ร.ว.
คึกฤทธิ์ ปราโมช เขียนเอาใจจอมพล ป.พิบูลสงคราม อย่างไรเสียโจโฉก็เป็นอุปราชหรือนายกรัฐมนตรีอยู่แล้ว อาศัยความชอบธรรมของตนที่สถาปนาพระเจ้าเหี้ยนเต้ ซึ่งเล่าปี่หรือพรรคเพื่อไทยไม่ยอมรับเพราะคะแนนเสียงของเพื่อไทยมีสูงกว่า

พลังประชารัฐจึงต้องอาศัยประชาธิปัตย์หรือซุนกวน มาเป็นพันธมิตร จิวยี่ที่ปรึกษาใหญ่ของซุนกวนซึ่งมีอคติกับเพื่อไทยหรือเล่าปี่อยู่แล้ว จึงประกาศรับปากกับพลังประชารัฐของโจโฉทันที แทนที่จะมาเข้ากับเล่าปี่ตามคำเชิญชวนของขงเบ้งเหมือนในเรื่องสามก๊กจริง แต่เป็นสามก๊กของสยามในปัจจุบัน ซุนกวนก็เหมือนหัวหน้าประชาธิปัตย์ ประชาธิปัตย์ก็มีที่ปรึกษาอยู่เบื้องหลังคล้ายๆ กับจิวยี่

แต่แทนที่จะอยู่เบื้องหลังกลับออกมาแสดงเสียเอง

อย่างไรเสียเมื่อมีการเลือกตั้ง โจโฉแห่งพรรคพลังประชารัฐก็จะชนะ เพราะมีวุฒิสภามาลงคะแนนช่วย อีกทั้งกฎหมายระเบียบรวมทั้งกรรมการการเลือกตั้งตนก็เป็นคนตั้ง สามารถเอารัดเอาเปรียบพรรคอื่นๆ ที่ไม่ใช่พันธมิตรของตนได้ ทำเป็นว่าไม่ได้สังกัดพรรคใด แต่จริงๆ ตนเองเป็นคนให้ความเห็นชอบให้พรรคที่พวกตัวตั้งสามารถเสนอชื่อขึ้นมาได้ โดยตนเองทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ หรือที่เรียกว่า “ตาบอดตาใส”

เหมือนกับสามก๊ก เมื่อซุนกวน จิวยี่ ประกาศเข้าข้างเล่าปี่และเป็นศัตรูกับโจโฉ สามก๊กในเมืองจีนสมัยนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนโจโฉแตกทัพเรือก็กลายเป็นเรื่อง 2 ฝ่าย คือฝ่ายเล่าปี่ที่เสฉวนกับฝ่ายโจโฉที่เมืองลกเอี๋ยง เรื่องที่ยุ่งยากสลับซับซ้อนเข้าใจยาก จำยาก ก็ลดความสลับซับซ้อนลง เข้าใจง่ายขึ้นและจำได้ง่ายขึ้นว่าใครเป็นใคร ใครอยู่ฝ่ายไหน เพราะกลายเป็นว่ามี 2 ฝ่าย คือฝ่ายสนับสนุนการสืบทอดอำนาจเผด็จการ กับฝ่ายสนับสนุนประชาธิปไตยของการเมืองไทย เรื่องของสามก๊กเมืองไทยกำลังเปลี่ยนเป็นการต่อสู้ของสองก๊ก

เรื่องต่อไปที่ต้องติดตามก็คือ เมื่อฝ่ายโจโฉพลังประชารัฐรวมกับสมาชิกวุฒิสภา เลือก “นายกรัฐมนตรีตลอดกาล” โจโฉเป็นนายกฯต่ออีก 5 ปี รวมเป็น 10 ปี ถ้าเป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติที่ผ่านโดย สนช.แล้วก็จะเป็น 20 ปี โจโฉนายกรัฐมนตรีตลอดกาลมิได้ตั้งผู้ใดเป็นทายาท แม้แต่โจผีซึ่งเป็นบุตรคนโตแต่ผู้คนทั้งปวงก็ยกโจผีขึ้นแทน ต่อมา
โจผีก็สถาปนาตนเองเป็นฮ่องเต้

แต่ถ้าโจโฉนายกรัฐมนตรีตลอดกาลเกิดอุบัติเหตุของการเมือง รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ซึ่งเปรียบเสมือนบุตรชายคนโตของโจโฉ ก็คงสวมบท
โจผีขึ้นดำรงตำแหน่งแทน จะครองอำนาจต่อไปเรื่อยๆ หรือไม่ จะมีสุมาอี้เข้ามาจัดการและครองตำแหน่งแทนหรือไม่ ถ้าคิดจะอยู่อีก 20 ปีตามที่เขียนไว้ในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี

ติดตามสยามสามก๊กตอนจบกันต่อไปว่าจะจบลงอย่างไร

ooo

สามก๊ก ฉบับประเทศไทยในปัจจุบัน......


เห็นเพื่อนๆผมเขียนเรื่องสามก๊ก วันนี้ขอเขียนเรื่องสามก๊กบ้าง เพราะสถานะการสามก๊กในปัจจุบัน ได้เกิดขึ้นในประเทศไทยแล้ว ดังนี้

ก๊กที่ 1 ก๊กรักเจ้า รักแผ่นดิน
มี กำลังพล ประมาณ 30 ถึง 50 ล้านคน

ก๊ก ที่ 2 ก๊ก ลิงหลอกเจ้า

ก๊กนี้ เริ่มก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2475 พลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันจนถึงปัจจุบัน มีกำลังไม่มาก แต่มีอำนาจรัฐ อยู่ในมือ บางท่านใน ก๊กนี้ ก็เอนเอียงไปอยู่ในก๊กที่ 1 บางท่านก็เอนเอียงไปอยู่ใน ก๊กที่ 3 เอาแน่ไม่ได้

ก๊กที่ 3 ก๊กพวกล้มเจ้า

ประมาณการ ว่ามีกำลังพลประมาณ 8 ล้านคน + 3 คน และ +++ (บวก บวก) กับพรรค (ไม่ใช่ก๊ก) ที่ 1 + พรรคที่ 2 และพรรค 3 พรรคที่ 4.......(คิดกันเอาเองก็แล้วกันครับ มีกี่พรรคอะไรบ้าง .......?)

ขอจบเรื่องสามก๊ก ของประเทศไทยในปัจจุบัน สำหรับวันนี้ ครับ

ม.จ. จุลเจิม ยุคล


จุลเจิม ยุคล
https://www.facebook.com/chulcherm.yugala/posts/10156898629978371
...