‘นิด้าโพล’ ออกมาตรงเวลาเปี๊ย
เพื่อปฏิเสธเสียงก่นด่าว่า กกต.นับคะแนนห่วยแตก
แต่เหมาะเจาะทำให้พรรคการเมืองสายจัดตั้งของ คสช.กับที่รอแจกเหรียญโปรยทาน ‘ได้เปรียบ’ กัน ผลสุ่มเสียงคราวนี้จัดมาให้พอฟังได้ไม่เว่อ
๓๘
เปอร์เซ็นต์เห็นว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมาบริสุทธิ์ยุติธรรม ‘ปานกลาง’ อีก ๑๙ เปอร์เซ็นต์เห็นว่าดีมากแต่ไม่ถึงที่สุด
รวมกันแล้วเกือบครึ่งตัดสินว่า ‘ผ่าน’
ชาวบ้านร้องแรกแหกกระเชอกันไปเองเรื่อง ‘โกง’ แต่นี่แค่ความเห็นของ ‘นิด้า’
และเครือข่ายพันกว่าคนเท่านั้นนะ
เพราะอะไร เพราะคนที่ตอบข้อซักถามของสำนักโพลแห่งนี้เกือบทั้งหมด
๙๑.๙๖% เป็นผู้ที่ไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้งในวันที่
๒๔ มีนาคม โดยส่วนใหญ่ ๘๒.๘๓% ของคนหมู่นี้ไม่สนใจว่าจะนับคะแนนกันอย่างไร
หรืออาจพูดได้ว่าแม้แต่มั่นใจว่าฝ่ายที่ตนเลือกจะต้องได้
จึง “ไม่ได้ไปเฝ้าดูการนับคะแนนเสียงเลือกตั้งที่คูหา”
ซึ่งแน่ละ น่าจะเป็นเพราะส่วนหนึ่งไม่มีเวลา ไม่อยากเสียเวลา
ไว้รอดูผลเบื้องต้นจากสื่อก็ได้ หากแต่ว่าฝ่ายที่ไม่ต้องการเผด็จการ
คสช.กลับมาใหม่ เกาะติดการนับคะแนนจนมีคลิป
มีข่าวความไม่ชอบมาพากลหลุดออกมาเต็มหน้า ‘โซเชียล’
ดังนี้ผลโพลของนิด้าจึงน่าจะจัดอยู่ในข่ายปฏิบัติงาน
‘damages control’ ลดระดับความเสียหาย จำกัดความเพลี่ยงพล้ำของ
คสช. และพรรคการเมืองที่เป็นสมุน แบบเดียวกับที่ พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก
คสช.ออกมาแถลงสนับสนุนผลการทำงานของ กกต. ทั้งที่โจ่งแจ้งว่าผิดพลาดในการนับคะแนนเลือกตั้ง
เครือข่ายการสืบทอดอำนาจของ คสช. ยังมีอีกหลายระดับ
ตั้งแต่ระดับสูง เช่นแม่ทัพเหล่าต่างๆ พร้อมกันออกมาแสดงท่าทางประณามอดีตนายกฯ
ทักษิณ ชินวัตร ว่า “ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง” แล้วตามด้วยราชกิจจานุเบกษา
เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างๆ คืนจากทักษิณ
ถึงแม้ประกาศจะอ้างเหตุจากการที่ทักษิณถูกศาลพิพากษาจำคุก
และข้อหาอื่นๆ อีกหลายคดี “อีกทั้งได้หลบหนีออกนอกราชอาณาจักร”
แต่ทุกคนที่สนใจกรณีเรียกคืนเครื่องราชฯ นี้รู้ดีว่าเหตุสำคัญอยู่ที่ภาพจากงานแต่งลูกสาวคนเล็กของทักษิณในฮ่องกง
(ดูข่าวเกี่ยวข้องที่ https://www.matichon.co.th/politics/news_1429401)
ระดับเบี้ยร่ายปลายทางก็มีเรื่องของ ‘อุ๊’ หฤทัย ม่วงบุญศรี
นักร้องคนดังที่เคยมีความสามารถวิเศษลึกล้ำ ติดต่อกับวิญญานของ ‘แวนโก๊ะ’ ศิลปินเอกของโลกได้ หล่อนแสดงความเห็นสาธารณะตั้งข้อสงสัยจุดยืนพรรคอนาคตใหม่ต่อสถาบันกษัตริย์
“ประเทศนี้นักการเมืองต้องกุมอำนาจรัฐ
แค่อ้างความชอบธรรมที่มาจากการเลือกตั้งใช่ป่ะ แล้วถ้าเจอนักการเมืองไม่ดีละ
กษัตริย์ต้องอยู่เฉยๆ ดูพวกนักการเมืองทำชาติล่มจมใช่ไหม ใครเค้าจะไปยอม”
พร้อมทั้งโพสต์การอภิปรายของ ปิยบุตร แสงกนกกุล เมื่อ ๑๗ ก.พ. ๒๕๕๖
ประเด็นหนึ่งในการอภิปรายของปิยบุตรที่
‘ไทยโพสต์’ เอาไปขยายผล
ตอนที่พูดถึงสถาบันกษัตริย์กับระบอบประชาธิปไตยเข้าคู่กันไม่ได้ ระบอบประชาธิปไตยที่ยังมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอยู่
เป็นระบอบที่ตกลงกันแล้วว่าพระมหากษัตริย์จะต้องไม่มีบทบาททางการเมือง
แม้แต่ฟังคลิปที่ไทยโพสต์จัดไว้เป็นตัวอย่างทั้งหมดก็ยังเห็นได้ว่า
ความรู้สึก และ/หรือปฏิกิริยาอยู่ที่ “สองคนยลตามช่อง คนหนึ่งมองเห็นโคลนตม” ดังที่ไทยโพสต์อ้างว่าทำให้
'อุ๊ หฤทัย' แสดงการโต้แย้ง
(แต่ไทยโพสต์เลือกที่จะใช้ถ้อยคำหยามหมิ่นว่า “เตือนสติ”) ว่า
“กษัตริย์ทรงมอบระบอบประชาธิปไตยให้ปวงชนชาวไทย
ไม่ใช่ประชาธิปไตยอนุญาตให้มีระบอบกษัตริย์” แต่นั่นก็ไม่ใช่จากคนไทยทั้งชาติดังที่แอบอ้าง
ยังมี “อีกคนตาแหลมคม มองเห็นดาวอยู่พราวแพรว” อย่างน้อยผู้ใช้นาม ‘Shaker Studio’ รายหนึ่งละ
ที่พยายามอธิบายว่า “ในความคิดผม
อ.ปิยบุตรเขาแค่กำลังหาวิธีการที่จะทำให้สถาบันกษัตริย์ดำรงอยู่คู่กับประชาธิปไตย”
การยกตัวอย่างต่างๆ รวมทั้งประเด็นการพิจารณาโทษพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๖
หลังการปฏิวัติฝรั่งเศส ที่ว่า
หลุยส์ อองตวน เดอ แซ็งฌุสต์
ผู้กล่าวโทษบอกว่าโดยธรรมชาติของ ‘สถาบัน’ กษัตริย์นั้นเป็น ‘tyranny’ หรือทรราชในตัวอยู่แล้ว ปิยบุตรได้ออกตัวด้วยว่าไม่ได้เจาะจงบุคคลหรือชี้ว่าดี-เลว
แต่คำพูดของแซ็งฌุสต์หมายถึงการที่สถาบันรวบอำนาจทั้งหมดไว้ในตัวบุคคลนั้นผิดหลักการตั้งแต่แรกแล้ว
ทว่าฝักฝ่ายที่ต้องการให้
คสช.ได้สืบอำนาจต่อ และร่วมด้วยช่วยกันบ่อนทำลายฝ่ายที่พยายามขัดขืนอำนาจรัฐประหาร
อย่างเช่น โรจน์ งามแม้น เจ้าของไทยโพสต์ซึ่งเป็นไม้เบื่อไม้เมากับทักษิณตั้งแต่ครั้งรัฐบาลไทยรักไทย
เมื่อกิจการหนังสือพิมพ์ของตนเกือบจะไปไม่รอด
เขาเขียนในคอลัมน์ ‘เปลว สีเงิน’ บริภาษณ์สาดเสียทั้งพรรคอนาคตใหม่
และกระบวนการของนักศึกษาที่พร้อมใจกันแจ้งผิดและปรณามความลำเอียงเข้าข้องพรรคการเมืองฝ่าย
คสช. เขายังจาบจ้วงล่วงเกินต่อทั้งแกนนำพรรคอนาคตใหม่ และนักวิชาการที่เขาอ้างว่าเป็น
“อาจารย์มหาวิทยาลัยกลุ่มหนึ่ง
ผู้ศรัทธาในทุนวิจัยจากตะวันตกและระบอบทักษิณ”
ด้วยโวหารโจมตีแบบ “ปฏิเสธการมีสถาบันกษัตริย์”
“ประชาธิปไตยทักษิณ” “กากฝรั่ง-งั่งทักษิณ” “ประสบการณ์ประชาธิปไตยจำลอง” “เผด็จการทักษิณกินเมือง”
“อาจารย์ที่เป็นอาจม
ให้ไฟคลอกตายซะมั่ง” และ “หลอกให้เด็กตายแทน”
เหล่านี้
‘เปลว
สีเงิน’ พยายามโยงว่าพรรคอนาคตใหม่และอีก ๕
พรรคที่ไปร่วมลงสัตยาบันต้านการสืบทอดอำนาจ คสช. กับพรรคเพื่อไทย
ล้วนเป็นส่วนหนึ่งในการ ‘แตกแบ๊งค์พัน’
ของทักษิณ ซึ่งรวมกันแล้วจำนวนคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าในปี ๒๕๕๔ เลย
ถ้าหากว่าโรจน์เขียนบทความชิ้นนี้โดยตั้งใจให้
‘แฟนคลับ’
ของเขาซึ่งล้วนเป็น ‘ผู้ใหญ่’ ที่มีอายุอานามและความคิดนึกดั่งไม้ใกล้ฝั่ง
บังเกิดอารมณ์ระห่ำฮึกเหิมกันขึ้นมาละก็ เชื่อว่าน่าจะได้ผลเข้ารอยเดียวกับการโหมกระหน่ำโจมตีขบวนการนักศึกษาจนเกิดการสังหารหมู่นักศึกษาเมื่อ
๖ ตุลาคม ๒๕๑๙
แต่หากเขาไม่ได้มีโมหะฉะนั้น
เพียงต้องการเสริมพลังเอาเปรียบของ คสช. ในหมู่ผู้หลงใหลอำนาจนิยม ให้กลับมาเป็นรัฐบาลผ่านการฟอกขาวละก็
จัดว่าเป็นความเขลา เฒ่าเพราะ (มีชีวิต) อยู่นานของโรจน์ งามแม้นโดยแท้