วันจันทร์, มิถุนายน 11, 2561

ไพบูลย์ นิติตะวัน เสนออย่าปลดล็อคการเมือง เอาเปรียบกีดกันเพื่อประยุทธ์


คำพูดของ ไพบูลย์ นิติตะวัน ชี้ให้เห็นธาตุแท้ หรือสันดานของผู้ที่เป็นลิ่วล้อ ขี้ข้า คสช. มูมมามกับประโยชน์แห่งตน เป็นตัวอย่างของการคอรัปชั่นตัวร้ายที่สุด คือคอรัปชั่นทางการเมือง

ในฐานะหัวหน้าพรรคชื่อ ประชาชนปฏิรูป ไพบูลย์ตั้งโต๊ะแถลงกำพืดของพรรคตนว่า เห็นด้วยให้ คสช. อย่างเพิ่งปลดล็อคการเมือง ซึ่งก็คือห้ามพรรคการเมืองเก่าทั้งหลายหาเสียงจนกว่าจะเสร็จสิ้นเลือกตั้งไปแล้ว

ถ้าหาก คสช. หน้ามืดตามัวทำตามข้อเสนอของไพบูลย์ ก็จะแสดงเจตนาชัดเจนว่ากีดกันพรรคการเมืองอื่นๆ ที่ไม่ได้สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหลังเลือกตั้ง ตามแผนการณ์ของไพบูลย์

ที่เห็นว่าพล.อ.ประยุทธ์เหมาะสมที่สุดสำหรับการเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป โดยไพบูลย์โป้ปดหรือบิดเบือนว่าเพราะ “ทั้งตัวเองและครอบครัวไม่มีเรื่องทุจริตคอรัปชั่น” อ้างว่า “ข้อวิพากษ์วิจารณ์อาจเกิดขึ้นกับบุคคลร่วมรัฐบาล” เท่านั้น

หากไพบูลย์ไม่ใช่นักปลิ้นปล้อนตามการประพฤติที่ปรากฏ ไพบูลย์ก็เป็นนักการเมืองลูกน้องเผด็จการที่ชุ่ยและมักง่าย ไม่คิดตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนพูด

ในเมื่อพล.อ.ประยุทธ์เองมีข้อครหาเรื่องขายที่ดินมรดกจากพ่อให้กับเสี่ยเจริญบริษัทไทยเบฟ เป็นเงินถึง ๖๐๐ ล้าน ผ่านบริษัทลับเลี่ยงภาษีตั้งอยู่ที่หมู่เกาะบริทิชเวอร์จิน ไม่มีใครบังอาจสอบสวนได้

 
โดยเฉพาะข้อกล่าวหาคอรัปชั่นในวงครอบครัว ก็เกิดกับน้องสะใภ้และหลานชายของพล.อ.ประยุทธ์เอง แม่โอนเงินกองทัพภาคเข้าบัญชีส่วนตัว ลูกเปิดบริษัทรับเหมางานกองทัพภาคที่พ่อเป็น ผบ. รวมแล้ว ๓๐๐ ล้าน มีผู้บริหารสามคนเงินลงทุน ๓ ล้าน

ไหนจะตัวพล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา รับเงินเดือนหลายหมื่นในตำแหน่ง สนช.อยู่หลายปี โดยขาดประชุมเป็นว่าเล่น แต่ก็ไม่มีการรับผิดใดๆ

ที่ไพบูลย์บอกว่า “ผมทำหน้าที่ตรวจสอบผู้บริหารระดับสูง ทำให้นายกฯ ในรัฐบาลก่อนพ้นจากตำแหน่งมาแล้ว วันนี้ตรวจสอบพล.อ.ประยุทธ์แล้วไม่พบปัญหา” จึงเป็นการโกหกอย่างหน้าด้านๆ ชนิดที่ทำให้เคลือบแคลงความโปร่งใสของประยุทธ์ยิ่งขึ้นไปอีก


อีกทั้งการที่ คสช. และรัฐบาลประยุทธ์ปล่อยให้ไพบูลย์เสนอนโยบายแก่ตน เพื่อเอาเปรียบกีดกันพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม และทำการโกหกสังคมเช่นนี้ ถึงประยุทธ์จะอ้างว่าไม่รู้เห็น เป็นความหวังดีอย่างมักได้ของคนนั้นเองก็ตาม

หากไม่สนใจที่จะชำระล้าง ความแปดเปื้อนย่อมติดอยู่กับประยุทธ์ ส่วนจะไปเอาผิดกับผู้ที่ทำให้เปื้อนหรือไม่เป็นอีกเรื่อง