วันศุกร์, มิถุนายน 08, 2561

ทำไม? คำขอโทษมีเฉพาะที่วัดอ้อน้อยเท่านั้น... วัดปทุมวนาราม ไม่เกี่ยว!!!





วงค์ ตาวัน : อ้อน้อยเท่านั้น วัดปทุมฯ ไม่เกี่ยว


มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 1 - 7 มิถุนายน 2561
ผู้เขียน วงค์ ตาวัน


ปฏิบัติการของคอมมานโดกองปราบฯ ในการบุกจับอดีตพระสุวิทย์ ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหา ใน 2 ข้อหาหนักหน่วงคือ ปลอมแปลงและใช้พระปรมาภิไธยปลอมในการจัดสร้างพระ กับข้อหาอั้งยี่ซ่องโจร เนื่องจากกรณีระหว่างชุมนุมม็อบนกหวีดที่ย่านแจ้งวัฒนะ อดีตพระสุวิทย์ได้ร่วมสนับสนุนให้กลุ่มการ์ดจับตัวตำรวจสันติบาล 2 นายมาทำร้ายร่างกายและปล้นทรัพย์

ได้ทำให้บรรดาแกนนำม็อบ กปปส. ที่เคยร่วมต่อสู้ด้วยกัน แสดงความไม่พอใจการกระทำของตำรวจอย่างรุนแรง

ขณะที่นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ต่างออกมายืนยันว่าเป็นการปฏิบัติตามยุทธวิธี โดยต้องใช้ความรวดเร็วในการควบคุมตัวออกมาจากวัด เพื่อป้องกันกลุ่มการ์ดของอดีตพระสุวิทย์ที่มีพฤติกรรมรุนแรงและมีอาวุธ ไปจนถึงป้องกันการปลุกม็อบมาขัดขวางการควบคุมตัว

“แต่ขณะเดียวกันมีประชาชนอีกจำนวนไม่น้อย ที่ไม่ได้ร่วมกับ กปปส. ต่างเห็นว่าตำรวจคอมมานโดปฏิบัติการเช่นนี้เป็นเรื่องปกติ มีการจับกุมผู้ต้องหาสำคัญหลายรายด้วยวิธีการแบบนี้ ทั้งเห็นด้วยว่าสภาพภายในอาณาจักรวัดอ้อน้อย มีความจำเป็นที่เจ้าหน้าที่จะต้องมีความพร้อมสูง”






ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ พร้อมด้วยแกนนำ คสช. ออกมากล่าวขอโทษอดีตพระสุวิทย์ และขอโทษประชาชนที่ไม่สบายใจกับปฏิบัติการของตำรวจในการบุกเข้าไปในวัดเช่นนั้น รวมทั้งได้กล่าวเตือนเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ให้ทำเช่นนั้นอีก

ผลที่ตามมาก็คือ เสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่อนายกฯ และแกนนำ คสช. อย่างอื้ออึง

ทำให้มีการนำเอาภาพที่อดีตพระสุวิทย์เคยเจิมหน้าผาก พล.อ.ประยุทธ์และนายทหารชั้นผู้ใหญ่ออกมาเผยแพร่ แสดงถึงความใกล้ชิดสนิทสนม

“สุดท้ายนายกฯ ก็ต้องออกมาชี้แจงและตอบโต้เรื่องภาพดังกล่าวอีกรอบ ยืนยันว่าไม่ได้สนิทสนมอะไร พัวพันอลหม่านไปหมด!!”

ขณะที่แกนนำ นปช. ดาหน้าออกมายืนยันว่า ในช่วงหลังการรัฐประหาร มีการบุกเข้าควบคุมตัวคนเสื้อแดงด้วยวิธีการรุนแรงยิ่งกว่านี้ ไม่เห็นเคยขอโทษ

ไปจนถึงมีการเปรียบเทียบเหตุการณ์ล่าสุด ที่มีการใช้เจ้าหน้าที่ตรวจหลายพันนายควบคุมการชุมนุมของกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง และยังนำตัวไปดำเนินคดีหลายข้อหา ทั้งที่เป็นการเรียกร้องตามสิทธิรัฐธรรมนูญ

“แต่ก็ไม่มีคำขอโทษจากใคร”

ขณะเดียวกัน ยังมีการเปรียบเทียบกรณีนี้ หากนายกฯ อ้างว่าเป็นพื้นที่วัด จำเป็นต้องใช้ความนุ่มนวลเข้าปฏิบัติการ

แล้วกรณีล้อมวัดพระธรรมกายเพื่อจะจับกุมพระธัมมชโย มีการใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจลและหน่วยต่างๆ มากมาย ในการปิดล้อมและบุกเข้าตรวจค้น เอิกเกริกยิ่งกว่า ไม่มีความนุ่มนวลใดๆ เลย

เหนืออื่นใด มีการพูดถึงเหตุการณ์ที่วัดปทุมวนาราม เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553

ว่านั่นก็คือวัด แต่รุนแรงยิ่งกว่า มีการใช้อาวุธจริง กระสุนจริง จนมีผู้เสียชีวิตถึง 6 ราย!

โดยข้อเท็จจริงแล้ว พฤติกรรมของอดีตพระสุวิทย์ เมื่อครั้งเป็นผู้นำม็อบ กปปส. คุมพื้นที่แจ้งวัฒนะ จนเป็นเหตุให้ถูกจับกุมดำเนินคดีข้อหาอั้งยี่ซ่องโจรครั้งนี้ ยังมีเรื่องราวรุนแรงมากมายเกิดขึ้นจากกลุ่มการ์ดของอดีตพระสุวิทย์ในช่วงที่มีการชุมนุม

รวมๆ แล้วกล่าวได้ว่า ขณะเป็นผู้นำม็อบดังกล่าว อดีตพระสุวิทย์ยังห่มเหลือง ยังมีความเป็นพระอยู่ แต่ในระหว่างนั้น ไม่ได้แสดงออกถึงการเป็นผู้ยึดหลักด้านศาสนาเลย

เหตุการณ์ที่ถูกออกหมายจับ เกิดจากการ์ดของอดีตพระสุวิทย์จับตัวตำรวจสันติบาล 2 นายมารุมซ้อม แล้วปล้นเอาทรัพย์สิน เช่น โทรศัพท์มือถือ จากนั้นคุมตัวมายังด้านข้างเวที กปปส. แจ้งวัฒนะ

“มีคลิปปรากฏหลักฐานว่า อดีตพระสุวิทย์ได้นั่งซักถามตำรวจทั้งสองที่อยู่ในสภาพสะบักสะบอม โดยไม่มีการแสดงความเมตตา หรือตกใจสลดใจ หรือห้ามปรามเรื่องการทำร้ายร่างกายดังกล่าว”

เหตุการณ์ต่อมาที่รุนแรงอย่างมาก คือกรณีอดีตพระสุวิทย์นำม็อบไปปิดล้อมหีบบัตรเลือกตั้งที่บริเวณย่านหลักสี่ แล้วมีกลุ่มชาวบ้านอีกฝ่ายมาแสดงความไม่พอใจ ทำให้กลุ่มมือปืนป๊อปคอร์น ซึ่งเป็นการ์ด กปปส. จากเวทีลาดพร้าว ยกกำลังมาสนับสนุน เกิดการใช้อาวุธของฝ่าย กปปส. อย่างโจ่งแจ้งหลายสิบกระบอก ทำให้มีลุงอะแกวที่มาตามหาลูกสาวถูกกระสุนปืนตาย

“ทั้งหมดนี้อดีตพระสุวิทย์ไม่เคยแสดงอาการห้ามปราม หรือหยุดยั้งการที่คนฝ่ายเดียวกันใช้อาวุธปืนยิงใส่เพื่อนมนุษย์คนอื่นเลย”

รวมไปถึงกรณีนำม็อบบุกไปที่โรงแรมเอสซีปาร์ค จนผู้จัดการโรงแรมต้องออกมาเจรจาขอร้อง กระทั่งต้องจ่ายเงินสดนับแสนให้กับอดีตพระสุวิทย์ ยืนนับเงินเป็นปึกอย่างมีความสุข อันเป็นคลิปที่สร้างความอึดอัดใจให้แก่เหล่าพุทธศาสนิกชนอย่างมาก

ที่ลือลั่นและยังจดจำสยดสยองกันได้ถึงวันนี้ ก็คือ เหตุการณ์บริเวณถนนแจ้งวัฒนะ ช่วงที่ม็อบนกหวีดชุมนุม มีการปิดพื้นผิวถนนหลายจุด เกิดกรณีกรวยศักดิ์สิทธิ์ ใครแตะต้องถูกยิงทันที

“จนกล่าวกันว่า ขณะเป็นผู้นำม็อบแจ้งวัฒนะ นอกจากเป็นการกระทำที่ไม่ใช่กิจของสงฆ์แล้ว ยังใช้วิธีการที่ไม่ได้อยู่ในแนวทางศาสนาแต่อย่างใดเลย ไม่มีหลักการแผ่เมตตา สงบสันติ”





ความรักความศรัทธาที่มีต่ออดีตพระสุวิทย์ ของเหล่าแกนนำม็อบนกหวีด จึงอยู่บนพื้นฐานของผู้นำม็อบที่ดุดันแข็งกร้าว จนยกย่องว่าเป็นราชสีห์

ดังนั้น การที่คอมมานโดกองปราบฯ บุกไปจับตัวถึงวัด อาจจะสะเทือนใจชาวม็อบ กปปส. ว่าทำไมตำรวจยุคนี้จึงกล้าจับกุมผู้นำม็อบคนสำคัญของพวกเรา

ส่วนในสายตาพุทธศาสนิกชน ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นการกระทำรุนแรงต่อพระแต่อย่างใด เพราะนั่นคือแกนนำม็อบที่บู๊ดุเดือดเลือดพล่านเมื่อ 4 ปีก่อน!

เมื่อผู้นำรัฐบาลจะเอ่ยอ้างว่าเหตุการณ์จับกุมเกิดขึ้นในวัด ตำรวจควรใช้ความนุ่มนวลมากกว่านี้ ยิ่งทำให้คนจำนวนไม่น้อยนึกถึงปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่รัฐที่กระทำต่อพื้นที่วัด โดยเฉพาะเมื่อปี 2553 คือ 6 ศพวัดปทุมวนาราม

เหตุการณ์เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 หลังจาก ศอฉ. นำกำลังทหารเข้ายึดพื้นที่ราชประสงค์ สลายการชุมนุมของเสื้อแดงได้จบสิ้นแล้ว

ยังมีมวลชนนับพันที่ยังหลบอยู่ภายในวัดปทุมวนาราม เนื่องจากยังอยู่ในสภาพตกใจ รวมทั้งมีมวลชนอีกส่วนที่เข้ามาอาศัยอยู่ก่อน เนื่องจากมีกลุ่มสิทธิมนุษยชนได้เรียกร้องให้เปิดพื้นที่วัดปทุมฯ ที่อยู่ไม่ไกลจากราชประสงค์ ให้เด็กสตรีไว้พักพิง

“ประกาศเป็นเขตอภัยทาน ขึ้นป้ายหน้าวัดชัดเจน”

แต่อาจมีความหวาดระแวง ว่าเหตุใดยังมีเสื้อแดงอยู่ในวัดปทุมฯ นับพันคน จึงมีการเคลื่อนกำลังเจ้าหน้าที่ ศอฉ. มาตรึงบริเวณหน้าวัด

กำลังเจ้าหน้าที่ชุดพราง ใส่หมวกเหล็กพร้อมติดสติ๊กเกอร์สีชมพู ที่เป็นสัญลักษณ์ที่ ศอฉ. กำหนดให้ใช้ในปฏิบัติการของทหารทั้งหมดในวันดังกล่าว ขึ้นไปยืนอยู่บนรางรถไฟฟ้าหน้าวัดปทุมฯ

“ปรากฏหลักฐานการถ่ายวิดีโอของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รักษาการณ์บนยอดตึกสูงในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ!”

วิดีโอเห็นช่วงเวลาเย็นใกล้ค่ำ เจ้าหน้าที่ชุดพรางหมวกเหล็กสติ๊กเกอร์สีชมพูจำนวนหนึ่ง เล็งปืนยืนยิงเข้าไปภายในวัดเป็นระยะๆ โดยผู้ยิงไม่ได้ก้มหลบเลย แปลว่าเป็นการยิงฝ่ายเดียว ไม่มีการยิงตอบโต้จากภายในวัด

“ลงเอยมีคนตายถึง 6 ราย”






เหตุการณ์นี้ ศาลได้ชี้ผลไต่สวนชันสูตรศพแล้วว่า ทั้ง 6 ศพถูกยิงด้วยปืนของเจ้าหน้าที่ ศอฉ. บนรางรถไฟฟ้า และอีกชุดจากเจ้าหน้าที่ทหารพื้นราบหน้าวัด

นี่รุนแรงยิ่งกว่า และพัวพันกับเจ้าหน้าที่ทหารซึ่งผู้นำรัฐบาลนี้หลายรายก็ร่วมในปฏิบัติการ ศอฉ. เมื่อปี 2553

แต่คำขอโทษมีเฉพาะที่วัดอ้อน้อย ไม่เกี่ยวกับวัดปทุมวนารามแต่อย่างใด!?!