วันพฤหัสบดี, มีนาคม 08, 2561

๓ วิปริตผิดเพี้ยนวันนี้ "โพลตกแสดงว่าทำงานได้ผล", "ไม่ตั้งใจชูนิ้ว แค่สะบัดมือ" และ "ซื้อสินค้าปลอดอากรต้องเอาออกนอกเท่านั้น"

ไตแลนเดียทุกวันนี้เป็นยุคที่เส้นทางของเหตุผลและตรรกะ ดูจะวิปริตผิดเพี้ยนแบบไทยๆ กันไปใหญ่แล้วนะออเจ้า

๑.คนที่อยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจากการยึดอำนาจ แล้วให้ลิ่วล้อเขียนกฎหมายหักแข้งหักขาพรรคการเมืองและเปิดช่องทางตนเองกลับสู่อำนาจโดยไม่ต้องผ่านการเลือกตั้ง พร้อมทั้งมอบอำนาจสูงส่งให้แก่องค์กรอภิสิทธิ์ภายใต้วาทกรรม ตุลาการ ศาลรัฐธรรมนูญ พูดออกมาหน้าตาเฉยเลยว่า

“ถ้าโพลคะแนนนิยมตกแสดงว่าเราทำงานได้ผล เพราะมันจะต้องแก้ไขปัญหา เพราะถ้าทำตามใจคนทุกอย่าง โพลก็จะขึ้นทั้งหมด


๒.ทหารคนหนึ่งซึ่งทำหน้าที่ฝ่ายปกครองในท้องที่ ตามอำนาจที่มอบหมายให้จากคณะรัฐประหาร ยกนิ้วกลางให้ชาวบ้านกลุ่ม เดินมิตรภาพที่เดินทางไปยื่นหนังสือแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยาคัดค้านการแจ้งข้อหาพวกเขา

เมื่อพยายามสะกัดไม่เป็นผล กลุ่มชาวบ้านไม่ยอมฟังคำชี้แจง ที่ว่า “ไม่มีการดำเนินคดีฐานฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช. ฉบับที่ ๓/๒๕๕๘ แล้ว” เกิดอาการฉุนเฉียว โพล่งออกมาว่า “พวกคุณตรัสรู้ได้ยังไง” พร้อมยกนิ้วกลางยื่นไปทางช่างภาพ

เมื่อผู้ถ่ายคลิประบุว่า “ชัดเจนนะคะ ตอนนี้มีการยกนิ้วกลางใส่ด้วยนะคะ” ทหารนายนั้นกลับมาต่อความอีกว่า “ก็แล้วแต่สิ”

ท้ายสุด พ.อ.ทินชาติ สุทธิรักษ์ กลับชี้แจงแก้ต่างว่า “ไม่ตั้งใจจะชูนิ้วเลย” เป็นเพียงการ สะบัดมือ เท่านั้น


๓.อธิบดีกรมศุลการกรให้อัตถาธิบายถึงประกาศใหม่ของกรมฯ ๒ ฉบับ เกี่ยวกับการเก็บอากรสิ่งของที่ผู้เดินทางอากาศยานนำติดตัวไปทั้งขาเข้าและขาออก กรณีที่มีการต่อเครื่องไปยังสนามบินอื่นภายในไทย
ระเบียบการใหม่นี้ทีค่อนข้างประหลาด ไม่เห็นทำกันในประเทศตะวันตก (โดยเฉพาะสหรัฐ) ก็คือ “กรณีเดินทางออกนอกประเทศ

หากจะนำของมีค่าออกไป เช่น นาฬิกา กล้องถ่ายวีดีโอ กล้องถ่ายรูป คอมพิวเตอร์สำหรับพกพา ซึ่งมีเครื่องหมาย เลขหมายที่สามารถตรวจสอบได้ ให้แจ้งต่อพนักงานศุลกากร ณ ห้องที่ทำการศุลกากรบริเวณห้องผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ

โดยต้องนำภาพถ่ายของสิ่งของที่นำมาแจ้งจำนวน ๒ ชุด เจ้าหน้าที่จะมอบใบรับแจ้งของมีค่าที่ผู้โดยสารนำติดตัวออกไป เมื่อกลับมายังประเทศไทยให้แสดงใบรับแจ้งของมีค่าต่อพนักงานศุลกากรช่องแดงในวันเดินทางกลับประเทศไทย เพื่อขอรับการยกเว้นอากรในฐานะของใช้ส่วนตัว”


ย้อนกลับไปไล่เลียงกันทีละข้อ กรณีแรกนั้นเป็นการอ้างของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่หาตรรกะและความสมเหตุสมผลไม่ได้เอาเสียเลย สักแต่ว่าเป็นผู้กำอำนาจรัฐแล้วนึกจะพูดอ้างอย่างไร ไม่คำนึงกันแล้วว่าฟังขึ้นหรือไม่ น่าสมเพชก็ตรงที่มีคนฟังแล้วพยักหน้าผงกหัวกันดิกๆ

ซ้ำร้ายจากนี้ไปไตแลนเดียมีองค์กรสูงส่งชุดเก่าเสื้อครุยใหม่ ด้วย พรป.ศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.๒๕๖๑ ที่มีอำนาจให้คำปรึกษาข้อพิพาทองค์กรการเมือง โดย ม.๔๔ บัญญัติให้อำนาจ “วินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา รัฐสภา คณะรัฐมนตรีหรือองค์กรอิสระ”

และยิ่งไปกว่านั้นมีการบัญญัติ ห้าม วิจารณ์คำสั่งหรือวินิจฉัยคดีของศาลรัฐธรรมนูญ ที่มีระวางโทษการละเมิด เช่น ใช้ถ้อยคำหรือความหมายที่หยาบคาย เสียดสี อาฆาตมาดร้าย ให้จำคุกไม่เกิน ๑ เดือน หรือปรับไม่เกิน ๕ หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ส่วนบทว่าด้วยสิทธิของประชาชนในการฟ้องศาลรัฐธรรมนูญ บัญญัติไว้เสียเก๋ไก๋ว่า มีแต่ซับซ้อนย้อนยอกเสียเกือบจะ ไม่มี’ เช่น จะฟ้องได้ต้องเป็นการละเมิดโดยหน่วยงานรัฐ แต่ “ต้องไม่ใช่การกระทำของรัฐบาล” (ใครเข้าใจบ้าง)

มาตรา ๔๕ ให้ร้องขอต่อหน่วยงานเกี่ยวข้องก่อน ถ้าหน่วยงานนั้นทำไม่รู้ไม่ชี้ให้รอ ๙๐ วันค่อยร้องซ้ำ ตอนนี้ให้รอต่ออีก ๓๐ วันจึงไปยื่นกับผู้ตรวจการแผ่นดินได้ จากนั้นจะเป็นความกรุณาปราณีของผู้ตรวจฯ อนุญาตให้นำไปยื่นต่อคณะรัฐมนตรีได้ ต่อเมื่อ ครม. ตัดสินไม่เห็นด้วย จึงค่อยไปยื่นต่อศาลได้ภายใน ๓๐ วัน

รวมความว่าต้องผ่านกรรมวิธีโอละพ่อ โย้ไปโย้มา ๕ เดือนจึงได้ใช่สิทธิยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญตาม พรป.อันสุดวิเศษนี่ แค่นี้ก็เซ็งแล้ว ท่านใดยังไหวไปอ่านต่อที่ https://prachatai.com/journal/2018/03/75746
 
เกี่ยวกับ ท.ทหารไม่อดทน ที่จังหวัดพะเยา ใครดูคลิป (ก็เค้าบอกให้ไปดูอะ) จะเห็นทั่นพันเอก ทินชาติ สุทธิรักษ์ ออกอาการอิดหนาระอาใจเสียเหลือเกิน เมื่อกลุ่มชาวบ้านเดินมิตรภาพไปร้องเรียนและพยายามจะยื่นหนังสือถึงผู้ว่าฯ ให้ได้

แกฉุนตรงที่ชาวบ้านไม่ยอมเชื่อที่แกบอกว่าไม่มีการดำเนินคดีตามคำสั่ง คสช.ที่ ๓/๒๕๕๘ ชาวย้อนว่าก็ไม่เห็นเอกสารใดๆ ออกมาแล้วจะให้เชื่อได้ไง นี่แหละแกถึงฉุน (ประมาณว่าอะไรวะตะหานใหญ่คับฟ้าฉะนี้พูดแล้วยังไม่เชื่อ มันน่า)

ส่วนกรณีประกาศที่ ๕๙ และ ๖๐/๒๕๖๑ ของกรมศุลการกรนั้นดูจะ มาแปลกจนน่าฉงน ว่าเป็นไปได้ไง มีอะไรผิดผีผิดไข้หรือเปล่า เมื่อบอกว่า

“ของที่ซื้อจากร้านค้าปลอดอากรขาออกในเมือง หรือร้านค้าปลอดอากรภายในอาคารผู้โดยสารขาออก ณ สนามบิน จะต้องนำออกไปนอกราชอาณาจักรเท่านั้น หากนำกลับเข้ามาให้ผ่านการตรวจที่ช่องแดง (Goods to Declare) และชำระอากร”

เล่นแบบนี้คิงพาวเวอร์เขาก็แย่สินาย