วันจันทร์, ตุลาคม 02, 2560

บริวารเป็นพิษ – คนใกล้ชิดทำพัง เรื่องฉาว “บิ๊ก คสช.” เริ่มใกล้ตัว "ลุงตู่"





บริวารเป็นพิษ – คนใกล้ชิดทำพัง เรื่องฉาว “บิ๊ก คสช.” เริ่มใกล้ตัว "ลุงตู่"


30 ก.ย. 2560
ที่มา MGR Online


ป้อมพระสุเมรุ

“บริวารเป็นพิษ - คนใกล้ชิดทำพัง” มีบทเรียนให้เห็นมาแล้วนักต่อนักไม่ว่าจะยุคสมัยไหน ไม่เว้นกระทั่ง “รัฐบาล คสช.” ที่มีอำนาจเหลือล้น ก็ยังออกอาการ ทำท่าจะไม่ส่อสันดอน

จากเดิมช่วงแรกเริ่มของยุค คสช.ที่มีกระแส “ลุงตู่ฟีเวอร์” ประคับประคอง ตีตกประเด็นฉาวโฉ่มาได้เรื่อย แต่พอเข้า “ยุคเสื่อม” ทำอะไรๆมันก็ผิดไปหมด ลำพัง “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ก็ยังเสียอาการ

ยิ่ง คสช.อยู่นานวัน เรื่องฉาวโฉ่-ข้อกล่าวหาฉกรรจ์ ประเภท “ทุจริตโกงกิน” ของ “รัฐบาลทหาร” ก็เริ่มถูกขยายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาเรื่อยๆ จนโดนค่อนขอดบ่อยครั้งว่าไม่ใช่ “ยุคปฏิรูป” อย่างที่โฆษณาไว้ เป็นแค่ช่วง “อำนาจผลัดใบ ผลประโยชน์ผลัดมือ” เท่านั้น

และจากที่เคยมี “ตำบลกระสุนตก” แค่ “ป๋าป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่ คสช.คนเดียว ก็เริ่มขยายวงกระจายไปถึง “บิ๊ก คสช.” คนอื่นๆอย่างถ้วนหน้า

จาก “พี่ป้อม” มาถึง “พี่ป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พี่รอง คสช. ที่จากเดิมถูกขนานนามว่า “เสือเงียบ” ไม่ค่อยมีใครไปข้องแวะกับ “อาณาจักรคลองหลอด” มาตลอดช่วง 3 ปีเศษที่ผ่านมา แต่พอเริ่มมีข่าวทางลบจาก ปม "ป่ากระทิงแดง" มีลายเซ็นโชว์หราอนุมัติให้ "ทุนใหญ่" ไปใช้พื้นที่ป่าสาธารณะตั้งโรงงาน ที่ห้วยเม็ก ต.บ้านดง อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น เท่านั้นแหละ กลายเป็น “คราวเคราะห์” ของเจ้าตัวไปเสียนี่

ตั้งแต่ “ปมป่ากระทิงแดง” ที่ “บิ๊กป๊อก” โชว์ภาวะผู้นำ ด้วยการโยนบาปให้ “ลูกน้อง” ที่ชงเรื่องมาให้ โอดโอยว่าถูก “วางยา” สั่งการให้ไล่เบี้ยหา “ข้าราชการ” มาลงโทษทั้งวินัย-อาญา ทั้งที่หลักฐานทนโท่ว่ามีลายเซ็นต์ “ท่าน มท.1” อนุมัติโชว์หราอยู่ ในทางกฎหมายถือเป็น “ใบเสร็จ” ว่า “ความผิดสำเร็จแล้ว” ด้วยซ้ำ

แล้วจังหวะพอเหมาะพอเจาะก็มีข่าวจาก “บิ๊กเจี๊ยบ” พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ.คนปัจจุบันว่า ได้สั่งจำหน่าย-ปลดประจำการ “เรือเหาะตรวจการณ์รุ่น Aeros 40D S/ N 21 หรือ sky dragon” ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สาเหตุเพราะ “เรือเหาะ 350 ล้านบาท” ที่ว่าอยู่ในสภาพ “เรือเหี่ยว” บอลลูนเสื่อมสภาพมานานแล้ว ต้องสูญเสียงบประมาณดูแลรักษาไม่ต่ำกว่าปีละ 50 ล้านบาท มาอย่างน้อย 8 ปีเต็ม ดีดลูกติดแล้ว ช่วง 8 ปีที่มี “เรือเหาะ” มาประดับบารมี เสริแสนยานุภาพกองทัพ สูญสิ้นงบประมาณไปราวพันล้านบาท หย่อนนิดหน่อย

ภาพจำเรื่อง “เรือเหาะ” ตลอดจน “ไม้ล้างป่าช้า จีที 200” ติดตัว “บิ๊กป๊อก” มาตั้งแต่สมัยเป็น ผบ.ทบ. จนมีการชงให้รื้อฟื้นตั้งเรื่องสอบหาคนทำผิด ผลาญงบประเทศกันอีกครั้ง

ต่อมาด้วย "โครงการโรงไฟฟ้าขยะ" ในความรับผิดชอบของ กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในกำกับของ กระทรวงมหาดไทยที่กำลังเผชิญ "แรงต้าน" ทุกหัวระแหง หลังใช้ "กำลังภายใน" ผลักดันให้เป็น "วาระแห่งชาติ" แถมได้ "นายกฯน้องตู่" ลงนาม ม.44 กรุยทางปลดล็อกทั้ง "อีไอเอ-ผังเมือง" ให้ราวกับปูพรมแดง

ทว่าข้อพิรุธมีอยู่อื้อ โดยเฉพาะเรื่อง "กลุ่มทุน" ที่กระเหี้ยนกระหือรือแต่งตัวกันเข้ามาสวาปาม "ขุมทรัพย์อาจมแสนล้าน"ขณะนี้ โยงไปโยงมาต่างก็ใกล้ชิด "กลุ่มการเมือง" ที่อยู่ดีๆ ก็โป๊ะเชะต่อสายมาถึง "บิ๊ก คสช." อีก

ไม่ใช่แต่คิว “พี่ใหญ่ - พี่รอง” ที่โรมรันพันตูมาถึง “น้องตู่” เรื่องราวไม่ค่อยเป็นมงคลยังคืบคลานมาใกล้ “นายกฯตู่” เข้าไปอีก เมื่อปรากฎชื่อ "บิ๊กนมชง" พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรฯ เพื่อนเตรียมทหาร (ตท.) รุ่น 12 ของ "เพื่อนตู่" ที่ข้ามฟากมาจากกระทรวงพาณิชย์ มายังกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ราว 2 ปี ก็ติดอันดับ “รัฐมนตรีสอบตก” มาอย่างต่อเนื่อง แก้ปัญหาเกษตรกรไม่ได้แม้แต่น้อย ทั้งที่ผลาญ "งบกลาง" ที่กันไว้ให้นายกฯ ใช้ในยามฉุกเฉินที่ 3 ปีมานี้ “รัฐบาล คสช.” ตั้งไว้รวม 1.2 ล้านล้านบาท ไปให้กับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของกระทรวงเกษตรฯ ที่เรียกได้ว่า "ฉุกเฉิน" ทุกเรื่องกว่าครึ่งหนึ่ง หรือไม่ต่ำกว่า 5 แสนล้านบาท

ว่ากันว่า งบประเภทนี้ใช้ก่อน-บอกทีหลัง ตรวจสอบกันยาก ออกแนว “ละลายแม่น้ำ” ไปก็มาก

แต่ที่หนักข้อมากกว่านั้น และกำลังกระหึ่มขึ้นมาเรื่อยๆ ก็กระแสข่าวการทุจริตใน "โครงการ 9101 ตามรอยเท้าพ่อ ภายใต้ร่มพระบารมี เพื่อพัฒนาการเกษตรที่ยั่งยืน" ในกำกับของกระทรวงเกษตรฯ

รายละเอียดของโครงการ คือ สนับสนุนเงินลงทุนเริ่มต้นให้กับเกษตรกรในชุมชน 9,101 แห่งๆ ละ 2.5 ล้านบาท วงเงินรวม 22,800 ล้านบาท

จ่ายตรงให้เกษตรกรในชุมชนประมาณครึ่งนึง อีกครึ่งกันไว้ให้เกษตรกรนำไปซื้อปัจจัยต่างๆ

งบที่ถูกแบ่งเป็น 2 ก้อนใหญ่ ก็ดันมีปัญหาทั้ง 2 ก้อน ก้อนแรกที่จ่ายตรงในลักษณะ "ค่าจ้างงาน" ก็มี “ผู้ใหญ่บ้าน” เป็นคนเดินงานจัดแจงให้ลงชื่อทำงานแบบขาดๆเกินๆ เปิดช่องให้มี “ส่วนต่าง” ผันออกไปเป็น “เงินกินเปล่า” ไม่ต่ำกว่าครึ่ง ที่ยังไม่ชัดว่าปลายทางก้อนนี้ไปถึงระดับไหน

ส่วนงบซื้อปัจจัย ก็ถูก "สำนักข่าวอิศราฯ" แฉออกมาเป็นซีรี่ย์ โดยเฉพาะกรณีของชุมชนใน ต.ตรึม อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ ที่มีการกำหนดค่าวัสดุ-แรงงานเท่ากันเป๊ะๆ ถึง 18 ชุมชน ทุกชุมชนบังเอิญในการทำ "โครงการผลิตปุ๋ยอินทรีย์" เหมือนกันเด๊ะ อีกทั้งยัง “กำหนดแกมบังคับ” ให้สั่งซื้อ "ขี้วัว ขี้ไก่" สำหรับทำปุ๋ยจาก "ผู้รับเหมา" ที่ "เกษตรอำเภอ" หาให้ ในราคากิโลกรัมละ 4 บาท ซึ่งแพงกว่าที่ "ชาวบ้าน" ขายกันเอง ที่กิโลกรัมละ 2 บาท ต่างกันครึ่งต่อครึ่ง

หากเดินตามโมเดลนี้ทั่วประเทศ งบประมาณ 22,800 ล้านบาท ก็อร่อยเหาะ

เมื่อเรื่องแดงขึ้น ทั้ง "นายกฯ ตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ "เพื่อนฉัตร" พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรฯ ก็สั่งการให้ตรวจสอบทันที ลั่นหากพบว่ามีการกระทำผิดก็จะ "ฟันไม่เลี้ยง"

สอบได้ไม่ถึงสัปดาห์ สมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ออกมาเปิดเผยผลการตรวจสอบว่า 75 จังหวัด ไม่พบการทุจริตตามที่ได้มีการร้องเรียนมา เหลือ 2 จังหวัด อยู่ในระหว่างการตรวจสอบ คาดว่าจะสรุปได้ใน 1-2 วันนี้

ตรวจสอบแบบลวกๆ มีธงฟอกขาวแบบนี้ ก็คงไม่มีใครเชื่อ

ยังไม่หมดแค่นั้น การประมูลข้าวสต๊อกรัฐ ที่นัวเนียหลายหน่วย คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ที่มี “บิ๊กตู่ - บิ๊กฉัตร” เป็นประธานและรองประธาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม รวมทั้ง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ “บิ๊กฉัตร” เป็นเจ้ากระทรวงอีกขา

มีทั้งกรณีกีดกันบริษัทเอกชน ปล่อยให้มีขบวนการนำ "ข้าวเสีย-ข้าวเน่า-ข้าวอาหารสัตว์" มาเวียนขายเป็น "ข้าวคนกิน" ส่งกลิ่นหนักจน กรมการค้าต่างประเทศ ที่มี ดวงพร รอดพยาธิ์ เป็นอธิบดี ที่เคยเสียงดังว่า ต้องรีบระบายข้าวให้หมดสต๊อกเพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้น เลือก “เกียร์ว่าง” ไม่กล้าขยับต่อ เกรงว่าจะพัวพันจนตัวเองไปตกพุ่มซวย ไม่ต่างจาก “อธิบดีรุ่นพี่” ที่เจอพิษ "จีทูเจี๊ยะ" ติดคุกกันไปคนละร่วมครึ่งร้อยปี

ยังไม่หมดแค่นั้น เพราะจากผลการประมูลข้าวสต๊อกรัฐ ก็มี “รัฐมนตรีระดับบิ๊ก” ไป "ตบทรัพย์" เรียกรับประโยชน์จาก “เอกชน” ที่ชนะการประมูล เรียกกันไปถึง “พันล้านบาท” แต่ถูกปฏิเสธหน้าหงาย จนมี "ใบสั่ง" ให้มีตัดสิทธิ์ "เอกชนจอมดื้อ" รายนั้นออกจากสารบบประมูลข้าวสต๊อกรัฐ

เป็น “รัฐมนตรีระดับบิ๊ก” คนเดียวกับที่นั่ง “เฮลิคอปเตอร์กองทัพบก” ย่องไปคุยโรงสีข้าวที่ จ.กำแพงเพชร โดยอ้างว่าเป็น “ภารกิจลับ”นั่นแหละ.