วันศุกร์, ตุลาคม 20, 2560

"ผิดตรงไหน" แหม่ ผิดตรงราคาแพงเกินไปไงเพ่ ซื้อเครื่องตรวจจับความเร็ว ใช้งบฯ เกือบ ๖๐๐ ล้าน

ตัวหัวหน้าเพิ่งพูดอยู่หลัดๆ “ฉวยโอกาสในเวลาที่ไม่เหมาะสม” แล้วไหง “วันนี้รัฐบาลกลับอาศัยช่วงจังหวะที่คนไทยส่วนใหญ่กำลังใจจดใจจ่อกับงานพระราชพิธีสำคัญ...”

นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอรัปชั่น (คปต.) โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ค

ว่า “เอาอีกแล้ว ปภ. (กรมป้องกัน-บรรเทาสาธารณะภัย) จะซื้อเครื่องตรวจจับความเร็วแบบพกพา ราคาสูงถึงเครื่องละเกือบล้านบาท...ทั้งที่มีเครื่องอีกแบบใช้ได้ดี ราคาเพียงเครื่องละ ๑๓๐,๐๐๐ บาทเท่านั้น แต่ไม่ซื้อ”

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พูดไว้เมื่อสองวันก่อน “โอเคนะ ผมไม่ได้ว่าใคร...เรื่องการเคลื่อนไหวที่มีการเชื่อมโยงภาคประชาชน นักการเมือง...ว่าการเตรียมการในพระราชพิธีสำคัญได้ฝากถึงประชาชนนานแล้ว ใครที่ใช้ช่วงเวลาเหล่านี้ที่ไม่เหมาะสม สังคมก็ช่วยกันกดดัน”


ที่นายวีระบอก “เอาอีกแล้ว” น่าจะเพราะพัวพัน รมว. มหาดไทย ภายใต้กำกับ รมว. กลาโหม ดังที่เขาว่า “เพิ่งรู้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ยิ่งใหญ่มากถึงขนาดมานั่งกำกับกระทรวงมหาดไทย”



พัวพันกันไปมาเนื่องจากงานนี้พี่ป้อมออกไอเดียให้ ครม.แอ่นรับ แล้วน้องป็อก (พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา) เอาไปออกแบบ “โดยแรกเริ่มนั้นกระทรวงมหาดไทยเสนอให้จัดหาจำนวน ๑,๐๖๔ เครื่อง ราคาเครื่องละ ๙ แสนบาท เป็นเงิน ๙๕๗,๖๐๐,๐๐๐ บาท”

ภายหลังถึงลดจำนวน ลดราคา ลงเหลือแค่ ๒๑๕ เครื่อง ในวงงบประมาณ ๓๘๔ ล้าน ๕ แสนกว่าๆ คิดสาระตะต่อเครื่องเหลือแค่ ๖๗๕,๐๐๐ บาท แต่กระนั้นก็ยังต้องใช้งบฯ ทั้งสิ้น ๕๗๓ ล้านบาทกับอีก ๗ หมื่นกว่า

เว็บ ไอสเปชเก็บข้อมูลมาจากสื่อ ผู้จัดการ แล้วไปส่งเว็บพันทิปพบว่าที่นั่นเขาค้นเจอข้อมูลของทางการตำรวจอเมริกันในมลรัฐเวสต์เวอร์จิเนีย เขาใช้เครื่องจับความเร็วประสิทธิภาพใกล้เคียงกับที่มหาดไทยจะซื้อมาใช้

ของเขายี่ห้อ ชัวร์ช้อตผลิตโดยอุตสาหกรรม เอ็มพีเอช รุ่น SS-BAS ราคาเครื่องละ ๒๕๕๐ เหรียญ ราว ๘ หมื่น ๕ พันบาทเท่านั้น มีจอแสดงรายละเอียดข้อมูลด้สนหลังผู้ใช้มองเห็นผลทันที

ของเรา “สามารถถ่ายวิดีโอและภาพรถยนต์คันนั้นๆ ได้อัตโนมัติพร้อมกัน สามารถถ่ายภาพรถยนต์ได้ในระยะไม่น้อยกว่า ๒๐๐ เมตร” ใช้ควบกับคอมพิวเตอร์พกพา จอภาพขนาดไม่ต่ำกว่า ๑๒ นิ้ว

(ดูรายละเอียดที่ http://news1live.com/detail.aspx?NewsID=9600000106103)

เทียบกันแล้วมันมีความต่างกันอยู่ไม่น้อยทั้งในด้านสเป็คและราคา ถูกกว่าที่วีระ สมความคิดชี้อีกแบบแค่แสนสามเสียอีก แต่ที่วีระถามกรณีหญิงหน่อยชวนชาวลาดปลาเค้าแห่ดาวเรืองไฉน “ไม่เหมาะสม”


แล้วที่อดีต ส.ส.ปทุมธานี พรรค ปชป. เกียรติศักดิ์ ส่องแสง ก็ปลูกดาวเรือง “เพื่อพ่อ” ขนขึ้นกระบะติดป้ายชื่อหรา แห่แหนเหมือนกันล่ะ ไม่เห็นมีใครว่าอะไร เอางี้มั้ย ลองดูคำถามของนายวีระอันนี้สิ ที่เขาว่า

“กรณีคุณประวิตรอาศัยช่วงจังหวะนี้ดันโครงการจัดหาเครื่องตรวจจับความเร็ว ในราคาสูงเกินจริงเข้าสู่ ครม.ในช่วงเวลานี้ (ล่ะ) มีความจำเป็นเร่งด่วนอะไร” ยังไม่เห็นมีใครตอบ

มีแต่ ผบ.ทบ. ตอบเรื่องอื่นประเภท ว่าเขาอิเหนาเป็นเองปัญหาคอรัปชั่น ด้วยคำถามว่า “ผิดตรงไหน”


ตัวหัวหน้าเพิ่งพูดอยู่หลัดๆ “ฉวยโอกาสในเวลาที่ไม่เหมาะสม” แล้วไหง “วันนี้รัฐบาลกลับอาศัยช่วงจังหวะที่คนไทยส่วนใหญ่กำลังใจจดใจจ่อกับงานพระราชพิธีสำคัญ...”

นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอรัปชั่น (คปต.) โพสต์ผ่านเฟซบุ๊คว่า “เอาอีกแล้ว ปภ. (กรมป้องกัน-บรรเทาสาธารณะภัย) จะซื้อเครื่องตรวจจับความเร็วแบบพกพา ราคาสูงถึงเครื่องละเกือบล้านบาท...ทั้งที่มีเครื่องอีกแบบใช้ได้ดี ราคาเพียงเครื่องละ ๑๓๐,๐๐๐ บาทเท่านั้น แต่ไม่ซื้อ”

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พูดไว้เมื่อสองวันก่อน “โอเคนะ ผมไม่ได้ว่าใคร...เรื่องการเคลื่อนไหวที่มีการเชื่อมโยงภาคประชาชน นักการเมือง...ว่าการเตรียมการในพระราชพิธีสำคัญได้ฝากถึงประชาชนนานแล้ว ใครที่ใช้ช่วงเวลาเหล่านี้ที่ไม่เหมาะสม สังคมก็ช่วยกันกดดัน”


ที่นายวีระบอก “เอาอีกแล้ว” น่าจะเพราะพัวพัน รมว. มหาดไทย ภายใต้กำกับ รมว. กลาโหม ดังที่เขาว่า “เพิ่งรู้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ยิ่งใหญ่มากถึงขนาดมานั่งกำกับกระทรวงมหาดไทย”


พัวพันกันไปมาเนื่องจากงานนี้พี่ป้อมออกไอเดียให้ ครม.แอ่นรับ แล้วน้องป็อก (พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา) เอาไปออกแบบ “โดยแรกเริ่มนั้นกระทรวงมหาดไทยเสนอให้จัดหาจำนวน ๑,๐๖๔ เครื่อง ราคาเครื่องละ ๙ แสนบาท เป็นเงิน ๙๕๗,๖๐๐,๐๐๐ บาท”

ภายหลังถึงลดจำนวน ลดราคา ลงเหลือแค่ ๒๑๕ เครื่อง ในวงงบประมาณ ๓๘๔ ล้าน ๕ แสนกว่าๆ คิดสาระตะต่อเครื่องเหลือแค่ ๖๗๕,๐๐๐ บาท แต่กระนั้นก็ยังต้องใช้งบฯ ทั้งสิ้น ๕๗๓ ล้านบาทกับอีก ๗ หมื่นกว่า

เว็บ ไอสเปชเก็บข้อมูลมาจากสื่อ ผู้จัดการ แล้วไปส่งเว็บพันทิปพบว่าที่นั่นเขาค้นเจอข้อมูลของทางการตำรวจอเมริกันในมลรัฐเวสต์เวอร์จิเนีย เขาใช้เครื่องจับความเร็วประสิทธิภาพใกล้เคียงกับที่มหาดไทยจะซื้อมาใช้

ของเขายี่ห้อ ชัวร์ช้อตผลิตโดยอุตสาหกรรม เอ็มพีเอช รุ่น SS-BAS ราคาเครื่องละ ๒๕๕๐ เหรียญ ราว ๘ หมื่น ๕ พันบาทเท่านั้น มีจอแสดงรายละเอียดข้อมูลด้สนหลังผู้ใช้มองเห็นผลทันที

ของเรา “สามารถถ่ายวิดีโอและภาพรถยนต์คันนั้นๆ ได้อัตโนมัติพร้อมกัน สามารถถ่ายภาพรถยนต์ได้ในระยะไม่น้อยกว่า ๒๐๐ เมตร” ใช้ควบกับคอมพิวเตอร์พกพา จอภาพขนาดไม่ต่ำกว่า ๑๒ นิ้ว

(ดูรายละเอียดที่ http://news1live.com/detail.aspx?NewsID=9600000106103)

เทียบกันแล้วมันมีความต่างกันอยู่ไม่น้อยทั้งในด้านสเป็คและราคา ถูกกว่าที่วีระ สมความคิดว่าอีกแบบแค่แสนสามเสียอีก แต่ที่วีระถามกรณีหญิงหน่อยชวนชาวลาดปลาเค้าแห่ดาวเรืองไฉน “ไม่เหมาะสม”

แล้วที่อดีต ส.ส.ปทุมธานี พรรค ปชป. เกียรติศักดิ์ ส่องแสง ก็ปลูกดาวเรือง “เพื่อพ่อ” ขนขึ้นกระบะติดป้ายชื่อหรา แห่แหนเหมือนกันล่ะ ไม่เห็นมีใครว่าอะไร เอางี้มั้ย ลองดูคำถามของนายวีระอันนี้สิ ที่เขาว่า

“กรณีคุณประวิตรอาศัยช่วงจังหวะนี้ดันโครงการจัดหาเครื่องตรวจจับความเร็ว ในราคาสูงเกินจริงเข้าสู่ ครม.ในช่วงเวลานี้ (ล่ะ) มีความจำเป็นเร่งด่วนอะไร” ยังไม่เห็นมีใครตอบ

มีแต่ ผบ.ทบ. ตอบเรื่องอื่นประเภท ว่าเขาอิเหนาเป็นเองปัญหาคอรัปชั่น ด้วยคำถามว่า “ผิดตรงไหน”



แหม่ ผิดตรงราคาแพงเกินไปไงเพ่ สร้างห้องน้ำกับซุ้มค้าขายที่อุทยานราชภักดิ์ หัวหิน ๕๐ กว่าห้อง ใช้งบประมาณเกือบ ๑๖ ล้าน ตกห้องละ ๓ แสน เอาไว้นอนแช่น้ำอุ่นจิบไวน์รึไร ฯพณฯ ทั่น ถึงจะมี “รูปลักษณ์ที่เหมาะสม สอดรับตามภูมิสถาปัตยกรรม” ก็เถอะ

มิน่าเล่า ทนายอู๊ดพ่อไอ้ไผ่ ดาวดิน ถึงบอก “ไม่เคยคิดจะไปอุทยานราชภักดิ์เพราะไกล แต่ตอนนี้คิดอยากไปแล้ว แม้ไกลแสนไกล อยากขี้ในส้วมที่แพงๆ บ้าง เป็นบุญดาก”

นายวิบูลย์ บุญภัทรรักษา แกยังช่วยตอบกลับ ผบ.ทบ. ด้วยว่า “ยังไงก็ไม่ผิดอยู่แล้ว แต่หากใครนั่งรถไฟไปตรวจสอบห้องน้ำ ผิดตั้งแต่เริ่มทันที” สร้างห้องน้ำกับซุ้มค้าขายที่อุทยานราชภักดิ์ หัวหิน ๕๐ กว่าห้อง ใช้งบประมาณเกือบ ๑๖ ล้าน ตกห้องละ ๓ แสน เอาไว้นอนแช่น้ำอุ่นจิบไวน์รึไร ฯพณฯ ทั่น ถึงจะมี “รูปลักษณ์ที่เหมาะสม สอดรับตามภูมิสถาปัตยกรรม” ก็เถอะ

มิน่าเล่า ทนายอู๊ดพ่อไอ้ไผ่ ดาวดิน ถึงบอก “ไม่เคยคิดจะไปอุทยานราชภักดิ์เพราะไกล แต่ตอนนี้คิดอยากไปแล้ว แม้ไกลแสนไกล อยากขี้ในส้วมที่แพงๆ บ้าง เป็นบุญดาก”

นายวิบูลย์ บุญภัทรรักษา แกยังช่วยตอบกลับ ผบ.ทบ. ด้วยว่า “ยังไงก็ไม่ผิดอยู่แล้ว แต่หากใครนั่งรถไฟไปตรวจสอบห้องน้ำ ผิดตั้งแต่เริ่มทันที”