วันอาทิตย์, ตุลาคม 29, 2560

ตอนนี้กลับมา ‘อ่วม’ กันใหม่อีกรอบ :สถานการณ์ "น้ำขึ้น-น้ำลง" ตามคำแม่ทัพภาค

อ่า เรื่องใส่แดงยังไม่จบดี* แต่ตอนนี้กลับมา อ่วม กันใหม่อีกรอบก่อน กับสถานการณ์น้ำ ยัง ไม่ท่วม แค่ “น้ำขึ้น-น้ำลง” ตามคำของทั่นแม่ทัพภาค

ซึ่งใครคนหนึ่งบนทวิตเตอร์ชี้ว่า “ต้องท่วมกรุงเทพเค้าถึงจะเรียกว่าท่วม” (UP2ME @nipad3 Replying to @saiyasasmith @redbamboo16)

“น้ำที่ท่วมบ้านประชาชนนี่ เป็นบ้านที่อยู่นอกคันกั้นน้ำของจังหวัดครับ ซึ่งจะท่วมอย่างนี้ตลอด เหมือนน้ำขึ้นน้ำลงนะครับ” พลโทกู้เกียรติ ศรีนาคา บอกกับผู้สื่อข่าวที่ปทุมธานีเมื่อวานนี้ (๒๘ ต.ค.)

“น้ำที่ปล่อยมาจากเขื่อนเจ้าพระยาจะไม่สูงกว่านี้แล้ว อยู่ในปริมาณ ๒,๖๐๐ ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที” ทั่นคลาดเคลื่อนไปนิดเดียว จากที่โฆษกรัฐบาล พลโทห่านอู แจ้งว่าปริมาณน้ำไหลเอื่อยที่บางไทร อยุธยา ๒,๘๒๖ ลบ.ม./วินาที

ข้อสำคัญ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด แถลงเจาะจงตรงตัว “โดยย้ำว่าแม้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาจะเพิ่มขึ้นและเอ่อล้นเข้าท่วมบางพื้นที่ใน จ.ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา รวม ๑๔ จุด

และน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยาได้ไหลลงมาถึง จ.ปทุมธานี นนทบุรี และ กทม.แล้ว แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบให้เกิดน้ำท่วมใหญ่อย่างที่เป็นข่าว”

เพราะว่าความจุของน้ำในพื้นที่ กทม. อยู่ที่ ๓,๕๐๐ ลบ.ม./วินาที ฉะนั้นแค่ ๒,๘๐๐ ขี้ปะติ๋ว นอกนั้นทั่นโฆษ ก (ะ) ยังนำความหวังดีจากนายกฯ มาแจม “ประชาชนต้องระมัดระวังการส่งต่อเอกสารราชการที่เกี่ยวกับสถานการณ์น้ำด้วย เนื่องจากมักมีการตีความเนื้อหาที่ผิดพลาด ส่งผลให้เกิดความเข้าใจผิด”


อย่างเช่นเว็บไซต์ http://flood.gistda.or.th/ ของสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือเปล่าไม่รู้นะ ที่ได้ “เผยแพร่ภาพถ่ายดาวเทียมมวลน้ำซึ่งขณะนี้กระจายอยู่บริเวณภาคกลางของประเทศไทย (อัพเดทข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 28 ต.ค. 2560)

โดยจะเห็นว่ามวลน้ำส่วนใหญ่อยู่ที่ จ.อยุธยา และ สุพรรณบุรี โดยมาประชิดติดกับ จ.นครปฐม จ.นนทบุรี และ จ.ปทุมธานีแล้ว”

กับวันนี้ (๒๙ ต.ค.) ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา “ฝนตกหนักถึงหนักมากและคลื่นลมแรงบริเวณภาคใต้ (มีผลกระทบถึงวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๐)...

โดยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่” ตั้งแต่ประจวบฯ ชุมพร สุราษฎร์ฯ นครฯ ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ 

ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนตกสะสมที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และลมกระโชกแรง”


ก็อย่าได้ตีความไปว่าภาคใต้อาจจะ อ่วม บ้าง หากเกิดวาตภัยผสมอุทกภัย แต่สำหรับภาคกลาง “ต้องท่วมกรุงเทพเค้าถึงจะเรียกว่าท่วม” (จากข้อความบนทวิตเตอร์ UP2ME @nipad3 Replying to @saiyasasmith @redbamboo16)

ที่อ่วมๆ กันอยู่นี่พื้นที่แก้มลิงผู้เสียสละตามปณิธานพ่อ ตั้งแต่ปทุมธานีและนนทบุรีไล่ขึ้นไปถึงอยุธยา รายหลังนี่อ่วมกว่าเพื่อน

คนยุดยา ย่าตายาย มิตายดอก แค่อยากบอก บางกอกไว้ ในเรื่องนี้
หากรับได้ รับไปบ้าง แค่บางที ให้เรามี น้ำแค่เข่า เราพอใจ”

(ผู้ใช้นาม จเด็จ เสร็จตอนท่วม’ พูดความในใจแทน ชาวบางบาล ยุดยา)

หรือที่ อ.เสนา ถึงแม้ปีนี้ปริมาณน้ำจะไม่มากเท่าปี ๕๔ ปีนั้นท่วมสามเดือนพอมกราก็หมดแล้ว แต่ปีนี้น้องน้ำอยู่นานกว่า มาตั้งแต่กรกฎา นี่สี่เดือนเข้าไปแล้วยังไม่มีทีท่าจะกลับ

“ลำบาก บอกตรงๆ เลยลำบาก” คุณทิพวรรณ นุชประยูร บ่นกับผู้สื่อข่าวเวิร์คพ้อยท์


สำหรับที่อ่วมจริงๆ เพราะตอนนี้ได้ สองเด้ง ก็ต้องขอนแก่น น้ำพองมากและแรง พนังกั้นน้ำแตกอีกแห่ง ถนนเลียบคลองชลประทานสามแอลที่ ต.บึงเนียม ถูกน้ำเซาะจนขาดเป็นสิบๆ เมตร

“มวลน้ำได้ไหลเข้าไปยังพื้นที่ชั้นใน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนาข้าว คาดว่าจะทำให้พื้นที่ทางการเกษตรได้รับความเสียหายกว่า ๔,๐๐๐ ไร่”

น่าแปลกที่ข่าว คมชัดลึก ให้รายละเอียดว่า “คลองชลประทาน 3L-RMC มีประตูระบายน้ำ ๑๔ แห่ง ปิดแล้ว ๘ แห่ง ไม่สามารถปิดได้ ๖ แห่ง เพราะชาวบ้านไม่ยอมให้ปิด และชาวบ้านได้รื้อกระสอบทรายที่ปิดท่อลอดถนน ๕ แห่ง”


อาจเป็นเพราะชาวบ้านที่นั่นรู้สึก (เหมือนชาวบ้านในพื้นที่แก้มลิง) ว่าการปิดประตูระบายน้ำเป็นการป้องกันน้ำบ่าเข้าเมือง (เช่นเดียวกับท่วมกรุงเทพฯ) แต่ก่อความเดือนร้อนแก่ผู้อยู่อาศัยเหนือประตู (เช่นเดียวกับชุมชนนอกคันกั้นน้ำ)

นับเป็นการจัดระเบียบให้ประชาชนส่วนหนึ่งต้องทนทุกข์เพื่อประชาชนอีกส่วนหนึ่ง ด้วยอำนาจเบ็ดเสร็จโดยรัฐบาลที่ไม่ผ่านฉันทามติของประชาชน อย่างนี้จะเรียกว่าถ้วนทั่ว ทั้งมวล ได้อย่างไร


*(หมายเหตุ กรณีเพจเทอดศักดิ์ เจียมฯ และทีนิวส์ โหมโจมตีฝักฝ่ายการเมือง เสื้อแดง ด้วยการตีพิมพ์ภาพสตรีผู้หนึ่งสวมเสื้อสีแดงไปร่วมราชพิธีถวายเพลิงพระศพ ที่ท้องสนามหลวง แต่โดนจับผิดว่านั่นเป็นภาพ ‘retouched’ แต่งแก้ จนต้องพากันลบโพสต์นั้นไป

แต่นายเทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา ผู้อ้างตนเป็นรอยัลลิสต์ตัวเอ้ กลับบิดเบือนว่าภาพที่ตนโพสต์และต้องลบไป เป็นภาพลวงเกิดจากการแต่งเติมของ “ขบวนการล้มเจ้า” ไปเสียฉิบ)