วันพฤหัสบดี, ตุลาคม 12, 2560

เพจสนทนาพรรคประชาธิปัตย์อ้างวิกิลี้ค อัดทักษิณจาบจ้วงสถาบัน กันขนานใหญ่

ต่อกรณีที่อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เขียนข้อความลงทวิตเตอร์ จะให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินคดีกับทุกคน “ที่แอบอ้างหรือพาดพิงถึงตัวผม โดยมีการก้าวล่วงสถาบันเบื้องสูง”

เป็นธรรมดาสามารถเข้าใจได้ว่าอดีตนายกฯ ต้องการแสดงความจงรักภักดี ดังที่เคยแสดงเช่นนี้บ่อยครั้งแล้ว แต่ก็ยังถูกฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง โดยเฉพาะในเครือข่ายของพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวหาอยู่ไม่ขาด

แต่จากเนื้อความบนทวิตเตอร์ระบุว่า “ผมได้ทราบข่าวเรื่องข้อความจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง โดยมีการกล่าวอ้างถึงชื่อผม” อดีตนายกฯ จึง “ขอยืนยันว่าไม่เคยรู้จักบุคคลดังกล่าว และไม่เคยแม้แต่จะคิดที่จะล่วงเกินสถาบันฯ เลยแม้แต่น้อย”

ทำให้ตีความไปได้ว่าคนที่ จาบจ้วงและ อ้างชื่อนั้นอาจเป็นฝ่ายนี้ ไม่ใช่ฟากโน้น เมื่อคำนึงถึงข้อความทวี้ตอีกตอนที่เจาะจงดำเนินคดี “ไม่ว่าใครที่ผมจะรู้จักหรือไม่ก็ตาม” ทำให้ฝ่ายต่อต้านรัฐประหารบางกลุ่มบางสาย อาจมีกิจกรรม เฉียดไปเฉียดมา กับประเด็นสถาบันฯ อยู่บ้าง มีอาการอึดอัดฮึดฮัดพอควร



บ้างเหมาเอาว่าน่าจะเป็นเพราะไม่กี่วันก่อนหน้านั้นมีข่าวออกมาว่าอัยการสูงสุดคนใหม่ นายเข็มชัย ชุติวงศ์ รับลูกต่อจาก อสส. คนก่อน เตรียมการสั่งฟ้องทักษิณ “หมิ่นเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.๑๑๒ และความผิดต่อ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ”

โดยอ้างว่า ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร อัยการสูงสุดคนก่อนได้ทำความเห็นสมควรสั่งฟ้องแล้ว และโดยที่เป็นคดี “ความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ( ปอท.)...ซึ่งเป็นการกระทำที่เกิดขึ้นภายนอกราชอาณาจักร...เคยรวบรวมหลักฐานเมื่อปี ๒๕๕๘” แล้ว

อสส. คนนี้จึงพร้อมลุย “ก็เหลือเพียงกระบวนการติดตามตัวโดยประสาน ปอท. ให้ดำเนินการออกหมายจับหากทราบแหล่งที่อยู่ชัดเจนก็จะต้องขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนทันที เพื่อดำเนินกระบวนการฟ้องคดี ซึ่งคดีนี้เป็นคดีอาญาไม่ใช่คดีทุจริต ที่อยู่ในอำนาจศาลฎีกาฯ ดังนั้นการฟ้องจะต้องมีตัวจำเลยยื่นต่อศาล”


จนมาล่าสุดเมื่อวันก่อน (๑๐ ตุลา) กรรมการ ปปช. คนหนึ่ง พูดถึงการรื้อฟื้นคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ต่ออดีตนายกฯ ทักษิณ อีกส่วนด้วย

นสพ.ข่าวสด แจ้งว่าในวันนั้นมีการประชุมกรรมการ ปปช. ในประเด็นดังกล่าว และมีมติ “ให้เจ้าหน้าที่สำนักคดีไปศึกษาข้อมูลคดีว่าเหลือคดีใดบ้างที่ยังค้าง หรือติดขัดอยู่ รวมถึงดูอายุความคดีด้วย...”

โดยอาศัยอำนาจตาม พรบ. วิธีพิจารณาความคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองฉบับใหม่ ๒๕๖๐ ที่เปิดช่องให้ศาลฎีกาฯ พิจารณาคดีลับหลังได้ คดีเหล่านั้นได้แก่ “คดีปล่อยเงินกู้ของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือเอ็กซิมแบงก์ และคดีการออกสลากหวยบนดิน เป็นต้น


จึงเห็นได้ว่า ไม่ว่าจะคดี ๑๑๒ หรือคดีทุจริตต่อหน้าที่ เป็นเรื่องของการตามล้างตามผลาญทักษิณเสียมากกว่า การประกาศดำเนินคดีกับใครที่อ้างชื่อไม่มีผลต่อการจองล้างเท่าไรนัก ถึงอย่างไรชมรมคนเกลียดทักษิณก็ยังกระเหี้ยนกระหือรือกันอยู่เช่นเดิม

ต้องลองไปส่องดูตามเพจศัตรูทักษิณ อย่างหน้าเฟชบุ๊คของกลุ่ม ‘Discussion’ พรรคประชาธิปัตย์ มีการโพสต์ข้อความกล่าวหาทักษิณหมิ่นเจ้ากันขนานใหญ่ ดังโพสต์ของ Lerpong Srirongmuang นำเอาเนื้อความจากวิกิลี้คที่เปิดเผย เคเบิ้ลหรือรายงานเข้ากระทรวงของทูตอเมริกันสมัยทักษิณเป็นนายกฯ ร้าล์ฟ แอล. บ๊อยซ์ ข้อ ๑๒ (ซี) มาเป็นข้อโจมตีว่า

ทูตร้าล์ฟ “ช่วงปี ๒๕๔๙ ผู้ได้บันทึกการสนทนากับทักษิณ ซึ่งระบุว่า ทักษิณได้จาบจ้วงสถาบันอย่างรุนแรง” ทั้งที่เนื้อความที่เขาเอามาลงไว้เพียงชี้ว่า “Thaksin seems determined to keep picking a fight with the most respect institution in the country.”

และตามที่ สถานีประชาชน @TV24Official’ รายงานไว้บนทวิตเตอร์ในเวลาต่อมาว่า “ดร.ทักษิณ ชินวัตร มอบหมาย พล.ต.อ.วิรุฬห์ พื้นแสน และทนายเตรียมยื่นขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด ทบทวนคำสั่งการสั่งฟ้องข้อกล่าวหาหมิ่นสถาบันฯ” นั้น

จะได้รับความเป็นธรรมแค่ไหน ควบไปกับการฟ้องร้องพวกจาบจ้วงสถาบันที่เฉียดฉิวมาถึงตน โดยปล่อยให้พวกจาบจ้วงทักษิณลอยนวลอยู่บนเพจที่ใช้ชื่อ พรรคประชาธิปัตย์