วันอังคาร, มีนาคม 07, 2560

คสช. ควรให้มีเลือกตั้งรัฐบาลพลเรือนก่อนงานถวายพระเพลิงพระบรมศพ เพื่อถวายพระเกียรติสถาบันพระมหากษัตริย์



https://www.youtube.com/watch?v=MzEPtfg8Tdg

JAPAN :: Visit to Thailand 2017 เสด็จฯเยือนประเทศไทย 2560

royalworldthailand

Published on Mar 6, 2017

สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ และสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะแห่งญี่ปุ่น เสด็จพระราชดำเนินเยือนราชอาณาจักรไทย เป็นการส่วนพระองค์ ระหว่างวันที่ 5-6 มีนาคม 2560 ในการทรงเคารพพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง และทรงพบสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ ในการทรงพระบรมราชปฏิสันถาร แสดงความเสียพระราชหฤทัย ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต
----
Their Imperial Majesties the Emperor Akihito and Empress Michiko of Japan personally visited the Kingdom of Thailand on 5-6 March 2017 to pay respect to the late King Bhumibol Adulyadej at Dusit Maha Prasat Throne Hall in the Grand Palace Complex, Bangkok. Their Imperial Majesties also met His Majesty King Vajiralongkorn for expressing condolences at his residence Amphornsathan Throne Hall in Dusit Palace.
----
天皇、皇后両陛下タイに亡くなったプミポン前国王の弔問のため訪れた。両陛下はバンコクの王宮で、前国王の遺体が安置された祭壇に供花し、拝礼。タイのワチラロンコン国王と会見される天皇、皇后両陛下=バンコクのアンバラ・ビラ宮殿、タイ王国にはに亡くなったプミポン前国王の弔問のため訪れた。

.....

คสช. ควรให้มีเลือกตั้งรัฐบาลพลเรือนก่อนงานถวายพระเพลิงพระบรมศพ เพื่อถวายพระเกียรติสถาบันพระมหากษัตริย์

เห็นข่าวสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตและสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะ เสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์ เพื่อทรงมาคารวะพระบรมศพและเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๑๐ หลังจากเสด็จพระราชดำเนินเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียตนามอย่างเป็นทางการ แล้วสะท้อนใจไม่น้อย

สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโต ทรงเป็นพระสหายเก่าแก่กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ทั้งคู่ ได้ทรงสืบต่อสัมพันธไมตรีไทย-ญี่ปุ่นด้วยสายสัมพันธ์ของพระราชวงศ์อย่างแน่นเหนียว ดังเรื่องปลานิลพระราชทานที่กลายมาเป็นแหล่งอาหารหลักของคนไทยในทุกวันนี้

เมื่อครั้งที่สมเด็จพระจักรพรรดิโชวะสวรรคต พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศก็ได้เสด็จพระราชดำเนินไปในงานพระบรมศพ และในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโต สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ์ก็ได้เสด็จฯ แทนพระองค์ไปเป็นเกียรติแก่สมเด็จพระจักรพรรดิเช่นกัน

โดยธรรมเนียมทางการทูตของราชวงศ์ญี่ปุ่นนั้น ธรรมดาสมเด็จพระจักรพรรดิจะมิทรงเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศไหนซ้ำเป็นครั้งที่สอง จะโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าฟ้าชายลำดับรองเสด็จแทนในครั้งต่อไป แต่กับประเทศไทย สมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระจักรพรรดินีได้เสด็จพระราชดำเนินเยือนครั้งนี้นับเป็นครั้งที่สามแล้ว ด้วยพระราชไมตรีที่ผูกพันกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศเป็นที่ยิ่ง

ปกติแล้วการเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศต่าง ๆ ของสมเด็จพระจักรพรรดิ จะต้องเป็นหมายกำหนดการที่สำนักพระราชวังญี่ปุ่น โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี น้อยครั้งนักที่จะทรงตัดสินพระทัยเสด็จฯเป็นการส่วนพระองค์ได้ ซึ่งที่จำเป็นต้องเสด็จฯ เป็นการส่วนพระองค์ เป็นเพราะความสัมพันธ์ระดับราชการของไทย-ญี่ปุ่น ยังไม่เป็นปกติอันเนื่องมาจากสภาวะรัฐบาลเผด็จการทหารไทย สมเด็จพระจักรพรรดิจึงมิอาจทรงเสด็จมาตามหมายกำหนดการอย่างเป็นทางการได้ ที่เสด็จมาครั้งนี้เป็นน้ำพระราชหฤทัยของสมเด็จพระจักรพรรดิที่ทรงรำลึกถึงพระราชไมตรี และมีพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นต่อปวงชนชาวไทย

เช่นเดียวกับพระราชวงศ์ที่มีสัมพันธไมตรีอันดีงามกับพระมหาจักรีบรมราชวงศ์ไทยในประเทศต่างๆ หลายประเทศ ที่มีกฎหมายห้ามการติดต่อทางราชการกับประเทศเผด็จการทหาร อาทิเช่น พระราชวงศ์อังกฤษ พระราชวงศ์สวีเดน พระราชวงศ์เดนมาร์ก พระราชวงศ์เนเธอร์แลนด์ ฯลฯ รวมถึงประมุขแห่งรัฐที่มิได้มีพระราชวงศ์ปกครอง แต่มีสายสัมพันธ์อันดีกับพระราชวงศ์ไทยมาโดยตลอด ที่มิอาจเสด็จพระราชดำเนินหรือเดินทางมาคารวะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศอย่างเป็นทางการได้

หากปล่อยเนิ่นช้าไปถึงการพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ และพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ์ บดินทรเทพยวรางกูร ขึ้นเป็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลใหม่ ก็จะขาดประมุขนานาอารยประเทศที่จะเสด็จพระราชดำเนินหรือเดินทางมาเข้าร่วมถวายพระเกียรติในพระราชพิธี ทั้งที่ประมุขของประเทศเหล่านั้นปรารถนาที่จะมาส่งเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศผู้ทรงคุณเป็นครั้งสุดท้าย และก็จะไม่ได้เป็นการเฉลิมพระเกียรติรัชกาลใหม่ให้สมแก่พระบรมเดชานุภาพ

เรื่องความกังวลว่าจะเกิดความวุ่นวายในการเลือกตั้งก่อนงานถวายพระเพลิงนั้น ปวงชนชาวไทยย่อมสำนึกรู้ว่าสิ่งใดบังควรมิบังควร และรัฐบาลคสช.เองก็มีอำนาจเต็มทุกประการ ยากที่จะเกิดปัญหา

ตามกรอบเวลานั้น เมื่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวลงพระปรมาภิไธยพระราชทานรัฐธรรมนูญลงมา ก็สามารถดำเนินการตามขั้นตอนให้แล้วเสร็จได้ในไม่ช้าเพราะทุกอย่างล้วนพร้อมแล้ว ทั้งฝ่ายคณะกรรมการการเลือกตั้งที่ขยันไปดูงานเลือกตั้ง ฝ่ายกรธ.ร่างกฎหมายลูกของรัฐธรรมนูญที่สามารถร่างเตรียมไว้ได้และฝ่ายความมั่นคงที่สามารถใช้ ม.๔๔ สั่งได้ทุกอย่างในทุกเมื่อ

ในกำหนดเวลาการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงกำหนดร่างเบื้องต้นไว้ในระหว่างวันที่ ๒๖-๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๐ นั้น ย่อมมีเวลาเพียงพอต่อการจัดการเลือกตั้งและตั้งรัฐบาลใหม่อย่างแน่นอน

หากเป็นเช่นนั้น พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพก็จะทรงพระเกียรติยศยิ่งใหญ่สมดังพระบรมเดชานุภาพและพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ พรั่งพร้อมด้วยประมุขจากนานามิตรประเทศที่มาร่วมถวายพระพรชัยเป็นครั้งสุดท้าย

และการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในรัชกาลปัจจุบัน ก็จะยิ่งใหญ่ไปในทุกสารทิศทั่วโลก ด้วยการถวายพระพรจากรัฐสภาและคณะรัฐมนตรีโดยพสกนิกรชาวไทยและประชาชนโลกอย่างแท้จริง

ขอให้รัฐบาลและ คสช. โปรดไตร่ตรองเรื่องนี้ด้วย


ที่มา FB


Theerapat Charoensuk


.....

มิน่า รองนายกสมคิด ถึงเป็นคนไปรับเสด็จ ปกติ ระดับประมุขประเทศเกรด S มาเยือนไทย นายกต้องเป็นคนไปรับเสมอ (เดาว่าญี่ปุ่นขอมา เพราะไม่อยากให้ มีภาพ จักรพรรดิ ออกคู่กับผู้นำที่มาจากการรัฐประหาร) (กูเอง, 2017)

มิตรสหายท่านหนึ่ง

ooo

ว่าด้วยเงื่อนเวลาการเปลี่ยนผ่านสู่รัฐบาลที่นานาอารยะประเทศยอมรับ เพื่อจัดพระราชพิธีสำคัญ




..................

ลองอ่าน ข่าว/บทความ 3 ชิ้นนี้ต่อกัน

1.
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้มีพระราชดำรัสเรื่องหมายกำหนดการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ซึ่งกำหนดไว้วันที่ 25 - 29 ธันวาคม 2560 โดยให้นำความขึ้นกราบบังคมทูล สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อขอพระราชทานพระราชวินิจฉัยต่อไป
สมเด็จพระเทพฯ ทรงรับสั่งหมายกำหนดการถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ 25-29 ธ.ค.60
http://www.manager.co.th/OnlineSection/ViewNews.aspx?NewsID=9600000021572

2. บทความของคุณ Theerapat Charoensuk

คสช. ควรให้มีเลือกตั้งรัฐบาลพลเรือนก่อนงานถวายพระเพลิงพระบรมศพ เพื่อถวายพระเกียรติสถาบันพระมหากษัตริย์
https://www.facebook.com/terasphere/posts/10154149455156809

ได้เขียนไว้อย่างน่าสนใจว่า ถ้ายังเป็นรัฐบาลรัฐประหาร ก็จะมีปัญหาเกี่ยวกับ
พิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ และพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ์ บดินทรเทพยวรางกูร ขึ้นเป็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลใหม่

เพราะว่า ก็จะขาดประมุขนานาอารยประเทศที่จะเสด็จพระราชดำเนินหรือเดินทางมาเข้าร่วมถวายพระเกียรติในพระราชพิธี ทั้งที่ประมุขของประเทศเหล่านั้นปรารถนาที่จะมาส่งเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศผู้ทรงคุณเป็นครั้งสุดท้าย และก็จะไม่ได้เป็นการเฉลิมพระเกียรติรัชกาลใหม่ให้สมแก่พระบรมเดชานุภาพ

และ 3. ข่าวสุดท้าย

กรธ.เผยเลือกตั้งเร็วสุด กลางปี 61
http://www.bbc.com/thai/thailand-39178510?ocid=socialflow_facebook

นายธิติพันธุ์ เชื้อบุญชัย กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ในฐานะประธานอนุกรรมการรับฟังความเห็นร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ กล่าวกับบีบีซีไทยถึงกำหนดวันเลือกตั้งทั่วไปว่า ค่อนข้างชัดเจนว่าจะไม่เกิดขึ้นในปี 2560 แน่ เพราะตามกรอบเวลาของรัฐธรรมนูญ จะใช้เวลาประมาณ 330 วันหลังรัฐธรรมนูญใหม่ใช้บังคับ ทำสิ่งต่างๆ ก่อนจะถึงวันเลือกตั้งทั่วไป โดยเฉพาะการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายลูก จำนวน 4 ฉบับที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง ซึ่งจะต้องทำให้แล้วเสร็จภายใน 240 วัน หลังจากนั้นจึงจะเริ่มนับหนึ่งวันที่จะต้องจัดการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จภายใน 150 วัน

"เท่ากับว่าจะสามารถจัดการเลือกตั้งทั่วไปได้อย่างเร็วที่สุด คือกลางปี 2561"

..........................

นั่นก็หมายความว่า

ถ้าจะมีการเลือกตั้งกลางปี 2561 จริง ๆ (นี่ยังไม่รวมการเข้าสู่อำนาจของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งอาจจะปลายปี 2561) จริง ๆ แล้ว

ถ้าจะให้ พิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ และพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ์ บดินทรเทพยวรางกูร ขึ้นเป็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลใหม่ มีความสมพระเกียรติ โดยมีประมุขจากนานาอารยประเทศเข้าร่วม พิธีดังกล่าวก็อาจจะมีขึ้นปลายปี 2561 เลยทีเดียว

ซึ่งก็เท่ากับว่านับตั้งแต่การสวรรคต ของในหลวงรัชกาลที่ 9เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2559 พิธีสำคัญทั้ง 2 อาจจะเกิดขึ้นหลังจากนั้นร่วม 2 ปี

หรือถ้าจะให้รัฐบาลคณะรัฐประหารจัด พระระราชพิธีสำคัญดังกล่าวก็จะเผชิญปัญหาที่ประมาุขจากนานาอารยะประเทศเดินทางเขาร่วม

หรือถ้าจะง่ายกว่านั้นก็ทำตามที่คุณ Theerapat Charoensuk แนะนำคือ
........
ในกำหนดเวลาการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงกำหนดร่างเบื้องต้นไว้ในระหว่างวันที่ ๒๖-๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๐ นั้น ย่อมมีเวลาเพียงพอต่อการจัดการเลือกตั้งและตั้งรัฐบาลใหม่อย่างแน่นอน

หากเป็นเช่นนั้น พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพก็จะทรงพระเกียรติยศยิ่งใหญ่สมดังพระบรมเดชานุภาพและพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ พรั่งพร้อมด้วยประมุขจากนานามิตรประเทศที่มาร่วมถวายพระพรชัยเป็นครั้งสุดท้าย

และการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในรัชกาลปัจจุบัน ก็จะยิ่งใหญ่ไปในทุกสารทิศทั่วโลก ด้วยการถวายพระพรจากรัฐสภาและคณะรัฐมนตรีโดยพสกนิกรชาวไทยและประชาชนโลกอย่างแท้จริง

....................
ทั้งหมดขึ้นอยู่ว่า ผุ้มีอำนาจตัดสินใจ ว่าจะเลือกเส้นทางใด
เราในฐานะประชาชนก็มีหน้าที่ปฏิบัติตาม


Thanapol Eawsakul