วันอาทิตย์, มีนาคม 06, 2559

มึนทั้งประเทศหลัง กกต. จ่อฟ้อง “ปู-กปปส.” ล้มเลือกตั้ง แต่ลืมฟ้องตัวเอง!!??





BY BOURNE
ON MARCH 4, 2016
ISpace Thailand

ทำเอามึนกันไปหลายฝ่าย หลังจากที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ดำเนินคดีฟ้องทางอาญา และเรียกค่าเสียหายทางแพ่งกับบุคคลและกลุ่มบุคคลที่ล้มการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2557 จนเป็นเหตุให้การเลือกตั้งต้องเป็นโมฆะ และทำให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ


โดย กกต. จะดำเนินการฟ้องร้องกับ 2 กลุ่ม คือ 1. กลุ่มบุคคลจำนวน 234 คน ที่ขัดขวางการเลือกตั้งทุกกลุ่ม ที่มีหลักฐานภาพถ่าย สามารถยืนยันตัวบุคคลได้ว่าเป็นใคร ซึ่งส่วนใหญ่คือกลุ่มแกนนำผู้ชุมนุม กปปส. เช่น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส. รวมถึงแกนนำอย่างนายถาวร เสนเนียม นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย และพระพุทธะอิสระ เป็นต้น โดยมีการเรียกค่าเสียหาย 2,400 ล้านบาท





กลุ่มที่ 2 คือ จะเนินการฟ้องร้องทางแพ่งกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นเงิน 2,400 ล้านบาท ในความผิดฐานละเมิดปฏิบัติหน้าที่ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ตาม พ.ร.บ.ความผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 เนื่องจากปล่อยให้มีการจัดการเลือกตั้ง ทั้งที่มีการทักท้วงกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นแล้ว







ทั้งนี้ กกต.ได้ส่งเรื่องไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อให้ดำเนินการตามขั้นตอนของข้อกฎหมายต่อไปซึ่งคดีดังกล่าวจะมีอายุความ 10 ปี

หลังจากสื่อมวลชนได้นำเสนอมติดังกล่าวของ กกต. ก็นำไปสู่การวิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่าย โดยนักวิชาการหลายฝ่ายมีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่าถือเป็นเรื่องตลก เพราะการฟ้องร้องต่ออดีตนายกฯที่สั่งการให้มีการเลือกตั้งถือเป็นการกระทำตามขั้นตอนของกฎหมาย

ด้านนายถาวร เสนเนียม อดีตแกนนำ กปปส. กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า กกต. ฟ้องผิดคน เพราะรัฐธรรมนูญปี 2550 ในมาตรา 108 เขียนไว้ชัดเจนว่า การเลือกตั้งทั่วไปต้องกำหนดเป็นวันเดียวทั่วราชอาณาจักร แต่ปรากฏว่า ช่วงรับสมัครผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งใน 28 เขตเลือกตั้ง กลับไม่มีผู้สมัคร เพราะฉะนั้น ถือว่า กตต. ก็ทราบอยู่แล้วว่า ถ้ายังฝืนให้มีการเลือกตั้งต่อไป การเลือกตั้งก็จะเป็นโมฆะ


ขณะที่นางสดศรี สัตยธรรม อดีตกรรมการเลือกตั้ง ให้ความเห็นทางข้อกฎหมายถึงความรับผิดชอบต่อการเลือกตั้งวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ที่เป็นโมฆะไปโดยมองว่า บุคคลกลุ่มแรกที่ต้องรับผิดชอบ คือ ผู้ที่ขัดขวางการเลือกตั้งเพราะมีหลักฐานชัดเจนส่วน กกต. มีหน้าที่บริหารจัดการเลือกตั้งรวมทั้งอำนาจในการเลื่อนวันเลือกตั้ง ดังนั้น กกต. ต้องร่วมรับผิดชอบด้วยเช่นกัน





ขณะที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และสมาชิกพรรคเพื่อไทยชี้แจงว่า เมื่อประกาศพระราชกฤษฎีกาจัดการเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ 2557 ความรับผิดชอบในการจัดการเลือกตั้งทั้งหมดเป็นของ กกต. รวมทั้งอำนาจในการตัดสินใจยกเลิกหรือดำเนินการเลือกตั้งต่อไป

อย่างไรก็ตามต้องทำความเข้าใจก่อนว่า เมื่อมีการยุบสภาตามรัฐธรรมนูญระบุว่าต้องมีการจัดให้มีการเลือกตั้งภายในเวลาไม่น้อยกว่า 45 วันและไม่เกิน 60 วัน ดังนั้นเมื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯได้ประกาศยุบสภา จนมีการออกพระราชกฤษฎีการะบุวันเลือกตั้ง ทั้งหมดเป็นขั้นตอนตามกฎหมาย และ กกต. คือองค์กรตามรัฐธรรมนูญซึ่งมีหน้าที่โดยตรงตามมาตรา 236 ของรัฐธรรมนูญ ในการจัดการ ควบคุมดูแลให้มีการเลือกตั้งตามที่พระราชกฤษฎีกากำหนด




ในขณะที่หากต้องการที่จะเลื่อนวันเลือกตั้งก็น่าสนใจว่าจะใช้ช่องทางไหนในการเลื่อน เดิมทีแกนนำ กปปส. นายสมศักดิ์ โกศัยสุข เคยเสนอให้ กกต. และรัฐบาลรักษาการ ใช่ช่องทางตามรัฐธรรมนูญมาตรา 184 และ 187 ในการเลื่อนการเลือกตั้ง แต่ตามมาตรา 184 นั้นจะต้องอาศัยอำนาจของสภาผู้แทนราษฎร หรือ วุฒิสภาในการออกกฎหมาย แต่เมื่อมีการยุบสภาไปแล้ว สภาผู้แทนราษฎรจึงถือว่าพ้นจากตำแหน่ง หากจะใช้อำนาจตามาตรา 184 จึงต้องเสนอต่อวุฒิสภาเท่านั้น

คำถาม คือ หาก กกต. ต้องการที่จะเลื่อนการเลือกตั้ง เหตุใดจึงไม่เสนอไปที่วุฒิสภา เพราะเรื่องดังกล่าวไม่ใช่อำนาจของรัฐบาลรักษาการ และยิ่งไม่ใช่อำนาจของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯรักษาการในขณะนั้น การที่ กกต. จะฟ้องร้องทางแพ่ง โดยใช้ พรบ.ความผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 จึงไม่ถูกต้อง และไม่มีความเป็นธรรม

ในทางกลับกันเมื่อ กกต. ซึ่งเป็นองค์กรที่มีอำนาจหน้าที่โดยตรงเกี่ยวกับการเลือกตั้ง และสามารถเสนอให้วุฒิสภาพิจารณาเรื่องการเลื่อนการเลือกตั้งตามมาตรา 184 ได้ แต่กลับไม่ทำ ปล่อยให้มีการเลือกตั้งต่อไปจนเกิดความเสียหายดังกล่าว กกต. เองก็อาจเข้าค่ายกระทำความผิดตาม พรบ.ความผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 และ มาตรา 157 ของประมวลกฎหมายอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ได้เช่นกัน


Reference

http://www.matichon.co.th/news/58718

http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9590000022683

http://thaienews.blogspot.com/2016/03/blog-post_69.html