วันพุธ, กุมภาพันธ์ 10, 2559

จม.จากเรือนจำของ ฐนกร หนุ่มโรงงาน ผู้ต้องขังคดี "หมิ่นหมา" เนื่องในวันแห่งความรัก-วาเลนไทน์ ที่จะมาถึง





17 กุมภาพันธ์ วันวาเลนไทน์

Tue, 2016-02-09
ที่มา ประชาไท

เอฟ ฐนกร เขียน
อานนท์ นำภา เรียบเรียง

ผมสงสัยมาตลอดชีวิตว่า คนเราจะรักกันได้อย่างไรหากเราไม่เคยเจอหน้ากันเลย เราจะรักกับคนที่รู้จักกันบนเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่ออวตารคุยกันได้อย่างไร อย่างมากมันก็อาจเป็นได้แค่การคุยกันเพื่อฆ่าเวลาในวันเหงาๆไปเท่านั้น

ผมชื่อเอฟ อายุ 26 ปี อาชีพรับจ้างทำงานในโรงงาน เมื่อตอนผมเรียนจบชั้น ม.3 ผมต้องออกจากโรงเรียนเพื่อให้น้องสาวคนเดียวของผมได้เรียนต่อ ผมมักได้รับคำชมเชยจากหัวหน้างานเสมอ เพราะในปีๆนึง ผมทำงานไม่เคยขาดงานแม้แต่วันเดียว จากที่เคยได้ค่าแรงวันละสองสามร้อยบาท เมื่อปลายปีที่แล้วผมก็ได้ค่าแรงเป็นสี่ร้อยบาทแล้ว แต่นั่นก็ยังไม่เพียงพอสำหรับการส่งน้องและรักษาพ่อที่ป่วยออดๆแอดๆ แม่ผมเลยต้องออกมาทำงานอีกแรงเพื่อประคับประคองครอบครัวให้ก้าวผ่านช่วงเวลาที่โหดร้ายนี้ไปให้ได้

17 เมษายน 2558 ผมรู้จักกับปัดทางเฟซบุ๊ก ในช่วงแรกๆ เราทั้งสองต่างใช้ร่างอวตารพูดคุยกัน ในช่วงต้นผมก็ไม่ได้คิดจะคุยกับเธอมากขนาดนั้นเพราะกว่าผมจะเลิกจากงานมันก็ดึกมากแล้ว ก็ชีวิตไอ้หนุ่มโรงงานที่ใช้แรงแลกเงิน มันจะมีเวลาที่ไหนมาเพ้อเจ้อเรื่องความรักกับเขาได้ แค่มีเวลาได้หลับและได้ตื่นไปทำงานก็ดีมากแล้ว แต่นั่นแหละคือสิ่งที่ผมประทับใจในตัวเธอ เธอไม่เคยเซ้าซี้คุยหรือวุ่นวายกับเวลาของผมแม้แต่ครั้งเดียว ทุกวันเธอจะคอยให้กำลังใจ ปลอบโยน ต่อเติมแรงใจของผมให้มีแรงตื่นขึ้นไปสู้งานหนักในวันรุ่งขึ้น

ผมมาทราบทีหลังเมื่อเรารู้จักกันได้สักสองสามเดือน ว่าจริงๆแล้วเธอเป็นนักศึกษากำลังเรียนอยู่มหาลัยของรัฐแห่งหนึ่งในคณะบริหารการเงินการธนาคาร ผมรู้สึกเจียมใจและไม่อยากให้เธอต้องมาทิ้งความฝันกับคนอย่างผมที่อนาคตแทบจะไม่มี

ความสัมพันธ์ของเราเริ่มก่อตัวขึ้นเรื่อยๆ จากที่พิมพ์คุยกันทางเฟซบุ๊กก็เปลี่ยนมาเป็นการโทรศัพท์ถึงกัน เธอไม่เคยเห็นหน้าผมและผมก็ไม่เคยเห็นหน้าเธอ เราร่วมกันถักทอสายใยบางๆเชื่อมใจทั้งสองของเรา ในช่วงบ่ายที่แดดร้อนผมยิ้มและคิดถึงเธอ ในยามเย็นที่เหนื่อยจนสายตัวแทบขาดผมคิดถึงเธอ และพอมารู้ตัวอีกที ผมก็ตกหลุมรักเธอเสียแล้ว...

เราพบกันครั้งแรกภายหลังจาก 7 วันที่ผมโดนจับที่โรงงานด้วยข้อหาโพสต์ข้อความเสียดสีสุนัขทรงเลี้ยงและแชร์ผังทุจริตโครงการอุทยานราชภักดิ์ ความกลัวกระโดดขย้ำผมตั้งแต่วินาทีแรกที่ผมโดนจับ ผมปฏิเสธว่าผมไม่ได้ทำผังราชภักดิ์ สำหรับภาพสุนัขทรงเลี้ยงผมเอามาจากทวิตเตอร์และไม่ได้มีเจตนาอะไรแบบที่เขากล่าวหา ในค่ายทหารมันเป็น 7 วัน ที่เต็มไปด้วยความมืดและเสียงอันสับสนในห้วงสำนึกของผม ผมไม่มีโอกาสได้ติดต่อกับครอบครัวและไม่รู้ว่าครอบครัวผมจะเป็นอย่างไร สำหรับปัด การขาดการติดต่อกันไปเจ็ดวันมันคงเพียงพอที่จะทำให้เธอมีคนใหม่เข้ามาในชีวิตและคงลืมผมไปแล้วก็ได้

แต่ก็เหมือนโชคชะตาจะเล่นตลกกับผม เมื่อสองคนแรกที่ตีเยี่ยมผมที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพในบ่ายวันนั้นหลังจากถูกขังที่ค่ายทหารคือปัดกับแม่ของผม

ปัดไม่ใช่คนหน้าตาสวยมากมาย แต่มีรอยยิ้มที่งดงามและท่าทางใจดี แม่เล่าให้ผมฟังว่า จากวันแรกที่ผมโดนจับ ปัดเป็นคนแรกที่เทียวโทรมาถามไถ่ และช่วยแม่ในการออกตามหาตามค่ายทหาร ผมนึกภาพผู้หญิงสองคนที่เทียวเดินถามพี่ๆทหารตามค่ายอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยไม่ออกหรอก อย่างมากผมก็ทำได้แค่นิ่งเงียบ ทุกข้อความมันจุกในอกของผม ถ้อยคำที่พอจะเค้นออกมาได้มันก็ถูกกลบด้วยหยดน้ำตาของไอ้ขี้คุกคนนึงอย่างผมเท่านั้น

ทุกวันนี้ผมได้แต่สวดมนต์เพื่อทำจิตใจให้สงบ ผู้คุมที่นี่ใจดี ผมได้กำลังใจจากพี่ๆที่ติดคุกด้วยคดีการเมืองเช่นผมคอยให้กำลังใจรวมทั้งเพื่อนๆที่คอยมาเยี่ยมเยือนส่งข้าวส่งน้ำโดยตลอด กิจวัตรของผมทุกวันนี้นอกจากสวดมนต์ ทำงานที่ได้รับมอบหมายแล้ว ช่วงเช้าของทุกวันยังเป็นช่วงเวลาที่ผมได้ต่อเติมแรงใจ ปัดจะแวะมาเยี่ยมผมก่อนไปมหา'ลัยเกือบทุกวัน ยกเว้นช่วงที่มีสอบ ซึ่งจะเป็นหน้าที่ของแม่ผมมาแทน จากที่เคยคุยกันทุกคืนก่อนนอนก่อนหน้าที่ผมจะเข้ามาที่นี่ ตอนนี้ก็เปลี่ยนมาคุยกันทุกเช้าแทน แม่เล่าให้ฟังว่าช่วงหลังปัดจะไปนอนเป็นเพื่อนที่บ้านในวันที่พ่อไม่สบาย แล้วรีบตื่นมาเยี่ยมผมและไปเรียนในช่วงสาย ผมได้รับการอบรมจากนายในแดนว่าหากได้ออกไปควรบวชเพื่อเป็นสิริมงคลในการเริ่มต้นชีวิต มีบางคืนผมก็ฝันเห็นปัดเป็นคนถือหมอนในงานบวชของผม

โอกาสที่จะได้รับการประกันตัวออกไปมีอยู่ริบหรี่

17 กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ จึงเป็นวันครบรอบ 10 เดือนที่ผมกับปัดได้รู้จักกันและเป็นวันวาเลนไทน์ของเรา แต่เสียดายที่วันแห่งความรักปีแรกของเรา เราอาจจะต้องส่งของขวัญให้กันผ่านทางช่องเยี่ยมญาติที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ผมยังเฝ้ารอวันที่เราจะได้กลับไปอยู่กันอย่างพร้อมหน้าอีกครั้ง พ่อ แม่ น้องสาวของผม และปัด อยู่กันอย่างเงียบๆที่นิคมอุตสาหกรรมชานเมื่อง ที่ที่ผมจากมา...