วันพุธ, สิงหาคม 07, 2567

ธนาพล อิ๋วสกุล ขอแทงสวน "อหังการของทักษิณ จะทำให้ก้าวไกล ไม่ถูกยุบ"


Thanapol Eawsakul
5 hours ago
·
ชัยชนะของก้าวไกล ทำให้ทักษิณ ชินวัตรได้กลับบ้าน (แบบไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว)
อหังการของทักษิณ ชินวัตร จะทำให้ก้าวไกล ไม่ถูกยุบ
......
ถึงแม้ก่อนการเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม 2566 จะมีเสียงลือ เสียงเล่าอ้างว่า มีดีลสำคัญระหว่างทักษิณ ชินวัตรกับประวิตร วงษ์สุวรรณ ในการจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งเพื่อให้ทักษิณ ได้กลับบ้าน โดยประวิตร จะให้ สว. ยกมือให้
คนที่มาเปิดประเด็นนี้เป็นคนแรกและต่อเนื่อง คือจตุพร พรหมพันธุ์
แต่ในตอนนั้นก็ยังไม่มีใครคิดไปถึงว่าจะรวมถึงพรรครวมไทยสร้างชาติของประยุทธ์. จันทร์โอชามาด้วย
ส่วนหนึ่งก็เป็นไปได้ว่า พรรคเพื่อไทย ในความคาดหวังของคนเหล่านี้ ก็จะมีคะแนนเสียง มากกว่า 200 จนถึงแลนด์สไลด์ 300 ไปเลย
ขณะที่ประวิตร. วงษ์สุวรรณ ถึงแม้จะไม่มีเสียงส.สมากเพียงพอแต่ก็มีอิทธิพลในหมู่สว. ที่จะสั่งซ้ายหันขวาหันได้ ยังไม่รวมถึงมีธรรมนัส พรหมเผ่าอยู่ในพรรคพลังประชารัฐด้วย
(แต่ผมเห็นต่างจากจตุพร ว่ายังไงพรรคเพื่อไทยก็จะไม่โหวตให้ประวิตรเป็นนายก)
เมื่อเริ่มต้น ที่จตุพร ตั้งคำถามทางพรรคเพื่อไทยไม่เคยออกมาปฏิเสธอย่างเต็มปากเต็มคำ จนถามไปเรื่อยๆ ประกอบกับท่าทีของพรรคก้าวไกลในการประกาศ “มีลุง ไม่มีเรา”
ก็ดูเหมือนจะทำให้คะแนนนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ
จนเป็นที่มาของการปราศรัยครั้งสุดท้ายของพรรคเพื่อไทยโดยอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตรที่ประกาศ
“ปิดสวิตช์ สว. ปิดสวิต 3 ป. คนไทย มีกินมีใช้ มีเกียรติมีศักดิ์ศรี ไปพร้อมๆกัน”
ซึ่งถึงเวลานั้นก็ไม่มีใครคิดว่าพรรคเพื่อไทยจะทรยศหักหลังประชาชนได้
แต่เมื่อผลการเลือกตั้ง ออกมาไม่เป็นที่ปรารถนาของพรรคเพื่อไทยนอกจากได้คะแนนเสียงน้อยกว่า 200 แล้ว ยังมาเป็นอันดับที่ 2 คือ 141 ที่นั่งเท่านั้น ขณะที่พรรคก้าวไกล มาเป็นอันดับ 1 ด้วยคะแนนเสียง 151 ที่นั่ง
อย่างที่ทราบสมการการตั้งรัฐบาลภายใต้รัฐธรรมนูญ 2560 ที่มีบทเฉพาะกาล 5 ปีนั้นจำเป็นจะต้องได้เสียงของสมาชิกรัฐสภา 376 เสียง โดย สส. รวมได้ 312 เสียงแล้ว
ในเวลานั้นเสียงของวุฒิสภายังจำเป็นอยู่ และเป็นอุปสรรคสำคัญที่ไม่ให้พิธา ลิ้มเจริญรัตน์และพรรคก้าวไกลได้จัดตั้งรัฐบาล
แทบจะทันที่ที่พรรคก้าวไกลล้มเหลว พรรคเพื่อไทย ประกาศฉีก MOU เปลี่ยนขั้วย้ายค่ายทางการเมืองโดยไม่มีความพยายามใดๆในการจับมือกันต่อต้านการสืบทอดอำนาจ
ในเวลานั้นไม่เพียงแต่พรรคพลังประชารัฐของประวิตร วงษ์สุวรรณแล้ว ยังรวมพรรครวมไทยสร้างชาติของประยุทธ์ จันทร์โอชาไปอีกด้วย
กลายเป็นว่าพรรคเพื่อไทยไปเป็นส่วนหนึ่งของการสืบทอดอำนาจ แทนที่จะต่อต้านรัฐประหาร
เมื่อถึงเวลานั้นพรรคเพื่อไทยเป็นตัวเลือกเดียวของฝ่ายชนชั้นนำ ที่จะมาเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลพร้อมๆกับกีดกันพรรคก้าวไกลไปออกจากการเมืองไทยให้มากที่สุด
ไล่ตั้งแต่ไม่ให้ประธานรัฐสภา
ไม่ให้ ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้ารัฐบาล
ไม่ให้ร่วมรัฐบาล
จนมาถึงความพยายามยุบพรรคก้าวไกล ในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้
ดังนั้นเมื่อใช้บริการของพรรคเพื่อไทยแล้ว สิ่งที่ได้รับ อย่างเกินความคาดหมายของทักษิณ ชินวัตรคือการได้กลับบ้านแบบไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว ซึ่งแสดงความเป็นอภิสิทธิ์ชนอย่างถึงที่สุด
ทักษิณกลับมาถึงเมืองไทย 22 สิงหาคม 2566
(ในวันเดียวกับ เสียง สว. โดยเฉพาะจากสายประยุทธ์ จันทร์โอชา โหวตให้ใอย่างท่วมท้น)
จนทักษิณ และได้ออกจากที่คุมขังในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2567
สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าจะเกิดขึ้นได้ ถ้าพรรคก้าวไกลไม่ชนะการเลือกตั้ง
ดังนั้นเราจึงสรุปได้ว่า ชัยชนะของพรรคก้าวไกลทำให้ทักษิณได้กลับบ้านและไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว
(2)
การออกจากที่คุมขัง วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2567 ทักษิณชินวัตรก็ยังเป็นทักษิณ ชินวัตร เหมือนก่อนถูกรัฐประหาร 19 กันยายน 2549
คือเป็นคนที่ ถือประโยชน์ตนเองเป็นหลัก และมีความอหังการอยู่ในตัว
ไม่ว่าจะเกิดจากความมั่นใจในตัวเอง หรือการไม่เห็นหัวคนอื่น
เราจึงเห็นภาพของทักษิณ ในฐานะผู้มีอิทธิพลเหนือรัฐบาลพรรคเพื่อไทยแม้กระทั่งนายกรัฐมนตรีที่ชื่อเศรษฐา ทวีสิน
ภาพที่ทักษิณนั่งรายล้อมด้วยรัฐมนตรีในวันสงกรานต์ 2567 ที่เชียงใหม่พร้อมประกาศว่าสามารถประชุมครม. ได้เลย
ขณะที่วันรุ่งขึ้นเศรษฐา ทวีสินในฐานะนายกรัฐมนตรีก็ต้องเข้าไปกราบอวยพรสงกรานต์ทักษิณ ถึงบ้านจันทร์
นั่นก็แสดงถึงอิทธิพล ของทักษิณคนเดิมได้กลับมาแล้ว
ภายหลังสงกรานต์เมษายน 2567 อย่างที่ทราบก็คือการกลับมาในการปรับครม. และมีคนที่รับใช้บ้านจันทร์ส่องหล้าอย่างสุดจิตสุดใจอย่างพิชิต ชื่นบาน ได้กลับมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นในการตั้งครมเศรษฐา 1 ก็มีการถอนรายชื่อออกไปก่อนแล้ว เพราะทุกคนทราบดีว่าพิชิตคือสายล่อฟ้าโดยเฉพาะจากกลุ่มผู้พิพากษา
เท่านั้นยังไม่พอ การประกาศ ว่าภายในเดือนตุลาคม 2567 ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรจะได้กลับบ้านแบบไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียวเหมือนตัวเอง และจะกลับมาร่วมฉลองสงกรานต์ในปี 2568
นั้นก็สร้างความไม่พอใจเป็นอย่างสูง
สิ่งเหล่านี้สะท้อนถึงอหังการแห่งอำนาจของทักษิณ
ทักษิณ ถูกเบรกรอบแรก ด้วยการที่อัยการ มีคำสั่งฟ้อง คดี 112 ซึ่งแน่นอนว่าคดีนี้เป็นคดีการเมืองอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่นั่นก็ทำอะไรทักษิณไม่ได้ การประกาศว่าพรรคเพื่อไทยเท่านั้นที่จะแก้ไขเศรษฐกิจได้ นั้นเป็นการประกาศให้ชนชั้นนำรู้ว่า
ถึงอย่างไรก็ต้องใช้บริการพวกกู
(ทักษิณ และพรรคเพื่อไทยอยู่ดี)
ไม่นับว่าจะเป็นการหนีบนายทุนพลังงานอย่าง สารัตถ์ รัตนาวะดีไปเปิดตัว
อยางเปิดเผย ที่เขาใหญ่
สิ่งเหล่านี้สะท้อนถึงอหังการแห่งอำนาจของทักษิณ
ที่เคยสร้างความตึงเครียดทางการเมืองกัยชนชั้นนำมาตลอดทศวรรษ 2540
และถ้าเกิดว่า พรรคการเมืองที่ชนะการเลือกตั้งคือพรรคก้าวไกลได้ถูกกำจัดออกไปนอกสารบบการเมือง
คนที่ได้ประโยชน์สูงสุดไม่ใช่ใครที่ไหนก็คือทักษิณ ชินวัตรและพรรคเพื่อไทยนั่นเอง
คำถามของชนชั้นนำที่นำทำดีลให้ทักษิณกลับบ้าน เพื่อให้เป็นคู่ต่อสู้กับพรรคก้าวไกลนั้น จะยอมทำทุกอย่างในมือเพื่อให้ทักษิณได้ประโยชน์หรือ
ผมคิดว่าชนชั้นนำไทยคงไม่โง่พอ
สำหรับผมแล้ว สิ่งที่จะหยุดความอหังการของทักษิณได้ก็จำเป็นจะต้องมีพรรคการเมืองที่มีความเข้มแข็ง อยู่ในระบบรัฐสภา
และนี่จะเป็นเหตุผลหนึ่ง ที่จะทำให้พรรคก้าวไกลไม่ถูกยุบในวันที่ 7 สิงหาคมที่จะถึงนี้