วันศุกร์, พฤศจิกายน 10, 2566

ย้อนไทม์ไลน์ JKN บริษัทสุดที่รัก “แอน-จักรพงษ์” ขยายธุรกิจเกินตัว จนเกิดปัญหา ?


Wealthy Thai
13h ·

ย้อนไทม์ไลน์ JKN
บริษัทสุดที่รัก “แอน-จักรพงษ์”
ขยายธุรกิจเกินตัว จนเกิดปัญหา?
.
บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ JKN ภายใต้การนำของ แอน-จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานกรรมการบริหาร และผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่ง หากย้อนเวลากลับไปนับตั้งแต่เข้าซื้อขายในตลาดหุ้น ถือเป็นหนึ่งในบริษัทสุดฮอตเลยก็ว่าได้
.
ถ้านักลงทุนจำได้ ก่อนหน้านี้รายได้หลักๆ จะมาจากธุรกิจให้บริการ และจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ ไม่ว่าจะเป็น คอนเทนต์ซีรี่ย์ ละคร ภาพยนตร์ สารคดี ซึ่งคอนเทนต์ที่สร้างชื่อให้กับ JKN คงหนีไม่พ้น ซีรี่ย์ของอินเดีย ที่ตอนนั้นบอกเลยว่า ฮอตทั่วบ้านทั่วเมือง จนทำให้ JKN เข้าตานักลงทุน ต่างจับจองเป็นเจ้าของหุ้นให้เวลานั้น
.
แต่ดูเหมือน แอน-จักรพงษ์ จะไม่หยุดอยู่แค่นั้น เพราะในช่วงที่ผ่านมา ได้ประกาศขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง บนความฝันสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน
.
การขยายธุรกิจของ แอน-จักรพงษ์ จะเป็นโอกาส หรือความเสี่ยง Wealthy Thai จะพานักลงทุนย้อนไทม์ไลน์ การลงทุนต่างๆ ของ JKN กัน
.
เมื่อไม่นานมานี้ ถ้าพูดถึงดีลใหญ่ๆ ของ JKN นักลงทุนคงจำได้เรื่องของซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัท ดีเอ็น บรอดคาสต์ จำกัด หรือ DN เพื่อเข้าบริหารช่อง New18 มูลค่าลงทุนกว่า 1,060 ล้านบาท จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในขณะนั้นว่า “คุ้มค่าต่อการลงทุนหรือไม่” เพราะ ช่อง New18 ก็ไม่ได้โดดเด่นอะไร
.
แต่แอน-จักรพงษ์ ก็ออกมาบอกว่า การซื้อช่อง NEW18 มองว่าคุ้ม ถ้าไม่คุ้มไม่ลงทุน เพราะได้ทั้งใบอนุญาต อาคารสถานี อุปกรณ์ สตูดิโอทั้งหมด และแค่ค่าดำเนินการก่อสร้างที่เจ้าของเดิมลงทุนก็ราว 500 ล้านบาทแล้ว ที่สำคัญยังได้ tax shield หรือ ประโยชน์ที่ได้ทางภาษีราว 400 ล้านบาทอีกด้วย ดังนั้นเงินเข้าลงทุนทั้งหมด 1,060 ล้านบาท จึงมองว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า และยังบอกอีกว่าจะเห็นจุดคุ้มทุนภายใน 4 ปี นับจากวันที่เข้าลงทุนอีกด้วย
.
แน่นอนว่า ในช่วงเวลานั้นของการประกาศซื้อช่อง New18 แอน-จักรพงษ์ มีเป้าหมายสูงสุด คือ ผลักดันให้ JKN18 ติดท็อป 10 ของช่องทีวีดิจิทัลในประเทศไทย เพื่อนำไปสู่สถานีโทรทัศน์ระดับชาติ
.
อีกหนึ่งการลงทุนขนาดใหญ่เช่นกัน อย่างการเข้าลงทุนใน “ธุรกิจองค์กรนางงามจักรวาล หรือ Miss Universe Organization (MUO)” จาก Endeavor Group Holdings, Inc. ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้น 100% ของบริษัท IMG Worldwide, LLC ที่เป็นผู้ถือลิขสิทธิ์ Miss Universe มูลค่าลงทุนไม่เกิน 14 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 550 ล้านบาท ในตอนนั้นได้ออกมาเปิดเผยถึงแหล่งเงินทุนที่จะรองรับดีลดังกล่าวว่า มาจากการใช้เงินทุนหมุนเวียนในกิจการ
.
การลงทุนดังกล่าวเป็นข่าวดังไปทั่วโลก จนทำราคาหุ้นเพิ่มขึ้นอย่างร้อนแรง ทำให้มูลค่ามาร์เก็ตแคป JKN ทะยานขึ้นอย่างชัดเจนในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง โดย แอน-จักรพงษ์ บอกว่า การลงทุนครั้งนี้จะทำให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น พร้อมก้าวสู่การเป็นผู้นำในการค้าคอนเทนต์ระดับโลกอย่างแท้จริง
.
และยังบอกอีกว่า Miss Universe จะไม่ใช่แค่เวทีประกวดนางงาม แต่จะเข้ามาช่วยต่อยอดธุรกิจบริษัท พร้อมทั้งพัฒนาธุรกิจให้มีความมั่นคง เพราะ Miss Universe สามารถในการเข้าถึงผู้คนกว่า 165 ประเทศ หรือประมาณ 500 ล้านคนในแต่ละปี พร้อมกับวางแผนเข้าระดมทุนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ค The New York Stock Exchange (NYSE) ภายในปี 2025 ภายใต้ชื่อบริษัท JKN-Metaverse อีกด้วย
.
แต่เวลาผ่านไปไม่นาน JKN ก็ได้ประกาศข่าวใหญ่อีกครั้ง ด้วยแผนเพิ่มทุน RO จำนวน 1,019.91 ล้านหุ้น วงเงิน 3,059 ล้านบาท ในอัตรา 1 ต่อ 1 ราคาเสนอขาย 3 บาท ต่ำกว่ากระดาน
.
ด้วยเหตุผลที่ว่า เพื่อใช้ชําระคืนหนี้เงินกู้ยืมของบริษัท เพื่อเป็นการลดภาระดอกเบี้ย ลดต้นทุนทางการเงินของบริษัท และคงอัตราส่วนทางการเงินของบริษัทให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและมีเสถียรภาพทางการเงิน (ภายหลังก็มาปรับแผนเพิ่มทุนใหม่ เป็น 589 ล้านหุ้น ขาย RO 2 ต่อ 1 ราคาเสนอขายหุ้นละ 3.00 บาท)
.
อย่างไรก็ตามในช่วงที่เพิ่มทุนเท่าตัว ยังพบว่า งบการเงินงวด 9 เดือนปี 2565 JKN มีหนี้สินระยะยาวส่วนที่ถึงกำหนดชำระภายในหนึ่งปีอยู่ที่ 2,168.66 เป็นหนี้สถาบันการเงิน 273.31 ล้านบาท และหนี้หุ้นกู้ 1,895.35 ล้านบาท
.
ขณะที่หนี้สินระยะยาว ส่วนที่ถึงกำหนดชำระเกินกว่าหนึ่งปีที่ 2,129.74 ล้านบาท เป็นสถาบันการเงิน 208.97 ล้านบาท และหุ้นกู้ 1,920.77 ล้านบาท ด้านสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 8,908.68 ล้านบาท และมีกำไรสะสมที่ 1,363.46 ล้านบาท ตามที่ Wealthy Thai เคยนำเสนอไปก่อนหน้า
.
แต่ JKN ออกมาบอกว่า เงินที่ได้จากการเพิ่มทุน RO ในครั้งนี้จำนวน 55% เพื่อปรับโครงสร้างทางการเงิน ซึ่งจะนำไปชำระหนี้เงินกู้ของบริษัท จะช่วยลดต้นทุนทางการเงินได้ถึงปีละ 100 ล้านบาท และส่งเสริมความสามารถในการทำกำไรของบริษัทฯ ในภาพรวมปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
.
ประเด็นเพิ่มทุน ทำให้ราคาหุ้น JKN ปรับตัวลดลงอย่างร้อนแรง แต่ก่อนการเพิ่มทุน ยังพบสิ่งที่น่าสนใจในช่วงเวลานั้น เพราะ แอน-จักรพงษ์ ที่ถือเป็นแม่ทัพคนสำคัญของ JKN ได้มีการขายหุ้น JKN ออกมา โดยเหตุเกิดขึ้นภายหลังประกาศดีลเข้าถือครองธุรกิจองค์กรนางงามจักรวาล หรือ Miss Universe Organization (MUO) ที่ประกาศในช่วงเดือนต.ค.2565 คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 309,804,936 บาท
.
สรุปให้เข้าใจง่ายๆ คือ หลังซื้อธุรกิจองค์กรนางงามจักรวาล แอน-จักรพงษ์ กลับทยอยขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งๆที่บอกว่า ธุรกิจองค์กรนางงามจักรวาลจะทำ JKN ให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น แต่หลังจากนั้นก็ประกาศเพิ่มทุนอีกเท่าตัวนั้นเอง
.
มาถึงตรงนี้แล้ว กำลังจะเกิดประเด็นใหญ่ขึ้นอีกครั้ง หลังบริษัทประกาศงดจ่ายเงินปันผลสําหรับผลการดําเนินงานประจําปี 2565 ด้วยเหตุที่ว่าเพื่อสํารองเงินสดไว้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดําเนินธุรกิจและการขยายธุรกิจ
.
แต่ไม่นานก็สร้าง talk of the town ระดับประเทศ เพราะไม่สามารถหาเงินมาจ่ายเงินต้นและดอกเบี้ยหุ้นกู้ตามกำหนด ซึ่งจ่ายได้แค่ 156 ล้านบาทเท่านั้น จากยอดเต็ม 609 ล้านบาท โดย JKN ถือเป็นหนึ่งในบริษัทที่ออกหุ้นกู้จำนวนมากในช่วงเวลาที่ผ่านมา
.
แม้ยืนยันจะหาเงินมาใช้หนี้หุ้นกู้ทั้งหมดก็ตาม และยืนยันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นการแค่ปรับวันชำระเงินต้นและดอกเบี้ยหุ้นกู้รุ่น JKN239A และขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะเกิดขึ้นแค่ JKN239A ชุดเดียว ซึ่งจะไม่กระทบต่อหุ้นกู้รุ่นอื่นๆ แต่ก็ไม่วายที่กระทบความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน จนนักวิเคราะห์แนะ “เลี่ยงลงทุน” จนกว่าจะแก้ปัญหาผิดนัดชำระหนี้
.
จากนั้นมาก็มีข่าวลือเรื่องการขาย JKN18 ให้กับ Top News แต่ภายหลังออกมาระบุว่า ได้บรรลุข้อตกลงร่วมกับบริษัท ท็อปนิวส์ ดิจิทัล มีเดีย จํากัด (Top News) ในการร่วมผลิตรายการประเภทรายการข่าวสารและสาระระหว่าง JKNBL และ Top News เพื่อออกอากาศทางช่อง JKN18 เท่านั้น ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการหาเงินสดมาช่วยชำระหนี้นั่นเอง
.
เหมือนทุกอย่างจะดีขึ้น เมื่อผู้ถือหุ้นกู้ รุ่น JKN239A อนุมัติเลื่อนวันไถ่ถอน โดยไม่ถือเป็นเหตุผิดนัด แต่ในช่วงเวลานั้นนักวิเคราะห์ได้ออกมาประเมินว่าถือเป็นข่าวบวกที่บริษัทมีระยะเวลาในการหาเงินมาชำระคืนหุ้นกู้ อย่างไรก็ตามจะมีหุ้นกู้ที่จะต้องทยอยชำระในเวลาไล่เรี่ยกัน จึงยังมีความเสี่ยงที่อาจมีการผิดนัดชำระอีก
.
จนทำมาสู่วันนี้ JKN ได้ยื่นคําร้องขอฟื้นฟูกิจการ และเสนอผู้จัดทําแผนฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง หวังจะช่วยให้บริษัทแก้ไขปัญหาสภาพคล่องของบริษัทได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งสามารถประกอบธุรกิจต่อไปได้ในระหว่างที่อยู่ในกระบวนการฟื้นฟูกิจการนั่นเอง
.
ที่กล่าวมานั้น เป็นเพียงดีลใหญ่ๆ ที่สร้าง talk of the town ให้กับวงการตลาดทุนเท่านั้น ไม่รวมดีลยิบย่อยที่ แอน-จักรพงษ์ ประกาศลงทุนมาอย่างต่อเนื่อง
.
แต่สุดท้ายแล้ว บทสรุปของ JKN จะเป็นอย่างไร เราก็คงต้องตามต่อกันอีกยาวไกลอย่างแน่นอน แต่ที่น่าสนใจ ดีลที่ลงทุนไปหลายๆ บริษัทที่ผ่านมานั้น สร้างกำไร หรือ กระแสเงินสดไม่เพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจหรือไม่ จนนำมาสู่บทสรุปในวันนี้?