Nakarin Wanakijpaibul
Yesterday·
“ประเทศไทยไม่ได้ขาดนักธุรกิจเก่งๆ หมอเก่งๆ นักวิชาการเก่งๆ แต่เราขาดนักกฎหมายที่มีความยุติธรรม”
การได้รับเลือกเป็นผู้กล่าวปาฐกถาในวันครบรอบ 50 ปี 14 ตุลาถือเป็นเกียรติและแรงกดดันของผมมากครับ มองจากรายชื่อบุคคลที่เคยอยู่บนเวทีนี้มีตั้งแต่อ.เสกสรรค์ ประเสริฐกุล, อ.ธีรยุทธ บุญมี, อ.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ, พระไพศาล วิศาโล, อ.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์, อ.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล หรือไอติม พริษฐ์ ฯลฯ ล้วนแล้วแต่มีความรู้ความสามารถเชื่อมโยงกับการเมืองไทย ทำให้ผมต้องทำการบ้านอย่างหนักถึง 3 เดือนเต็มเพื่อทำให้ปาฐกถานี้มีคุณค่าสมกับที่มูลนิธิ 14 ตุลา ไว้ใจผม
ขอบคุณคุณอานันท์ ปันยารชุน ที่ปรึกษามูลนิธิฯ ที่ให้โอกาสผม ขอบคุณ 'อำนาจทางปัญญา' จากอาจารย์หลายท่าน โดยเฉพาะอ.สิริพรรณ นกสวน สวัสดี และอ.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ที่สละเวลามาแลกเปลี่ยนมุมมอง และที่สำคัญที่สุดขอบคุณทีมงาน THE STANDARD ทั้งนัท ออฟ ใหญ่ เอก และทีม The Secret Sauce ที่ทำให้ปาฐกถาเหลียวหลัง แลหน้า ยำใหญ่ "อำนาจ เวลา ประชา โลกร้อน และแชตจีพีที" (หรือชื่อเล่นเวอร์ชันพี่เคนเอาแต่ใจ55) เสร็จทันเวลาแบบเฉียดฉิวได้
ผมได้เรียนรู้เยอะมากจากการทำปาฐกถาชิ้นนี้ มีทั้งความสิ้นหวังและความหวังมากขึ้นต่อการเมืองไทย แต่สิ่งที่ผมเชื่อคือประเทศไทยยังมีโอกาสและอนาคตอีกมาก หัวใจสำคัญที่สุดคือเราจะจัดสรรอำนาจนี้อย่างไรภายใต้ Good Governance – ธรรมาภิบาล และ Rule of Law – หลักนิติธรรม ซึ่งคือสิ่งสำคัญที่หายไปจากจิตสำนึกของสังคมไทย โดยเฉพาะคนที่อยู่ในอำนาจ เราต้องช่วยกันปลูกฝังแนวคิดนี้อย่างสุดกำลัง ผ่านอำนาจทางปัญญา และให้อำนาจทางเวลาเป็นพลังส่งให้รถไฟขบวนที่ชื่อว่าประเทศไทยแล่นไปในทิศทางที่ถูกต้อง
แล้ววันหนึ่งเวลาจะอยู่ข้างเรา
อ่านปาฐกถาเต็มๆ ได้ที่ลิงก์นี้ครับ
https://thestandard.co/ken-nakarin-50-years-14-october/
ถ้าขี้เกียจอ่าน ก็ฟังย้อนหลังได้ที่นี่ครับ
https://www.youtube.com/live/eEmNQOy5eB4?si=WNNC3JXuiZtW9QA-
