วันอังคาร, ตุลาคม 24, 2566

ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง


‘ยุทธพงศ์’ ซัด ‘ประยุทธ์’ ไร้ภาวะผู้นำไม่กล้ายกเลิกสัญญาเรือดำน้ำจีน กว่า 2 หมื่นล้าน สร้างความเสียหายประเทศ

22 ก.ค. 2565
Work Point Today

ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เป็นวันที่ 4 นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมว่า พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะรมว.กลาโหม ใช้งบประมาณจัดซื้อยุทโธปกรณ์ไม่มีความจำเป็นต่อประเทศในภาวะที่ไทยมีปัญหาเศรษฐกิจรุนแรง โดยเฉพาะการจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือจากประเทศจีนจำนวน 3ลำ รุ่นS26T(Yuan class) รวมเรือพี่เลี้ยง การก่อสร้างที่จอดเรือ อาคารทดสอบ และโรงซ่อมบำรุง 9 รายการ มูลค่าจำนวน 44,222 ล้านบาท ที่พล.อ.ประยุทธ์ เคยการันตีว่าเรือดำน้ำจากจีนถูกที่สุด ซื้อ2แถม1 คุณภาพใช้ได้ แต่ราคาจัดซื้อเรือดำน้ำจริง เป็นการซื้อ 3 ลำ ไม่ได้ซื้อ 2 แถม 1 มันจึงผิดไปจากที่พล.อ.ประยุทธ์บอกไว้ โดยเฉพาะเรือดำน้ำลำที่ 1 มูลค่า 12,424 ล้านบาท ที่ไม่มีเครื่องยนต์ อยู่ระหว่างก่อสร้างตั้งแต่ปี 2560-66 เกิดปัญหาไม่มีเครื่องยนต์ ต้องหยุดสร้าง รวมทั้งเรือพี่เลี้ยง การก่อสร้างที่จอดเรือ อาคารทดสอบ และโรงซ่อมบำรุง เป็นจำนวน 21,722 ล้านบาท ส่วนอีก 2 ลำ ตั้งงบฯตั้งแต่ปีในปี2563-69 มูลค่า 22,500 ล้านบาท ยังไม่ได้จัดซื้อ เนื่องจากพรรคเพื่อไทยคัดค้าน

อย่างไรก็ตามจีนได้ขอซื้อเครื่องยนต์จากเยอรมัน รุ่น MTU Series 396 V16 Deisel Engine แต่เยอรมันไม่ขายให้ จึงเกิดปัญหาเรือดำน้ำไร้เครื่องยนต์ แสดงให้เห็นว่าตอนทำสัญญาซื้อขายไม่มีความรอบคอบระมัดระวังที่จะปกป้องรักษาผลประโยชน์ประเทศ เพียงแต่ต้องการใช้งบฯ แล้วเกิดความเสียหาย ทั้งนี้ เงินจำนวน 21,722 ล้านบาท จากงบประมาณ9รายการ รวมทั้งสิ้น 44,222 ล้านบาท ถือเป็นค่าโง่ที่รัฐบาลต้องจ่าย เป็นเงินมหาศาลที่ภาวะประเทศวิกฤต จ่ายไปแล้วไม่มีเรือดำน้ำ สิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องรับผิดชอบ คือ 1.โครงการจัดซื้อเรือดำน้ำ 44,222 ล้านบาท 2.เรือดำน้ำลำแรกที่ไม่มีเครื่องยนต์และหยุดต่อเรือ 3.ค่าโง่จัดซื้อเรือดำน้ำที่จ่ายไปแล้ว 21,722 ล้านบาท 4.เมื่อจ่ายแล้วสูญสิ้นงบฯโดยเปล่าประโยชน์

“ส่วนเส้นตายที่จะถึง 9 ส.ค.2565 นี้ ที่ทางกองทัพเรือขีดเส้นไว้ 60 วันให้จีนแก้ไขปัญหาเรื่องเครื่องยนต์เรือดำน้ำลำที่1 จะทันหรือไม่ มันสร้างความเสียหาย เดือดร้อน ขณะที่สัญญาการจัดซื้อได้มีการออกมาอย่างเป็นทางการ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องรับผิดชอบต่อเรื่องนี้ สัญญามันสามารถยกเลิกได้ เพราะในสัญญาระบุว่า สามารถยกเลิกสัญญาได้หากจีนไม่สามารถสร้างเรือดำน้ำให้เสร็จสมบูรณ์ โดยไม่ต้องเสียค่าปรับ และสามารถเรียกเงินจำนวน7,000 ล้านบาทได้ แต่รัฐบาลไม่ได้เข้าไปแก้ปัญหาเลย ซื้อของแพงๆ มา จ่ายเงินเขาไป” นายยุทธพงศ์ กล่าว

นายยุทธพงศ์ กล่าวถึงงบประมาณกองทัพเรือในการจัดซื้ออากาศยานไร้คนขับ UAV พร้อมระบบติดตั้งระบบอาวุธ 3 ลำ งบประมาณ 4,100 ล้านบาทว่า ขณะนี้การจัดซื้อแล้วเสร็จ มีบริษัทยื่นแข่งขัน 4 บริษัท แต่มีบริษัทเดียวที่เสนอขายให้ 7 ลำ งบประมาณ 4,000 ล้านแล้วชนะ คือบริษัท Elbit จากประเทศอิสราเอล ขณะที่บริษัทที่เหลือเสนอเพียงแค่ 3 ลำ แสดงให้เห็นว่าทีโออาร์มีปัญหา เพราะเสนอคาดเคลื่อนระหว่าง7ลำกับ3ลำ ซึ่งอากาศยาน UAV ยี่ห้อ hermes 900 ที่ชนะการแข่งขันมา ไม่มีระบบติดอาวุธ แล้วจะไปรบกับใครได้ แสดงให้เห็นว่ากองทัพเรือแค่ต้องการใช้งบฯ ไม่คำนึงถึงประโยชน์ ความจำเป็นใดๆ นอกจากนี้ยังมีประสิทธิภาพต่ำอีกด้วย

นายยุทธพงศ์ กล่าวด้วยว่า ขณะเดียวกันมีเรื่องที่กำลังอยู่ในการพิจารณาของกมธ.งบประมาณปี 2566 คือเครื่องบินรบทางยุทธศาสตร์ F-35A เจเนอเรชั่นที่ 5 ของกองทัพอากาศ เรื่องเทคโนโลยีใหม่ๆ อาทิ ล่องหนหายตัว บินด้วยท่วงท่าพิสดาร บินเร็วเหนือเสียง เป็นเครื่องบินอวกาศควบคุม UAVได้ของเครื่องบินรบรุ่นนี้ตนไม่เถียง แต่มันเหมาะสมหรือไม่ที่ขณะนี้ประชาชนกำลังอดอยาก ประเทศมีหนี้สาธารณะมหาศาลจนต้องกู้มาเต็มเพดาน แล้วมาจัดซื้อเครื่องบินรบรุ่นนี้เป็นความจำเป็นเร่งด่วน ซึ่งมันไม่จำเป็นเร่งด่วน เพราะยังมีเวลา ทางเสนาธิการทหารอากาศ ยังออกมาระบุเลยว่าหากจัดซื้อไม่ทันในปีงบฯ 66 ก็ขยับไปปีงบฯ 67ได้ ควรเอาเงินไปช่วยประชาชนที่เดือดร้อนดีกว่า น้ำมันแพง ของแพง ไปช่วยคนจนคนติดโควิดก่อน

“พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ไร้ภูมิปัญญา ไร้องค์ความรู้ ไร้ความสามารถ ไร้ประสิทธิภาพ ซื้อเรือดำน้ำไม่มีเครื่องยนต์สร้างความเสียหายให้แผ่นดิน มากกว่า 20,000 ล้านบาท ขาดภาวะความเป็นผู้นำ เมื่อเกิดปัญหาเรือดำน้ำไม่มี เครื่องยนต์ ก็ไม่กล้าบอกเลิกสัญญา สร้างความเสียหายให้กับประเทศ ไร้คุณธรรมจริยธรรม อนุมัติเงินงบประมาณ 13,800 ล้านบาทเพื่อจัดซื้อเครื่องบิน รบ F-35A ใช้งบฯจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ไม่มีความจำเป็น ในภาวะที่ประเทศมีปัญหาด้านเศรษฐกิจที่รุนแรง ประชาชนเดือดร้อน ผมจึงไม่อาจจะไว้วางใจให้ พล.อ. ประยุทธ์ บริหารราชการแผ่นดินอีกต่อไป” นายยุทธพงศ์ กล่าว