ความพิกลของการบังคับใช้กฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒ นั้น มันทำให้กลายเป็นกฎหมายที่ลุกล้ำเสรีภาพของบุคคล มากกว่าผลดีในการปกป้องชื่อเสียงของกษัตริย์ คดีของ ‘จีน่า’ ปภัสร ซึ่งศาลอุทธรณ์จะอ่านคำพิพากษาพรุ่งนี้ เป็นกรณีตัวอย่าง
‘ไอลอว์’ ติดตามคดีนี้มาแต่แรกเริ่มเมื่อ ๗ เมษา ๖๕ จีน่าถูกตำรวจนอกเครื่องแบบไปจับกุมที่บ้านพักในจังหวัดกระบี่ ทั้งที่แม่เลี้ยงเดี่ยวลูกสามวัย ๕๒ นี้อยู่ในชุดกระโจมอก เธอขัดขืนจนผ้าหลุดลุ่ยเพราะไม่คิดว่าตนเองได้กระทำผิดอะไร
อีกทั้งระแวงว่าชายทั้งสามที่มาทำการจับกุมจะเป็นตำรวจจริงไหม ต้นเหตุของการจับกุม มีคนในจังหวัดไปร้องเรียนตำรวจว่าเธอโพสต์ภาพหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ภาพดังกล่าวเป็นภาพหน้าปกของเพจ ตลาดหลวง ‘Royalists Marketplace’
เนื่องจากช่วงนั้นเธอมีความเห็นคล้อยตามการต่อต้านรัฐประหาร เคยไปร่วมคาร์ม็อบของจังหวัดกระบี่ครั้งหนึ่ง กับไปร่วมการชุมนุม ‘กระบี่ไม่ทน’ กับลูกสาวคนเล็กอีกครั้งหนึ่ง ที่บังเอิญขึ้นปราศรัยเล็กน้อยคั่นเวลา แต่คลิปแพร่หลายไวรัล
พอดีเธอได้เห็นโพสต์วิดีโอสวดคาถาสาปแช่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขำขันดีจึงก็อปปี้เอาไปโพสต์บนหน้าเฟชบุ๊คของตน พร้อมเขียนข้อความ “หนทางเดียวของกูละ ไอ่เปรตนี่..เด่วกูจัด” คนรู้จักมักจี่ในพื้นที่เห็นเข้าจึงเอาไปฟ้อง
เพราะเวลาก็อปปี้ลิ้งค์ไปแปะอย่างนั้น คนที่ไม่ได้เป็นสมาชิกตลาดหลวงจะเห็นภาพหน้าปกของต้นทาง แทนภาพในโพสต์ ทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นข้อความว่าร้ายบุคคลในภาพซึ่ง “คล้ายรัชกาลที่สิบ” กำลังเล่นไถลบนสะพานน้ำ โดยเธอไม่รู้เลยว่ามีภาพนั้นอยู่ในโพสต์
คดีในศาลชั้นต้นเธอได้ประกันปล่อยตัวชั่วคราวด้วยหลักทรัพย์แสนห้า เธอให้ความเห็นกับไอลอว์ในครั้งนั้นว่า “มันแปลกอยู่เหมือนกันว่าคนที่มาเป็นพยาน บางคนไม่เคยเจอหน้าพี่เลย แต่ถึงเวลาศาลให้ชี้ตัวเขาชี้ตัวพี่ถูกได้ยังไงก็ไม่รู้”
นี่ละความพิลึกพิลั่น พิกลพิการของคดี ม.๑๑๒ ที่กลับมาชุกในยุครัฐบาลข้ามขั้ว
(https://freedom.ilaw.or.th/node/1162 และ https://www.facebook.com/iLawClub/posts/JzUMTDLl)