วันจันทร์, ตุลาคม 23, 2566

ในเวลาเศร้าแบบนี้ ชวนอ่าน บทกวี “เหมือนบอดใบ้ ไพร่ฟ้ามาสุดทาง” ของอานนท์ นำภา ซึ่งแต่งไว้ตั้งแต่ปี 2553 ในช่วงที่เขาเป็นทนายความให้กับกลุ่มคนเสื้อแดง กวีบทนี้ยังร่วมสมัยกับปัจจุบัน เพื่อปลอบประโลมหัวใจของตัวเองและเพื่อนมิตรสหายทุกคน


อานนท์ นำภา:เหมือนบอดใบ้ ไพร่ฟ้า มาสุดทาง

ที่มา ประชาไท
2010-12-29
 
เอ้กอีเอ้ก สว่างแล้ว แก้วไก่ขัน
ดวงตะวัน ยิ้มแฉ่ง สีแดงฉาน
หมู่หมอกเหม่อ เออออ ล้อลำธาร
หยาดน้ำค้าง ค้างบ้าน จนลืมไพร

ควักข้าวเหนียว ใส่ห่อ ไปรอรับ
หวังลูกกลับ สู่บ้าน มาอยู่ไกล้
เจ็ดเดือนย่าง ต่างรู้ ต้องอยู่ไกล
แต่เทียวไป เยี่ยมเล่น ไม่เว้นวัน

เมื่อใดความ ขัดแย้ง ไม่แยกแยะ
เมื่อนั้นแพะ ก็พา กันขาสั่น
เมื่อใดช้าง ต่างชน ชิงประชัน
แลเมื่อนั้น หญ้าแพรก ก็แหลกราน

ร่างผอมโซ โซ่ตรวน ล่ามส่วนขา
เดินออกจาก รถมา ศาลาศาล
ผู้คุมสวม บทบาท ราชการ
ตะโกนไล่ ชาวบ้าน อย่าจอแจ !

ปาดน้ำตา ต่างยิ้ม ให้ลูกชาย
ลูกโบกมือ บ๋ายบาย ยิ้มให้แม่
ชะเง้อตาม สองตา เจ้าต่างแล
เชื่อมรักแท้ แม่ลูก ที่ผูกพัน

ผิดใดหนอ บักหำน้อย แม่คอยถาม
จึงถูกล่าม โซ่ขึง ตรึงไว้นั่น
ขาก็ขา น้อยน้อย เพียงแค่นั้น
จะทนดั้น เดินย่าง ได้อย่างไร

เสียงตะโกน “ลุกขึ้น” ทะมึนสั่ง
ศาลออกนั่ง บัลลังก์ ฟังปราศรัย
อัยการ อ่านเกมส์ เค็มน้ำใจ
ทนายให้ สารภาพ อย่าสู้เลย

เสียงตะโกน แต่ไกล “ผมไม่ผิด”
ศาลสั่ง “เงียบสักนิด ฟังเฉยเฉย ! ”
แล้วยิ้มเยาะ เคาะไม้ สะบายสะเบย
บอกเปรยเปรย มีคำสั่ง ถูกขังลืม

ชนชั้นนำ กำหนด กฎอุบาทว์
เหยียบหัวราษฎร์ ปรองดอง กันดูดดื่ม
ชนชั้นต่ำ เงินสิบ ต้องหยิบยืม
รอ “นาย” ปลื้ม เมื่อไหร่ ให้ประกัน

โรงละคร เล่นครบ เหมือนจบข่าวฃ
กำหมัดชื้น ขื่นคาว คนขบขัน
“พวกเผาบ้าน เผาเมือง ประหารมัน"
คนดีลั่น พวกใจสัตว์ ต้องจัดการ !

เสียงระโยง ระยาง ครางกับพื้น
กลบเสียงปืน ราชประสงค์ ไว้ตรงศาล
คนเสื้อแดง ถูกตราหน้า ว่าสามานย์
คนสั่งด้าน หัวร่อ บนหอทอง

เกาะลูกกรง คงยืน มองลูกชาย
เป็นภาพชิน ชาคล้าย ไม่เกี่ยวข้อง
ขณะที่ คนชนะ จะปรองดอง
ชาวบ้านต้อง ร้องไห้ อยู่ฮือฮือ

ภาพของหญิง ชรา ตำตาศาล
เหมือนกฎหมาย ตายด้าน แต่หนังสือ
ผู้มักใหญ่ ใช้เชื่อง เป็นเครื่องมือ
เพื่อแย้งยื้อ ชอบธรรม เถื่อนอำพราง

จึงกฎหมาย กลายหมด แล้วกฎหมาย
เกิดกฎหมา มักง่าย มาสะสาง
เหมือนบอดใบ้ ไพร่ฟ้า มาสุดทาง
เลือกระหว่าง ก้มค้อม หรือยอมตาย

ประวัติศาสตร์ ต้องใช้ ชีวิตเขียน
หมุนกงเกวียน แห่งสมัย ไม่ขาดสาย
ชักธงแดง แกร่งกล้า ขึ้นท้าทาย
เถิดสหาย ปฏิวัติ โค่นรัฐโจร !

: ผมรู้สึกเจ็บร้าวทุกครั้งที่เห็นชาวบ้านแก่ๆ มายืนคอยทาง
ดูลูกชายขึ้นศาล และยิ่งเขามาถามว่า "ลูกแม่สิได้ออกมื้อได๋"
มันยิ่งจุกจนพูดไม่ออกทุกที หรือนี้เราเดินมาสุดทางแล้วจริงๆ

อานนท์ นำภา 23 ธันวาคม 2553

ที่มา:อานนท์ นำภา
.....

นรเศรษฐ์ นาหนองตูม ·
October 18, 2021·

เวลาเศร้าแบบนี้ มันทำให้ผมหวนคิดถึง
บทกวี “เหมือนบอดใบ้ ไพร่ฟ้ามาสุดทาง”
ของอานนท์ นำภา ซึ่งแต่งไว้ตั้งแต่ปี 2553
ในช่วงที่เขาเป็นทนายความให้กับกลุ่มคนเสื้อแดง
กวีบทนี้ยังร่วมสมัยกับปัจจุบัน ผมชอบอ่านอยู่เสมอ
ครั้งนี้ผมจึงขอนำมาเผยแพร่อีกครั้ง
โดยปรับเนื้อหาบางส่วน ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน เพื่อปลอบประโลมหัวใจของตัวเองและเพื่อนมิตรสหายทุกคน

เอ้กอีเอ้ก สว่างแล้ว แก้วไก่ขัน
ดวงตะวัน ยิ้มแฉ่ง สีแดงฉาน
หมู่หมอกเหม่อ เออออ ล้อลำธาร
หยาดน้ำค้าง ค้างบ้าน จนลืมไพร

ควักข้าวเหนียว ใส่ห่อ ไปรอรับ
หวังลูกกลับ สู่บ้าน มาอยู่ไกล้
เจ็ดเดือนย่าง ต่างรู้ ต้องอยู่ไกล
แต่เทียวไป เยี่ยมเล่น ไม่เว้นวัน

เมื่อใดความ ขัดแย้ง ไม่แยกแยะ
เมื่อนั้นแพะ ก็พา กันขาสั่น
เมื่อใดช้าง ต่างชน ชิงประชัน
แลเมื่อนั้น หญ้าแพรก ก็แหลกราน

ร่างผอมโซ โซ่ตรวน ล่ามส่วนขา
เดินออกจาก รถมา ศาลาศาล
ผู้คุมสวม บทบาท ราชการ
ตะโกนไล่ ชาวบ้าน อย่าจอแจ !

ปาดน้ำตา ต่างยิ้ม ให้ลูกชาย
ลูกโบกมือ บ๋ายบาย ยิ้มให้แม่
ชะเง้อตาม สองตา เจ้าต่างแล
เชื่อมรักแท้ แม่ลูก ที่ผูกพัน

ผิดใดหนอ บักหำน้อย แม่คอยถาม
จึงถูกล่าม โซ่ขึง ตรึงไว้นั่น
ขาก็ขา น้อยน้อย เพียงแค่นั้น
จะทนดั้น เดินย่าง ได้อย่างไร

เสียงตะโกน “ลุกขึ้น” ทะมึนสั่ง
ศาลออกนั่ง บัลลังก์ ฟังปราศรัย
อัยการ อ่านเกมส์ เค็มน้ำใจ
ทนายให้ อ่านเอกสาร ที่โจทก์ส่งมา

เสียงตะโกน แต่ไกล “ผมไม่ผิด”
ศาลสั่ง “เงียบสักนิด ฟังเฉยเฉย ! ”
แล้วยิ้มเยาะ เคาะไม้ สะบายสะเบย
บอกเปรยเปรย มีคำสั่ง ถูกขังลืม

ชนชั้นนำ กำหนด กฎอุบาทว์
เหยียบหัวราษฎร์ ปรองดอง กันดูดดื่ม
ชนชั้นต่ำ เงินสิบ ต้องหยิบยืม
รอ “นาย” ปลื้ม เมื่อไหร่ ให้ประกัน

โรงละคร เล่นครบ เหมือนจบข่าว
กำหมัดชื้น ขื่นคาว คนขบขัน
“พวกล้มเจ้า ล้มสถาบัน ประหารมัน"
คนดีลั่น พวกใจสัตว์ ต้องจัดการ !

เกาะลูกกรง คงยืน มองลูกชาย
เป็นภาพชิน ชาคล้าย ไม่เกี่ยวข้อง
ขณะที่ คนชนะ จะปรองดอง
ชาวบ้านต้อง ร้องไห้ อยู่ฮือฮือ

ภาพของหญิง ชรา ตำตาศาล
เหมือนกฎหมาย ตายด้าน แต่หนังสือ
ผู้มักใหญ่ ใช้เชื่อง เป็นเครื่องมือ
เพื่อแย้งยื้อ ชอบธรรม เถื่อนอำพราง

จึงกฎหมาย กลายหมด แล้วกฎหมาย
เกิดกฎหมา มักง่าย มาสะสาง
เหมือนบอดใบ้ ไพร่ฟ้า มาสุดทาง
เลือกระหว่าง ก้มค้อม หรือยอมตาย

ประวัติศาสตร์ ต้องใช้ ชีวิตเขียน
หมุนกงเกวียน แห่งสมัย ไม่ขาดสาย
ชักธงแดง แกร่งกล้า ขึ้นท้าทาย
เถิดสหาย ปฏิวัติ โค่นรัฐโจร !
.....


สำนักพิมพ์ อ่าน
12h ·
ผู้อ่านอาวุโสท่านหนึ่งแวะมาซื้อ “ปฤษฎางค์ : กระดูกสันหลังแขวนคอ” แล้วก็แจ้งความประสงค์ขออุดหนุนหนังสือรวมบทกวีสองปกที่เราพิมพ์ออกมาเมื่อทศวรรษที่แล้ว คือ
“ราษฎรที่รักทั้งหลาย” โดย “เพียงคำ ประดับความ”
และ
“เหมือนบอดใบ้ไพร่ฟ้ามาสุดทาง” โดย อานนท์ นำภา
เธอซื้อไว้ปกละ 20 เล่ม แล้วบอกให้เราเอาไว้แจกฟรีแก่ผู้อ่านหนุ่มสาวรุ่นใหม่ที่แวะเวียนผ่านเข้ามา
มันเป็นหนังสือบทกวีที่พาเราย้อนอดีตไปไกลถึงการชุมนุมของคนเสื้อแดงในทศวรรษก่อนหน้า ในครั้งนั้น บทกวีของเพียงคำ ประดับความ ที่เขียนและอ่านสดในที่ชุมนุมทุกหย่อมย่าน กรีดหัวใจราษฎรผู้เรียกตัวเองว่าไพร่ให้น้ำตาซึมมานักต่อนัก
ขณะที่บทกวีของอานนท์ในครั้งนั้นคือเสียงจากทนายหนุ่มหน้าใหม่ที่เขียนกวีแทนใจบรรดาจำเลยคดีการเมืองผู้ถูกจองจำหลังรัฐบาลสลายการชุมนุมราชประสงค์ ทนายคงไม่นึกว่าในวันนี้เขาเองจะเป็นฝ่ายที่ต้องไปอยู่หลังลูกกรงขังเช่นนี้
และเขาคงไม่มีแก่ใจเป็นฝ่ายเขียนบทกวีจดหมายจากลาดยาวมาถึงเราแล้ว
ผู้อ่านท่านใดแวะเวียนมาที่บูธอ่าน K06 ขอเชิญมารับบทกวีจากอดีตกาลไปอ่านนะคะ