ว่ากำหนดโหวตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ในวันที่ ๔ สิงหา อาจจะต้องเลื่อนออกไป ถ้าศาลรัฐธรรมนูญ (ในวันที่ ๓ ส.ค.) รับเรื่อง พิจารณาคำร้องต่อมติรัฐสภาที่ไม่ยอมให้เสนอชื่อ ‘พิธา’ ซ้ำ ทำดั่งระเบียบรัฐสภาเหนือกว่ารัฐธรรมนูญหรือไม่
แต่ถ้าศาลฯ ตีตกคำร้องนั้น การโหวตนายกฯ ก็ดำเนินต่อไปได้ และประเทศจะได้ เศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ คนใหม่ “กันเสียที” ไม่เช่นนั้นต้องชะลอการโหวตนายกฯ ออกไปอีก ๑ เดือนหรือครึ่ง “กว่าจะได้ตั้งรัฐบาลใหม่ คงยาวไปอีก...ถึงกันยายน”
ระหว่างนั้น ประยุทธ์ จันทร์โอชา “ที่เตรียมจะกลับบ้านอยู่แล้ว ได้คึกคักมีชีวิตชีวา ได้มีอำนาจขึ้นมาทันที...อำนาจสำคัญ คือการตั้ง ผบ.เหล่าทัพ ผบ.ตร.ซึ่งว่างแทบยกทั้งแผง” รวมไปถึงการโยกย้ายระดับนายพล จะต้องเสร็จก่อนเดือนตุลา
นั่นเป็นผลพลอยได้แก่พวกกำอำนาจรัฐบาลเก่า แต่ความเสียหายจะเกิดกับประชาชน เขาว่า “เมื่อมีแค่รัฐบาลรักษาการ การแก้ปัญหาให้ชาวบ้าน การฟื้นเศรษฐกิจ จะชะงักไปหมด เงินงบประมาณจะติดขัด ฝืดเคืองไปทั้งประเทศ”
ข้อสำคัญเป็นการยึดหลักประชาธิปไตยไว้อย่างเหนียวแน่น แต่กลับมีคนมากขึ้นเห็นว่า ประชาธิปไตยนั้นกินไม่ได้ ประดุจว่าถ้าประยุทธ์ได้รักษาการอีก ๑๐ เดือน แทบทุกอย่างจะพังหมด ๙ ปีของการสั่งสมความล่มสลาย จะมาเทกองอยู่ใน ๑๐ เดือนนี้
น่าทึ่งที่แนวคิดอย่างนั้นได้รับความสำคัญยิ่งยวดในตอนนี้ เพียงเพราะพวก สว.ตู่ตั้งปักหลักไม่เอารัฐบาลก้าวไกล และกำเริบไปถึงรัฐบาลเพื่อไทยถ้ายังมีก้าวไกลร่วม ทั้งหมดเกิดจากการปั่นให้จิ้งหรีดกัดกัน โดยกระบวนการยื้ออำนาจของ สว.ทั้งสิ้น
โดยเฉพาะ ตัวเอ้ สว.จรเข้ กิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ซึ่งประกาศไม่เอาพิธาเด็ดขาด มาตอนนี้ ‘ขยับเพดาน’ ขึ้นไปอีก ไม่โอเคกับ ‘เศรษฐา’ แล้วยัง “แนะเพื่อไทยโอนสิทธิตั้งรัฐบาลให้ #ภูมิใจไทย” เสียอีกด้วย
(https://twitter.com/jin_somroutai/status/1686192172394311680 และ https://www.khaosod.co.th/newspaper-column/blunt-opinion/news_7790139)
