Thanapol Eawsakul
9h
·
หนึ่งใน สัญญาปีศาจของพรรคเพื่อไทยกับชนชั้นนำ
คือการไม่ปฏิรูปกองทัพ
ไม่ให้รัฐบาลพลเรือนอยู่เหนือกองทัพ
ไม่คืนความยุติธรรมให้คนเสื้อแดง
ไม่ทำอะไรเกี่ยวกับกองทัพถ้าชนชั้นนำไม่อนุญาต
ฯลฯ
.....................
(1)
ก่อนการเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม 2566 การปฏิรูปกองทัพ เป็นส่วนที่เห็นร่วมกับของพรรคร่วมฝ่ายค้านเดิม เมื่อผลการเลือกตั้งออกมาการจับมือกันเป็นพันธมิตร 8 พรรค 312 เสียงจึงเกิดขี้นพร้อมกับการประกาศ บันทึกข้อตกลงร่าม (mou) 8 พรรคเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2566 (ครบ 9 ปีรัฐประหาร) จำนวน 23 ข้อ โดยที่เกี่ยวกับกองทัพโดยตรง
- ปฏิรูประบบราชการ ตำรวจ กองทัพ และกระบวนการยุติธรรม ให้สอดคล้องหลักประชาธิปไตย
- เปลี่ยนการเกณฑ์ทหารเป็นระบบสมัครใจ ทั้งนี้ ยังคงไว้ซึ่งการเกณฑ์ทหารยามศึกสงคราม
- สร้างสันติภาพอย่างยั่งยืนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ตลอดระยะเวลาที่มีข่าวเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งระหว่างพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยออกมานั้นก็ไม่เกี่ยวกับทิศทางใหญ่ของนโยบายที่ขัดแย้งกันก็คือตำแหน่งประธานรัฐสภา
จึงนำมาสู่การทำบันทึกข้อตกลงร่วม (mou) ของพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย เพื่อให้ตำแหน่งประธานรัฐสภาเป็น “คนกลาง”คือ วันมูหะมัดนอร์ มะทา จากพรรคประชาชาติโดยเนื้อหาใน mou 2
เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2566 ได้แสดงเจตนารมณ์ชัดเจนในการปฏิรูปกองทัพ กล่าวคือ
“พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยยืนยันร่วมกัน ให้ความเห็นชอบกฎหมายสําคัญเพื่อประชาชน ซึ่งรวมถึงการนิรโทษกรรมคดีแสดงออกทางการเมือง และการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการปฏิรูปกองทัพ ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ร่างพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก และร่างพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ตามที่พรรคก้าวไกลเสนอ”
(2)
แต่อย่างที่ทุกคนทราบดีว่าการตีรวนของพรรคเพื่อไทยในเรื่องประธานรัฐสภานั้นคือ ส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนขั้วย้ายค่ายทางการเมือง และการล้ม mou ทั้ง 2 ฉบับ
ทุกอย่างมาชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อพรรคเพื่อไทยได้ประกาศจับมือกับพันฅธมิตร 11 พรรค ที่เป็นรัฐบาลสืบทอดอำนาจประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2566 เมื่อมีการลงนามกับ 11 พรรค ได้ประกาศว่า
“ทุกพรรคบรรลุข้อตกลงร่วมกันจะนำนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่หาเสียงไว้เป็นนโยบายหลักในการบริหารประเทศ เช่น digital wallet , ที่ดินทำกิน, ขึ้นค่าแรงขึ้นต่ำ 600 บาทภายในปี 2570, เงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท, เกณฑ์ทหารโดยสมัครใจ, เพิ่มราคาพืชผลเกษตร, แก้ปัญหาความขัดแย้งและสร้างสันติภาพที่ยั่งยืนในจังหวัดชายแดนภาคใต้, กัญชาทางการแพทย์และสุขภาพ และจะแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ และยังคงไว้ในส่วนของหมวดที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์” ทั้งนี้ พรรคร่วมจะนำนโยบายเข้ามาบูรณาการร่วม พร้อมปรับ เสริม หรือประสานนโยบายของ “พรรคร่วมรัฐบาล” ให้เป็นนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากที่สุด และนำมาจัดทำเป็นนโยบายร่วมกัน เพื่อแถลงต่อรัฐสภาต่อไป”
จากการปฏิรูปกองทัพให้สอดคล้องหลักประชาธิปไตย ซึ่งนัยหนึ่งคือการทำให้รัฐบาลพลเรือนอยู่เหนือกองทัพ ก็หายไปหมด เหลือเพียง “เกณฑ์ทหารโดยสมัครใจ” ซึ่งแตกต่างจาก mou ฉบับ 22 พฤษภาคม 2566 ที่ระบุไว้ชัดว่า “เปลี่ยนการเกณฑ์ทหารเป็นระบบสมัครใจ”
(3)
เมื่อเศรษฐา ทวีสิน ได้รับโปรดเกล่าเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ในวันที่ 23 สิงหาคม 2566 ภารกิจแรกของวันรุ่งขึ้นคือการขอไปเข้าพบกับนายกรัฐมนตรีที่มาจากการรัฐประหารที่ตนเองเคยประณามไว้ก่อนการเลือกตั้งเพื่อขอคำแนะนำในการบริหารประเทศ
ซึ่งประยุทธ์ก็ได้ให้คำแนะนำดังที่วาสนา นาน่วมบอกไว้คือ
“หลัง 2 นายกรัฐมนตรี พบกันที่ทำเนียบรัฐบาล ก็มีข่าว ว่า “บิ๊กเล็ก” พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ อดีตเลขาสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) และ อดีต รอง ผบ.ทบ.น้องรัก พลเอกประยุทธ์ จะมาเป็น รมว.กลาโหม ในโควต้าคนนอก
หลังจากที่เคย ร่วมทำงานกับ พลเอกประยุทธ์ ในช่วงวิกฤตการณ์โควิดฯ ตั้งแต่แรก
พลเอกณัฐพล เป็นนายทหารอาชีพ เป็นเตรียมทหารรุ่น20(ตท.20) เพิ่อนรุ่นของ บิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทบ. และ พลเอกณัฐ อินทรเจริญ อดีตปลัดกลาโหม สายบ้านป่ารอยต่อฯ”
https://www.facebook.com/WassanaJournalist/posts/pfbid03G3TvJqjwhhJH2Qxsw1zThNdSDHUjhy6buyYQfHpXR4DVvkpEXKgF87c5YJi8HTUl
พูดง่าย ๆ คือ ณัฐพล นาคพาณิชย์ คือตัวแทนของประยุทธ์ จันทร์โอชาและชนชั้นนำไทยในครม. เศรษฐา ทวีสินและพรรคเพื่อไทยนั่นเอง
ต่อมาเราก็ได้เห็นว่ารัฐมนตรีกลาโหมของพรรคเพื่อไทยก็ปรากฎชัดว่าเป็นของ “คนนอก” ซึ่งต้องแปลให้ชัดกว่านั้นคือเป็๋นคนที่พรรคเพื่อไทยไปดีลมา พร้อมกับการกลับบ้านแบบไม่ติดคุกของทักษิณ ชินวัตรด้วย
ซึ่งเป็นสิ่งที่สื่อมวลชนต่างประเทศเรียกตรงกันว่ามันคือ"สัญญาปีศาจ"
สื่อนอกชี้เพื่อไทยทำ "สัญญาปีศาจ" แลกเป็นรัฐบาล-ทักษิณกลับไทย ส่อแววไร้เสถียรภาพ
https://www.bbc.com/thai/articles/cnlz8nk40lxo...
ดังนั้นหนึ่งในสัญญาปีศาจของพรรคเพื่อไทยกับชนชั้นนำ คือการไม่ปฏิรูปกองทัพ
ซึ่งขยายความไว้ว่า
ไม่ให้รัฐบาลพลเรือนอยู่เหนือกองทัพ
ไม่คืนความยุติธรรมให้คนเสื้อแดง
ไม่ทำอะไรเกี่ยวกับกองทัพถ้าชนชั้นนำไม่อนุญาต
ฯลฯ
หนึ่งใน สัญญาปีศาจของพรรคเพื่อไทยกับชนชั้นนำ
คือการไม่ปฏิรูปกองทัพ
ไม่ให้รัฐบาลพลเรือนอยู่เหนือกองทัพ
ไม่คืนความยุติธรรมให้คนเสื้อแดง
ไม่ทำอะไรเกี่ยวกับกองทัพถ้าชนชั้นนำไม่อนุญาต
ฯลฯ
.....................
(1)
ก่อนการเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม 2566 การปฏิรูปกองทัพ เป็นส่วนที่เห็นร่วมกับของพรรคร่วมฝ่ายค้านเดิม เมื่อผลการเลือกตั้งออกมาการจับมือกันเป็นพันธมิตร 8 พรรค 312 เสียงจึงเกิดขี้นพร้อมกับการประกาศ บันทึกข้อตกลงร่าม (mou) 8 พรรคเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2566 (ครบ 9 ปีรัฐประหาร) จำนวน 23 ข้อ โดยที่เกี่ยวกับกองทัพโดยตรง
- ปฏิรูประบบราชการ ตำรวจ กองทัพ และกระบวนการยุติธรรม ให้สอดคล้องหลักประชาธิปไตย
- เปลี่ยนการเกณฑ์ทหารเป็นระบบสมัครใจ ทั้งนี้ ยังคงไว้ซึ่งการเกณฑ์ทหารยามศึกสงคราม
- สร้างสันติภาพอย่างยั่งยืนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ตลอดระยะเวลาที่มีข่าวเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งระหว่างพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยออกมานั้นก็ไม่เกี่ยวกับทิศทางใหญ่ของนโยบายที่ขัดแย้งกันก็คือตำแหน่งประธานรัฐสภา
จึงนำมาสู่การทำบันทึกข้อตกลงร่วม (mou) ของพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย เพื่อให้ตำแหน่งประธานรัฐสภาเป็น “คนกลาง”คือ วันมูหะมัดนอร์ มะทา จากพรรคประชาชาติโดยเนื้อหาใน mou 2
เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2566 ได้แสดงเจตนารมณ์ชัดเจนในการปฏิรูปกองทัพ กล่าวคือ
“พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยยืนยันร่วมกัน ให้ความเห็นชอบกฎหมายสําคัญเพื่อประชาชน ซึ่งรวมถึงการนิรโทษกรรมคดีแสดงออกทางการเมือง และการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการปฏิรูปกองทัพ ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ร่างพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก และร่างพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ตามที่พรรคก้าวไกลเสนอ”
(2)
แต่อย่างที่ทุกคนทราบดีว่าการตีรวนของพรรคเพื่อไทยในเรื่องประธานรัฐสภานั้นคือ ส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนขั้วย้ายค่ายทางการเมือง และการล้ม mou ทั้ง 2 ฉบับ
ทุกอย่างมาชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อพรรคเพื่อไทยได้ประกาศจับมือกับพันฅธมิตร 11 พรรค ที่เป็นรัฐบาลสืบทอดอำนาจประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2566 เมื่อมีการลงนามกับ 11 พรรค ได้ประกาศว่า
“ทุกพรรคบรรลุข้อตกลงร่วมกันจะนำนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่หาเสียงไว้เป็นนโยบายหลักในการบริหารประเทศ เช่น digital wallet , ที่ดินทำกิน, ขึ้นค่าแรงขึ้นต่ำ 600 บาทภายในปี 2570, เงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท, เกณฑ์ทหารโดยสมัครใจ, เพิ่มราคาพืชผลเกษตร, แก้ปัญหาความขัดแย้งและสร้างสันติภาพที่ยั่งยืนในจังหวัดชายแดนภาคใต้, กัญชาทางการแพทย์และสุขภาพ และจะแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ และยังคงไว้ในส่วนของหมวดที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์” ทั้งนี้ พรรคร่วมจะนำนโยบายเข้ามาบูรณาการร่วม พร้อมปรับ เสริม หรือประสานนโยบายของ “พรรคร่วมรัฐบาล” ให้เป็นนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากที่สุด และนำมาจัดทำเป็นนโยบายร่วมกัน เพื่อแถลงต่อรัฐสภาต่อไป”
จากการปฏิรูปกองทัพให้สอดคล้องหลักประชาธิปไตย ซึ่งนัยหนึ่งคือการทำให้รัฐบาลพลเรือนอยู่เหนือกองทัพ ก็หายไปหมด เหลือเพียง “เกณฑ์ทหารโดยสมัครใจ” ซึ่งแตกต่างจาก mou ฉบับ 22 พฤษภาคม 2566 ที่ระบุไว้ชัดว่า “เปลี่ยนการเกณฑ์ทหารเป็นระบบสมัครใจ”
(3)
เมื่อเศรษฐา ทวีสิน ได้รับโปรดเกล่าเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ในวันที่ 23 สิงหาคม 2566 ภารกิจแรกของวันรุ่งขึ้นคือการขอไปเข้าพบกับนายกรัฐมนตรีที่มาจากการรัฐประหารที่ตนเองเคยประณามไว้ก่อนการเลือกตั้งเพื่อขอคำแนะนำในการบริหารประเทศ
ซึ่งประยุทธ์ก็ได้ให้คำแนะนำดังที่วาสนา นาน่วมบอกไว้คือ
“หลัง 2 นายกรัฐมนตรี พบกันที่ทำเนียบรัฐบาล ก็มีข่าว ว่า “บิ๊กเล็ก” พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ อดีตเลขาสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) และ อดีต รอง ผบ.ทบ.น้องรัก พลเอกประยุทธ์ จะมาเป็น รมว.กลาโหม ในโควต้าคนนอก
หลังจากที่เคย ร่วมทำงานกับ พลเอกประยุทธ์ ในช่วงวิกฤตการณ์โควิดฯ ตั้งแต่แรก
พลเอกณัฐพล เป็นนายทหารอาชีพ เป็นเตรียมทหารรุ่น20(ตท.20) เพิ่อนรุ่นของ บิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทบ. และ พลเอกณัฐ อินทรเจริญ อดีตปลัดกลาโหม สายบ้านป่ารอยต่อฯ”
https://www.facebook.com/WassanaJournalist/posts/pfbid03G3TvJqjwhhJH2Qxsw1zThNdSDHUjhy6buyYQfHpXR4DVvkpEXKgF87c5YJi8HTUl
พูดง่าย ๆ คือ ณัฐพล นาคพาณิชย์ คือตัวแทนของประยุทธ์ จันทร์โอชาและชนชั้นนำไทยในครม. เศรษฐา ทวีสินและพรรคเพื่อไทยนั่นเอง
ต่อมาเราก็ได้เห็นว่ารัฐมนตรีกลาโหมของพรรคเพื่อไทยก็ปรากฎชัดว่าเป็นของ “คนนอก” ซึ่งต้องแปลให้ชัดกว่านั้นคือเป็๋นคนที่พรรคเพื่อไทยไปดีลมา พร้อมกับการกลับบ้านแบบไม่ติดคุกของทักษิณ ชินวัตรด้วย
ซึ่งเป็นสิ่งที่สื่อมวลชนต่างประเทศเรียกตรงกันว่ามันคือ"สัญญาปีศาจ"
สื่อนอกชี้เพื่อไทยทำ "สัญญาปีศาจ" แลกเป็นรัฐบาล-ทักษิณกลับไทย ส่อแววไร้เสถียรภาพ
https://www.bbc.com/thai/articles/cnlz8nk40lxo...
ดังนั้นหนึ่งในสัญญาปีศาจของพรรคเพื่อไทยกับชนชั้นนำ คือการไม่ปฏิรูปกองทัพ
ซึ่งขยายความไว้ว่า
ไม่ให้รัฐบาลพลเรือนอยู่เหนือกองทัพ
ไม่คืนความยุติธรรมให้คนเสื้อแดง
ไม่ทำอะไรเกี่ยวกับกองทัพถ้าชนชั้นนำไม่อนุญาต
ฯลฯ
.....
Ratthapol Supasopon
5d
·
ที่ผ่านมา เพื่อไทย อาจจะประสบชะตากรรมทางการเมือง เลวร้ายกว่าก้าวไกลตามที่ชอบเคลมก็ได้.. (มั้ง)
แต่ tracking records เวลาย้อนไปดู ผมกลับพบว่า เพื่อไทยที่อยู่มาตั้งแต่ไทยรักไทย เวลาโดนกระทำ โดนรังแกแล้ว คุณไม่พยายามยืนหยัดจะสู้ต่อเหมือนที่ อนาคตใหม่-ก้าวไกล ได้ทำไป
นปช-คนเสื้อแดง ก็อีกเรื่องหนึ่งนะ ในระดับมวลชนอาจมีความพยายามต่อสู้ แต่ในฐานะพรรคการเมือง เพื่อไทยไม่เคยก้าวเดินขึ้นมาได้ตามความคาดหวังของผมได้เลย
ดังนั้น ข้อแตกต่างในสายตาของผมคือ เพื่อไทยในตอนที่ถูกรุมรังแกคุณก็โวยวายแหละ แต่มาในวันนี้ คุณกำลังจะทำตัวเป็นพี่ว๊าก ที่กำลังหาคำอธิบายให้ตัวเองเปลี่ยนจากฝ่ายที่ถูกกระทำกลายมาเป็นฝ่ายกระทำอยู่ ด้วยการบอกว่า..
"การเมืองที่เป็นจริง มันโหดร้าย เราผ่านมาก่อนแล้ว เราก็เลยกำลังเปลี่ยนมากระทำคุณบ้าง เผื่อวันไหนคุณไม่ไหว จะได้ตามเรามาไว ๆ"
ซึ่งมันบัดซบนะ เพราะมันแปลว่าที่ผ่านมา คุณอาจไม่รู้สึกอะไรจริง ๆ หรอก แค่ใช้ศพคนหากินไปเรื่อย ๆ
Ratthapol Supasopon
5d
·
ที่ผ่านมา เพื่อไทย อาจจะประสบชะตากรรมทางการเมือง เลวร้ายกว่าก้าวไกลตามที่ชอบเคลมก็ได้.. (มั้ง)
แต่ tracking records เวลาย้อนไปดู ผมกลับพบว่า เพื่อไทยที่อยู่มาตั้งแต่ไทยรักไทย เวลาโดนกระทำ โดนรังแกแล้ว คุณไม่พยายามยืนหยัดจะสู้ต่อเหมือนที่ อนาคตใหม่-ก้าวไกล ได้ทำไป
นปช-คนเสื้อแดง ก็อีกเรื่องหนึ่งนะ ในระดับมวลชนอาจมีความพยายามต่อสู้ แต่ในฐานะพรรคการเมือง เพื่อไทยไม่เคยก้าวเดินขึ้นมาได้ตามความคาดหวังของผมได้เลย
ดังนั้น ข้อแตกต่างในสายตาของผมคือ เพื่อไทยในตอนที่ถูกรุมรังแกคุณก็โวยวายแหละ แต่มาในวันนี้ คุณกำลังจะทำตัวเป็นพี่ว๊าก ที่กำลังหาคำอธิบายให้ตัวเองเปลี่ยนจากฝ่ายที่ถูกกระทำกลายมาเป็นฝ่ายกระทำอยู่ ด้วยการบอกว่า..
"การเมืองที่เป็นจริง มันโหดร้าย เราผ่านมาก่อนแล้ว เราก็เลยกำลังเปลี่ยนมากระทำคุณบ้าง เผื่อวันไหนคุณไม่ไหว จะได้ตามเรามาไว ๆ"
ซึ่งมันบัดซบนะ เพราะมันแปลว่าที่ผ่านมา คุณอาจไม่รู้สึกอะไรจริง ๆ หรอก แค่ใช้ศพคนหากินไปเรื่อย ๆ
ปัญหาที่ผ่านมันคือว่า...?
— ฮ.นกฮูก(สีส้ม) (@skongki2000) August 26, 2023
เอ๊ะเราสู้กันไปทำไม ติดคุกกันไปทำไม บาดเจ็บกันไปทำไม
ท้ายสุดคือแม่งพวกเดียวกันเลยหนี่หว่า#NotMyPM #อุ๊งอิ๊ง #นายกตระบัดสัตย์ #เงินดิจิทัล#นายกรัฐมนตรี pic.twitter.com/ceuJwkGryA