เมื่อ ‘เต้น’ ไปแล้ว แต่ ‘อ๋อย’ ยังไม่ไป จาตุรนต์ ฉายแสง เลยโดนกระตุกหนักจากฟากเดียวกัน เริ่มจาก สมชาย ปรีชาศิลปกุล นิติศาสตร์ มช.เขียนถึงอย่างแรง จนพี่อ๋อยของเขาต้องตอบ แต่มาโดนซ้ำจาก ปวิน ณ เกียวโต เข้าอีก คงต้องมีต่อ
จาตุรนต์ ตอบอย่างนิ่งเนิบ โดยเฉพาะต่อคำที่ถูกระบุว่า ‘สับปลับ’ เขาบอก “ผมว่าไม่ตรงกับความเป็นจริงแน่ๆ ครับ” พร้อมทั้งอธิบายบทบาทในทางสาธารณะของตน ว่าในการปราศรัยหาเสียงที่ผ่านมา ได้พูดเรื่องต่อต้านการสืบทอดอำนาจ
“ผมคิดอย่างนั้นจริงๆ หลังการเลือกตั้ง ผมแสดงความเห็นสนับสนุนการตั้งรัฐบาลโดย ๘ พรรค เมื่อไม่สำเร็จ ผมก็แสดงความเห็นทั้งในที่ประชุมแกนนำของพรรค และพูดผ่านสื่อมวลชน ไม่เห็นด้วยกับการข้ามขั้วและทักท้วงการจับมือกับสองพรรค”
ทว่าทำไงได้ ตนเป็นเสียงข้างน้อย แม้จนวันนี้ยังยืนยันความเห็นแย้งต่อสูตรการจัดตั้งรัฐบาล เศรษฐา ๑ มาตลอด “ตามที่ผมพูดไว้ทุกอย่าง ไม่เปลี่ยนแปลง” ครั้นมาถึงการโหวตให้ เศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ ก็ “ต้องปฏิบัติตามมติพรรค”
เขาว่านั่นเป็นหลักการสำคัญของระบบรัฐสภา “หากจะไม่ปฏิบัติตามมติพรรคในเรื่องใหญ่มากๆ ก็ต้องพร้อมที่จะลาออกจากพรรคการเมืองนั้นไป แต่ผมไม่คิดจะลาออก” เขาละจากประเด็นนี้ข้ามไปว่าถึงงานข้างหน้า แม้จะไม่มี “ตำแหน่งหน้าที่” ในพรรค
“จะร่วมกับ สส.ของพรรคผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญและกฎหมายอื่นๆ ที่จะทำให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย” ตามนโยบายที่พรรคเคยประกาศไว้ ซึ่งดูเขาไม่ ‘คิดหรือสงสัย’ ว่าด้วยองค์ประกอบรัฐบาลชุดใหม่นี้ มีคนตั้งกังขาเยอะ ว่าจะเป็นไปไม่ได้
หลายความเห็นของจาตุรนต์ที่ว่ามานั้น อาจจะไปเข้าประเด็นที่ Pavin Chachavalpongpun วิจารณ์ก็ได้ ประการแรกเลยทีเดียว “ไม่เคยเป็นที่รักของทักษิณ” เมื่อก่อนเคยมีเสียงซุบซิบว่าทักษิณมองเขาว่า “เลี้ยงไม่เชื่อง” ข้อสังเกตุของปวินจึงฟังขึ้นบางอย่าง
ว่าจาตุรนต์ในพรรคเพื่อไทย “เหมือนพนักงานในบริษัทตัวเล็กๆ คนนึงที่ไม่มีความทะเยอทะยาน ออกไปตั้งบริษัทเองไม่ได้ ต้องเป็นลูกจ้างตลอดไป” ซึ่งปวินคิดว่าจะทำให้เป็น “นักการเมืองไร้ค่า”
เพราะไม่ได้ “เอาอุดมการณ์ตั้งบนความถูกต้อง ที่ให้ประโยชน์กับประชาชนสูงสุด”
(https://www.facebook.com/pavinchachavalpongpun/posts/f9awqTumZ, https://twitter.com/chaturon/status/1694676143365144996 และ https://prachatai.com/journal/2023/08/105578)