.....
Atukkit Sawangsuk
Atukkit Sawangsuk
7h
·
แดงในส้ม
..........................
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7673782
........................
ชัยชนะของพรรคก้าวไกล ที่ทำให้พรรคเพื่อไทยกลายเป็นอันดับสอง ครั้งแรกในรอบ 22 ปีหากนับจากไทยรักไทย บางคนมองในสัญลักษณ์เสื้อสีว่า “ส้มชนะแดง”
:
แต่ความเป็นจริงไม่ใช่เช่นนั้น เพราะพรรคอนาคตใหม่ก่อตั้งมาโดยคนที่อยู่ในม็อบปี 53 อย่างธนาธร, ชัยธวัช เสื้อแดงแจ๋อย่าง “เจี๊ยบ” อมรัตน์ อ.ปิยบุตร ก็เป็นหนึ่งในคณะนิติราษฎร์ เสนอ “ลบล้างผลพวงรัฐประหาร“
:
แก่นแกนในพื้นที่ต่างๆ ก็มีทั้งนักเคลื่อนไหว ภาคประชาสังคม และคนเสื้อแดง
...............................
สี่ปีจากอนาคตใหม่ถึงก้าวไกล ได้พลังคนรุ่นใหม่ ชนะใจคนชั้นกลางในเมือง ซึ่งแน่ละ ส่วนหนึ่งเคยหนุนรัฐประหาร เคยเป็นพันธมิตรนกหวีด
:
แต่คนเลือกอีกส่วนก็เป็นคนเสื้อแดง ดูคะแนนภาคเหนือตอนบน ภาคอีสาน แม้แต่เขตชนบท ไม่ใช่แค่คนรุ่นใหม่และคนชั้นกลาง คนเสื้อแดงก็โหวตก้าวไกล คู่ไปกับโหวตเพื่อไทย เพราะขบวนเสื้อแดงกว้างใหญ่ อันที่จริงส่วนใหญ่ชื่นชมทั้งสองพรรค รักพี่เสียดายน้อง กาพรรคละใบก็เยอะ
:
ที่ต้องพูดเช่นนี้เพราะก้าวไกลถูกมองเป็น “พรรคคนชั้นกลางในเมือง” ซึ่งก็ใช่ แต่ไม่ใช่ “สลิ่มเฟสสอง”
:
ตั้งแต่ปี 49 คนชั้นกลางในเมืองเสียงข้างมาก ไล่ทักษิณ เรียกหา ม.7 ออกบัตรเชิญรัฐประหาร หนุนตุลาการภิวัตน์ยุบพรรค ตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร เหยียด “ควายแดง” หนุนปราบ “ม็อบไพร่” แล้วบิ๊กคลีนนิ่ง พอเหลืออดกับนิรโทษสุดซอยก็ปิดเมืองขัดขวางเลือกตั้ง
:
แต่ก็มีคนชั้นกลางในเมืองเสียงข้างน้อย นักเคลื่อนไหว สื่อ นักวิชาการ จำนวนหนึ่ง ซึ่งอันที่จริงก็เคยวิพากษ์วิจารณ์ทักษิณแต่คัดค้านรัฐประหาร หันมาเป็นกำลังสำคัญของขบวนประชาธิปไตย ในการเผยแพร่ความคิด หลักการ อำนาจต้องมาจากการเลือกตั้ง หนึ่งคนหนึ่งเสียงอย่าดูถูกกัน ตอบโต้การบิดเบือนกฎหมายเล่นงานทักษิณ ยุบพรรคไทยรักไทย ยุบพรรคพลังประชาชน ปกป้องสิทธิคนเสื้อแดง
:
หรือไปชุมนุมก็เยอะ คนชั้นกลางในม็อบเสื้อแดง ที่เรียกตัวเองว่า “ควายแดง” ก็มีเยอะ ไม่ใช่มีแค่คนชนบทจากเหนืออีสาน
:
จนกระทั่งเลือกตั้ง 62 เมื่อเห็นว่าทางเลือกเดียวไม่พอ พลังคนชั้นกลางประชาธิปไตยส่วนหนึ่งจึงเคลื่อนย้ายมาร่วมก่อตั้งและสนับสนุนอนาคตใหม่ จน 4 ปี ถึงวันนี้ที่ก้าวไกลเอาชนะใจคนชั้นกลางเดิม
:
ซึ่งก็เอาชนะด้วยหลักการเสรีประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน ไม่ใช่โอนเอนไปตาม “สลิ่ม” เกลียดทักษิณจนออกบัตรเชิญรัฐประหาร หนุนให้กวาดล้างคนเห็นต่าง
:
พรรคก้าวไกลไม่ได้เอาชนะใจคนชั้นกลางในเมืองด้วยการหาเสียงเป็น “คนดี” ไม่ซื้อเสียง “ประชาธิปัตย์ 2” แต่พรรคก้าวไกลนำเสนอ core value เป็นอุดมการณ์และชุดความคิดที่ชัดเจน เป็นพรรคที่มีระยะห่างจากฐานเสียงน้อยกว่าพรรคอื่น ทำให้คนรู้สึกว่า ผู้สมัคร ส.ส.เป็นคนธรรมดาอย่างเราๆ มันจึงเกิดแฟนด้อม ส่งเพื่อนเข้าสภา
:
นั่นต่างหากการหาเสียงเป็น “คนดี” แบบใหม่ ไม่ใช่ “คนดีปกครองบ้านเมือง” ที่ไม่มาจากเลือกตั้ง
.........................................
การที่สามารถดึงคนซึ่งเคยหนุนรัฐประหารมาหนุนรัฐบาลที่ชอบธรรม ในมุมหนึ่งบางคนก็ขมขื่น ว่าพวกที่เคยเป็นสลิ่ม (หรือยังเป็น) แล้วกลับใจ มาเลือกก้าวไกล กลายเป็นฝ่ายประชาธิปไตยโดยไม่ขอโทษเสื้อแดงสักคำ
:
นั่นบังคับใครไม่ได้ แต่ถ้าจะสมัคร ส.ส.ก้าวไกล คนที่เคยอยู่ในม็อบพันธมิตร กปปส. ก็ต้องขอโทษ และทุ่มเท พิสูจน์ตัวเอง จนโดนหลายคดีอย่าง “ไอซ์ รักชนก”
:
พูดกันอีกขั้น ก้าวไกลชนะใจคนชั้นกลางในเมืองที่เคยเป็นสลิ่ม (หรือยังเป็น) ทั้งๆ ที่เสนอแก้ 112 เลือกทั้งๆ ที่รู้แก่ใจ ไม่เว้นคนใต้ที่ชนะปาร์ตี้ลิสต์หลายจังหวัด
............................
13 ปีพฤษภา 53 มรดกอุดมการณ์ของคนเสื้อแดง จึงแผ่ขยายอยู่ทั้งสองพรรคใหญ่ที่จะตั้งรัฐบาล พรรคเพื่อไทยนั้นไม่มีวันแยกจากความเป็นเนื้อเดียวกับเสื้อแดงได้ พรรคก้าวไกลแม้เสื้อแดงไม่ใช่คนส่วนใหญ่ แต่ก็รับแก่นอุดมการณ์ เห็นคนเท่ากัน ต้านทหาร “อำมาตย์” (คำที่สมัยนั้นชอบใช้กัน) จากคนรุ่นก่อตั้งก็เสริมด้วยแกนนำม็อบคนรุ่นใหม่ ซึ่งยกย่องการต่อสู้ของคนเสื้อแดง
:
ก้าวไกลจึงเป็น “ส้ม” ที่ปักธงมาจาก “แดง” แล้วค่อยไปชนะใจ “เหลือง”
:
ก้าวไกลยังประกาศ 300 นโยบาย ลงนาม ICC ศาลอาญาระหว่างประเทศ เข้ามาสะสางคืนความยุติธรรมปี 53 แม้ยังไม่อยู่ใน MOU เพราะต้องให้พรรคร่วมรัฐบาลเห็นชอบ แต่พรรคเพื่อไทยโดยณัฐวุฒิก็ยืนยันเช่นกัน จะแก้กฎหมายให้เหยื่อฟ้องคดีเองได้
:
คนเสื้อแดงก็ต้องทวงคำมั่นสัญญาทั้งสองพรรค และกดดันให้พรรคร่วมรัฐบาลยอมรับการลงนาม ICC และแก้กฎหมาย
:
22 พฤษภา 66 ครบ 9 ปีรัฐประหาร พิธาจะประกาศจัดตั้งรัฐบาล เป็นชัยชนะร่วมของฝ่ายประชาธิปไตย และเป็นชัยชนะของคนเสื้อแดงซึ่งกว้างใหญ่ ไม่ได้ผูกติดกับใคร แม้รักผูกพันเพื่อไทย แต่ตอนนี้มีตัวเลือก ให้แข่งขันกันนำเสนอ
:
เลือกตั้งครั้งนี้ยังพิสูจน์อีกอย่าง อุดมการณ์เสื้อแดงหนักแน่นกับประชาธิปไตย แกนนำที่ไปอยู่พรรคสืบทอดอำนาจ ไปแต่ตัว ไม่มีคะแนนติดไปด้วยเลย
·
แดงในส้ม
..........................
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7673782
........................
ชัยชนะของพรรคก้าวไกล ที่ทำให้พรรคเพื่อไทยกลายเป็นอันดับสอง ครั้งแรกในรอบ 22 ปีหากนับจากไทยรักไทย บางคนมองในสัญลักษณ์เสื้อสีว่า “ส้มชนะแดง”
:
แต่ความเป็นจริงไม่ใช่เช่นนั้น เพราะพรรคอนาคตใหม่ก่อตั้งมาโดยคนที่อยู่ในม็อบปี 53 อย่างธนาธร, ชัยธวัช เสื้อแดงแจ๋อย่าง “เจี๊ยบ” อมรัตน์ อ.ปิยบุตร ก็เป็นหนึ่งในคณะนิติราษฎร์ เสนอ “ลบล้างผลพวงรัฐประหาร“
:
แก่นแกนในพื้นที่ต่างๆ ก็มีทั้งนักเคลื่อนไหว ภาคประชาสังคม และคนเสื้อแดง
...............................
สี่ปีจากอนาคตใหม่ถึงก้าวไกล ได้พลังคนรุ่นใหม่ ชนะใจคนชั้นกลางในเมือง ซึ่งแน่ละ ส่วนหนึ่งเคยหนุนรัฐประหาร เคยเป็นพันธมิตรนกหวีด
:
แต่คนเลือกอีกส่วนก็เป็นคนเสื้อแดง ดูคะแนนภาคเหนือตอนบน ภาคอีสาน แม้แต่เขตชนบท ไม่ใช่แค่คนรุ่นใหม่และคนชั้นกลาง คนเสื้อแดงก็โหวตก้าวไกล คู่ไปกับโหวตเพื่อไทย เพราะขบวนเสื้อแดงกว้างใหญ่ อันที่จริงส่วนใหญ่ชื่นชมทั้งสองพรรค รักพี่เสียดายน้อง กาพรรคละใบก็เยอะ
:
ที่ต้องพูดเช่นนี้เพราะก้าวไกลถูกมองเป็น “พรรคคนชั้นกลางในเมือง” ซึ่งก็ใช่ แต่ไม่ใช่ “สลิ่มเฟสสอง”
:
ตั้งแต่ปี 49 คนชั้นกลางในเมืองเสียงข้างมาก ไล่ทักษิณ เรียกหา ม.7 ออกบัตรเชิญรัฐประหาร หนุนตุลาการภิวัตน์ยุบพรรค ตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร เหยียด “ควายแดง” หนุนปราบ “ม็อบไพร่” แล้วบิ๊กคลีนนิ่ง พอเหลืออดกับนิรโทษสุดซอยก็ปิดเมืองขัดขวางเลือกตั้ง
:
แต่ก็มีคนชั้นกลางในเมืองเสียงข้างน้อย นักเคลื่อนไหว สื่อ นักวิชาการ จำนวนหนึ่ง ซึ่งอันที่จริงก็เคยวิพากษ์วิจารณ์ทักษิณแต่คัดค้านรัฐประหาร หันมาเป็นกำลังสำคัญของขบวนประชาธิปไตย ในการเผยแพร่ความคิด หลักการ อำนาจต้องมาจากการเลือกตั้ง หนึ่งคนหนึ่งเสียงอย่าดูถูกกัน ตอบโต้การบิดเบือนกฎหมายเล่นงานทักษิณ ยุบพรรคไทยรักไทย ยุบพรรคพลังประชาชน ปกป้องสิทธิคนเสื้อแดง
:
หรือไปชุมนุมก็เยอะ คนชั้นกลางในม็อบเสื้อแดง ที่เรียกตัวเองว่า “ควายแดง” ก็มีเยอะ ไม่ใช่มีแค่คนชนบทจากเหนืออีสาน
:
จนกระทั่งเลือกตั้ง 62 เมื่อเห็นว่าทางเลือกเดียวไม่พอ พลังคนชั้นกลางประชาธิปไตยส่วนหนึ่งจึงเคลื่อนย้ายมาร่วมก่อตั้งและสนับสนุนอนาคตใหม่ จน 4 ปี ถึงวันนี้ที่ก้าวไกลเอาชนะใจคนชั้นกลางเดิม
:
ซึ่งก็เอาชนะด้วยหลักการเสรีประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน ไม่ใช่โอนเอนไปตาม “สลิ่ม” เกลียดทักษิณจนออกบัตรเชิญรัฐประหาร หนุนให้กวาดล้างคนเห็นต่าง
:
พรรคก้าวไกลไม่ได้เอาชนะใจคนชั้นกลางในเมืองด้วยการหาเสียงเป็น “คนดี” ไม่ซื้อเสียง “ประชาธิปัตย์ 2” แต่พรรคก้าวไกลนำเสนอ core value เป็นอุดมการณ์และชุดความคิดที่ชัดเจน เป็นพรรคที่มีระยะห่างจากฐานเสียงน้อยกว่าพรรคอื่น ทำให้คนรู้สึกว่า ผู้สมัคร ส.ส.เป็นคนธรรมดาอย่างเราๆ มันจึงเกิดแฟนด้อม ส่งเพื่อนเข้าสภา
:
นั่นต่างหากการหาเสียงเป็น “คนดี” แบบใหม่ ไม่ใช่ “คนดีปกครองบ้านเมือง” ที่ไม่มาจากเลือกตั้ง
.........................................
การที่สามารถดึงคนซึ่งเคยหนุนรัฐประหารมาหนุนรัฐบาลที่ชอบธรรม ในมุมหนึ่งบางคนก็ขมขื่น ว่าพวกที่เคยเป็นสลิ่ม (หรือยังเป็น) แล้วกลับใจ มาเลือกก้าวไกล กลายเป็นฝ่ายประชาธิปไตยโดยไม่ขอโทษเสื้อแดงสักคำ
:
นั่นบังคับใครไม่ได้ แต่ถ้าจะสมัคร ส.ส.ก้าวไกล คนที่เคยอยู่ในม็อบพันธมิตร กปปส. ก็ต้องขอโทษ และทุ่มเท พิสูจน์ตัวเอง จนโดนหลายคดีอย่าง “ไอซ์ รักชนก”
:
พูดกันอีกขั้น ก้าวไกลชนะใจคนชั้นกลางในเมืองที่เคยเป็นสลิ่ม (หรือยังเป็น) ทั้งๆ ที่เสนอแก้ 112 เลือกทั้งๆ ที่รู้แก่ใจ ไม่เว้นคนใต้ที่ชนะปาร์ตี้ลิสต์หลายจังหวัด
............................
13 ปีพฤษภา 53 มรดกอุดมการณ์ของคนเสื้อแดง จึงแผ่ขยายอยู่ทั้งสองพรรคใหญ่ที่จะตั้งรัฐบาล พรรคเพื่อไทยนั้นไม่มีวันแยกจากความเป็นเนื้อเดียวกับเสื้อแดงได้ พรรคก้าวไกลแม้เสื้อแดงไม่ใช่คนส่วนใหญ่ แต่ก็รับแก่นอุดมการณ์ เห็นคนเท่ากัน ต้านทหาร “อำมาตย์” (คำที่สมัยนั้นชอบใช้กัน) จากคนรุ่นก่อตั้งก็เสริมด้วยแกนนำม็อบคนรุ่นใหม่ ซึ่งยกย่องการต่อสู้ของคนเสื้อแดง
:
ก้าวไกลจึงเป็น “ส้ม” ที่ปักธงมาจาก “แดง” แล้วค่อยไปชนะใจ “เหลือง”
:
ก้าวไกลยังประกาศ 300 นโยบาย ลงนาม ICC ศาลอาญาระหว่างประเทศ เข้ามาสะสางคืนความยุติธรรมปี 53 แม้ยังไม่อยู่ใน MOU เพราะต้องให้พรรคร่วมรัฐบาลเห็นชอบ แต่พรรคเพื่อไทยโดยณัฐวุฒิก็ยืนยันเช่นกัน จะแก้กฎหมายให้เหยื่อฟ้องคดีเองได้
:
คนเสื้อแดงก็ต้องทวงคำมั่นสัญญาทั้งสองพรรค และกดดันให้พรรคร่วมรัฐบาลยอมรับการลงนาม ICC และแก้กฎหมาย
:
22 พฤษภา 66 ครบ 9 ปีรัฐประหาร พิธาจะประกาศจัดตั้งรัฐบาล เป็นชัยชนะร่วมของฝ่ายประชาธิปไตย และเป็นชัยชนะของคนเสื้อแดงซึ่งกว้างใหญ่ ไม่ได้ผูกติดกับใคร แม้รักผูกพันเพื่อไทย แต่ตอนนี้มีตัวเลือก ให้แข่งขันกันนำเสนอ
:
เลือกตั้งครั้งนี้ยังพิสูจน์อีกอย่าง อุดมการณ์เสื้อแดงหนักแน่นกับประชาธิปไตย แกนนำที่ไปอยู่พรรคสืบทอดอำนาจ ไปแต่ตัว ไม่มีคะแนนติดไปด้วยเลย