13h
ด่วน!!! สถานพินิจไม่ให้ ทนายเข้าเยี่ยม แถมยังโกหกว่ามีคนเยี่ยมไปตอนเช้า ตอนนี้น้องเราเป็นยังไง สถานพินิจกำลังจะทำอะไรกันแน่
.....
Sai Kunthika Nutcharus is with Thanalop Phalanchai.
11h
·
มาจนถึงวันนี้ มีหลายอย่างที่ดิฉันอดใจไม่พูดถึงบ้านปรานี เพราะรู้สึกว่าปัญหาเชิงโครงสร้าง เราไม่มีความจำเป็นที่จะต้องโทษคนตัวเล็กตัวน้อย คนที่ถูกกดทับจากระบบที่สร้างมาผิดๆ
แต่สุดท้ายแล้ว
1. ดิฉันยืนยัน ว่าระเบียบกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนว่าด้วยการติดต่อเด็กและเยาวชนของบุคคลภายนอก และการพบและปรึกษากับที่ปรึกษากฎหมายหรือทนายความพ.ศ. 2565 ไม่ถูกกฎหมาย ผิดหลักการที่อนุสัญญาสิทธิเด็กวางเอาไว้ และก็เป็น arbitrary detention ที่นานาชาติประนาม โดยที่แย่ที่สุดคือปิดกันสิทธิในการเข้าถึง มีส่วนร่วม ได้รับการพิจารณาคดีที่ยุติธรรม (fair trial) โอกาส อนาคต ของเยาวชน โดยเฉพาะเรื่องการเข้าเยี่ยม ในทางวิชาการหากคุณปฏิบัติแบบนี้ แสดงว่าการเข้าเยี่ยมไม่ใช่สิทธิ แต่เป็น "ข้อยกเว้น" และตกอยู่ภายใต้ดุลยพินิจของบุคคลคนเดียว ไม่มีหลักการรองรับ ไม่มีหลักประกันสิทธิของเยาวชน
นี่ขนาดแค่ระเบียบเดียว ไม่แน่ใจว่าถ้าไปเจอระเบียบอื่น แล้วอ่านออกมามันจะปกป้องคุ้มครองเยาวชนแค่ไหน
2. ดิฉันเศร้าใจว่า "เราเอาเยาวชนมาอยู่ในที่แบบนี้" เพราะจากเรื่องราวของหยกที่เขาเล่าให้ฟัง (และน้อยครั้งที่ดิฉันจะพูดออกมา) ดิฉันพบว่า สถานพินิจขาดความเชี่ยวชาญในการดูแลเยาวชน และไม่มีความพร้อม นับตั้งแต่คำพูดของบุคลากรที่พูดกับเด็ก ไปจนถึงวิธีปฏิบัติงาน วันนี้เค้าบอกให้ดิฉันช่วยอธิบายเรื่องหน้าที่การทำงานของเขาว่าแบ่งอำนาจกันยังไงกับเพื่อนหยก ดิฉันก็ยังคิดว่าแล้วทำไมคุณไม่ทำ?
3. ความไม่พร้อมแม้กระทั่งในการเลี้ยงดูในแง่ปัจจัยสี่ โดยเมื่อหยกทานข้าวข้างในไม่ได้เลย และขอให้ทางเรากับเพื่อนๆช่วยจัดหาให้ ซึ่งร้ายแรงที่สุด คือในช่วงสองอาทิตย์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่แจ้งเรา(คนอื่นหลายครั้ง และตัวดิฉันเองได้ยินหนึ่งครั้ง) ว่าอยากให้ต่อไปนี้ถ้าจะส่งข้าวขอให้ส่ง 30 คน เหตุผลคือความเท่าเทียม / สงสารเด็กคนอื่นๆ ต้องมองหยกกินข้าว
คำตอบของดิฉันในวันนี้กับวันนั้นยังเป็นเช่นเดิม คือเราส่งข้าวไปเพราะเด็กของเรา(ซึ่งไม่ใช่คนกินยาก) กินอะไรในนั้นไม่ได้ เรายอมส่งให้ 7 คนในสถานแรกรับ 'ทุกวัน' ก็เพื่อให้ลูกของเราได้ทาน ถ้าเจ้าหน้าที่มองว่าเป็นปัญหาเพราะทุกคนไม่เท่าเทียมกัน ทางแก้คือ "ไปทำข้าวบ้านปรานีให้กินได้" ไม่ใช่มาให้เราซื้อให้ทุกคน
4. หนังสือสิทธิมนุษยชนเด็ก เข้าไปไม่ถึงเด็กในบ้านปรานีสักเล่ม ถ้าหากในอนาคตถึงแล้วกรุณาแจ้ง แต่จากที่หยกแจ้ง ไม่มีเลย
หากจะไม่ให้เด็กข้างในเอาไปอ่านด้วยเหตุผลใด เราไม่ว่ากัน แต่ถ้าเช่นนั้นเอาคืนมา ของพวกนี้ เรายังสามารถเอาไปบริจาคที่อื่นได้
5. มา ณ วันนี้ พวกเรา ทีมทนาย เข้าพบไม่ได้อีกแล้ว เจ้าหน้าที่บอกดิฉันว่า "เพราะไม่ใช่ทนายที่แต่งตั้งที่ศาลเยาวชน" เป็นเรื่องตลกมากเพราะในคำร้องขอเขา "ที่อนุญาตไปแล้ว" เราไม่เคยแอบอ้างว่าตัวเองเป็นทนายในคดี 112 ของศาลเยาวชน เพราะเด็กไม่ได้จะแต่งใครเป็นทนายในคดีนั้น เรายืนยันเสมอว่าเป็นคดีที่เด็กแจ้งความตำรวจกลับ
ในขณะที่คนอื่นที่เข้าเยี่ยมประจำและได้รับอนุญาตก็เข้าไม่ได้วันนี้ กับข้าวที่ส่งไปในวันนี้ก็ได้รับแจ้งจากคนที่ไปว่าไม่ยอมเอาให้เด็กอีกต่อไปแล้ว และอ้างว่าเนื่องจากมีคนจัดกิจกรรมเดินมาที่บ้ายปรานี เพราะฉะนั้นจะไม่ให้มีการเข้าเยี่ยมประชิดตัวถึงวันที่ 7
ในวันนี้ ดิฉันถึงขั้นต้องถามเขาว่า "ทำแบบนี้สถานพินิจต้องการอะไร หมายความว่าอย่างไร?" น่าเสียดายที่ไม่มีใครตอบได้
บางทีดิฉันก็เหนื่อย แต่เด็กน่าจะเหนื่อยกว่า เขาจะไม่เข้าร่วมกระบวนการยุติธรรม คุณต้องทำขนาดนี้เลยหรือ? แค่สิทธิในการที่จะไม่เข้าร่วมกระบวนการ คุณทำให้เขาได้ไหม? ยังไม่ต้องมาเริ่มพูด fair trial เอาแค่ให้เค้าได้มีทางเลือกแบบไม่กดดันก่อน
หรือบางทีอาจเพราะผู้ใหญ่เป็นแบบนี้ หยกเลยต้องเลือกทำอะไรแบบนั้น
สุดท้ายนี้ คุณจะทำยังไงก็ได้ พูดยังไงก็ได้ อ้างคำสั่งศาลเยาวชนก็ได้ แต่ฟ้าดินเป็นพยาน โลกรู้ สังคมรู้ว่าความจริงคืออะไร
ใครเป็นห่วงเด็ก ใครเป็นห่วงหน้าและชื่อเสียงตัวเอง
ปล. อีกไม่ถึง 2 อาทิตย์ โรงเรียนของหยกจะเปิดเรียน และหากเธอไม่ได้ไปมอบตัว เธอก็จะเสียสิทธิในการได้เรียนไป