โพลเนชั่นออกมาย้ำกระแส ‘พิธา’ เฉือน ‘อุ๊งอิ๊ง’ เฉียดฉิวในตำแหน่งนายกฯ แต่พรรคก้าวไกลก็ถูกเพื่อไทยทิ้งห่างกว่าสี่เท่าตัวเมื่อมาถึงจำนวน ส.ส.แบบแบ่งเขต แม้นว่า กก.จะตีตื้นขึ้นมาเคียงไหล่ พท.ในตัวเลข ส.ส.บัญชีรายชื่อ
ข่าว ‘กรุงเทพธุรกิจ’ ดูเหมือนจะทำให้ติ่งเพื่อไทยเข้าใจผิดคำให้สัมภาษณ์ของ ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการ กก. ว่าสองพรรคฝ่ายค้านเดิม ตั้งรัฐบาลร่วมกันได้สบาย ในเมื่อคะแนนเสียงเกิน ๓๐๐ หรือกว่า ๗๐% ของสมาชิกสภาผู้แทนฯ
“และตอนนี้สำหรับตำแหน่งนายกฯ นายพิธา ขึ้นเป็นที่ ๑ อย่างชัดเจน และเชื่อมั่นว่าจะเป็นกระแสแบบนี้ไปจนถึงการเลือกตั้ง” ทำให้เกิดการถกเถียงระหว่างติ่งทั้งสองพรรคว่า ไม่ได้นะ ถ้าร่วมกันต้องให้พรรคใหญ่ได้ตำแหน่งนายกฯ สิ
นี่คือข้อด้อยของการแสดงความคิดเห็นเสรีบนสื่อสังคม ทำให้การโต้ตอบต่อกันเลยเถิดไปเป็นการทะเลาะห้ำหั่น ทั้งที่คำพูดของชัยธวัช ตามโคว้ต “ตั้งเงื่อนไขร่วมนโยบายหลัก แก้รธน.-ปฏิรูปกองทัพ” และบอกด้วยว่า (ตามที่ ถือแถน @pran2844 ถ่ายทอด)
“ผลโพลแสดงว่าคนอยากให้ ‘พิธา’ เป็นนายกฯ” ซึ่งทำให้ผิดความหมายไปจากเจตนาที่ผู้พูดต้องการจะสื่อก็ได้ หากดูจากประโยคที่ตามมา “เราจึงเชื่อว่าถ้าในช่วง ๑๐ วันสุดท้ายถ้าเราทำงานอย่างหนักเข้าถึงประชาชนให้มากที่สุดคะแนนนิยมเราจะพุ่งขึ้นอีก”
นั่นหมายถึงเขาอาจมีความหวังลึกๆ ว่า ถ้ากระแสพิธา สูงมาก จริงๆ ในช่วงโค้งสุดท้าย คะแนนท่วมท้นอาจจะเกิดอย่างไม่น่าเชื่อได้เหมือนกัน แต่สิ่งที่ชัยธวัชบอกไว้นั่นเป็นไปได้มากที่สุด คือสถานการณ์ “เรือล่มในหนอง” (ทองจะไปไหน)
มากกว่าภาวะการณ์ ‘ตาอินกะตานา’ เบาะแว้งต่อกันเสียจน ‘ตาอยู่’ ฉกเอาปลาไปกิน อย่างแน่นอน ดังที่ Thanapol Eawsakul คิดคำนึงตามตัวเลข ว่า “เมื่อคะแนน ๗๒% จะแข่งอย่างไร คนชนะก็จะได้ ๓๖.๑ เป็นอย่างน้อย และคนแพ้จะได้ ๓๕.๙
ส่วนคนที่ ๓ ก็จะได้มากที่สุดคือ ๒๘ เท่านั้น นี่ยังไม่ร่วมว่าอันดับ ๓ ก็จะมีหลายพรรคด้วยเช่นกัน” จึงไม่มีทางเลยที่ตาอยู่จะฉวยหัวปลาไปได้อย่างลอยชาย
(https://www.facebook.com/thanapol.eawsakul/posts/pfbid08NV6QW และ https://www.facebook.com/photo/?fbid=9224644884243492&set=a.163415147033223)