วันอาทิตย์, พฤษภาคม 21, 2566

พวงทอง ชี้ชัด การเมืองมีผลขยับ ‘กระบวนการยุติธรรม’ เชื่อ รู้ตัวต้องเปลี่ยน แต่อาจจะช้าสุด – แนะรัฐบาลใหม่ ไม่ต้องกลัว ทำ ‘ประกาศฝ่ายเดียว’ เอาแค่คดีปี 53 ขึ้นศาล ICC



‘พวงทอง’ ชี้ชัด การเมืองขยับ ‘ยุติธรรมไทย’ เชื่อ รู้ตัวว่าต้องเปลี่ยน ถ้าหันพึ่ง ICC คงคิดหนัก

20 พฤษภาคม 2566
มติชนออนไลน์

พวงทอง ชี้ชัด การเมืองมีผลขยับ ‘กระบวนการยุติธรรม’ เชื่อ รู้ตัวต้องเปลี่ยน แต่อาจจะช้าสุด – แนะรัฐบาลใหม่ ไม่ต้องกลัว ทำ ‘ประกาศฝ่ายเดียว’ เอาแค่คดีปี 53 ขึ้นศาล ICC

เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคมที่ผ่านมา ในวาระครบรอบ 13 ปี เหตุการณ์เมษายน-พฤษภาคม 2553 โศกนาฏกรรมล้อมปราบประชาชน องค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาฯ จัดเสวนา “รัฐบาลใหม่กับยุติธรรมคนเสื้อแดง” โดยมี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตแกนนำนปช. และผอ.ครอบครัวเพื่อไทย, นางพะเยาว์ อัคฮาด มารดาของ น.ส.กมนเกด หรือ น้องเกด ผู้สูญเสียจากเหตุการณ์ปี 2553 และ รศ.ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ อาจารย์ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมเสวนา

ในช่วงท้าย หลังจากที่นายณัฐวุฒิ นำเสนอวาระที่เตรียมยื่นแก้ไข พ.ร.ป.ป.ป.ช. กับว่าที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย 30 คน เพื่อให้ผู้เสียหายในคดีที่ ป.ป.ช.ปัดตก สามารถฟ้องคดีโดยตรงต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

โดย รศ.ดร.พวงทอง กล่าวเสริมนายณัฐวุฒิว่า สามารถทำได้ ควบคู่กับการที่ศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือ ICC เข้ามาร่วมสอบสวน ซึ่งนายณัฐวุฒิได้สรุปให้เห็นว่า เหตุที่ต้องพึ่ง ICC มาจากการที่กระบวนการยุติธรรมในประเทศไทย เดินมาถึงทางตัน กระบวนการปิดทุกอย่าง ทั้ง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หรือ ศาลอาญา



“กระบวนการที่ศาลอาญาบอกว่า ไม่มีอำนาจในการพิจาณาคดีอาญาที่ดีเอสไอเอ เสนอ แล้วอัยการสูงสุดสั่งฟ้องไปนั้น เกิดขึ้นหลังรัฐประหารไม่ถึง 3 เดือน พลิกทันที คุณจะเห็นว่าการเมืองมีผลอย่างยิ่งต่อการเดินหน้ากระบวนการยุติธรรม ในประเทศนี้

ท่ามกลางกระแสการเมืองที่เปลี่ยนไป เปลี่ยนไปเร็วมากๆ ก็อาจจะกระทบต่อการทำงานของกระบวนการยุติธรรมไทยอยู่เหมือนกัน ดิฉันพูดกับเพื่อนเสมอว่า การเมืองเปลี่ยน เขาก็รู้ว่าเขาต้องเปลี่ยน แต่ว่ายังไม่ได้เปลี่ยนในทันทีทันใด และอาจจะเป็นส่วนที่เปลี่ยนช้าที่สุด”

ในขณะที่คุณณัฐวุฒิ เสนอว่าควรจะต้องมีการผลักดันแก้ไข พ.ร.ป.ที่เกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช. ที่เสนอเกี่ยวข้องกับศาลอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองด้วย ก็คือศาลการเมือง ป.ป.ช.เราก็รู้อยู่ว่าเป็นองค์กรอิสระที่การทำงานของเขา แต่ก็เกี่ยวข้องกับกระแสทางการเมืองด้วย” รศ.ดร.พวงทองกล่าว

รศ.ดร.พวงทองกล่าวอีกว่า ขณะเดียวกัน ตนมองว่าการพยายามดึงเอาอำนาจความยุติธรรมจากภายนอก หรือ ICC เข้ามา ก็อาจจะเป็นแรงกดดันที่สำคัญประการหนึ่ง ที่จะทำให้คนในกระบวนการยุติธรรมไทยอาจจะต้องคิดหนักขึ้น ถ้าคุณปฏิเสธที่จะไม่จัดการคดีปี 2553 อย่างยุติธรรม

“เขาก็เห็นว่า มีอำนาจข้างนอกอยู่ เป็นอีกช่องทางหนึ่ง ที่ด้านหนึ่งเป็นเหมือนการตบหน้ากระบวนการยุติธรรมไทยว่า ไม่ทำงาน ในที่สุดประชาชนจึงต้องหันไปดึงเอาอำนาจข้างนอกเข้ามา ซึ่ง ICC ที่เรียกร้องต่อพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย ตั้งแต่ก่อนมีการเลือกตั้ง ยังไม่จำเป็นที่จะต้องให้สัตยาบันยอมรับ ธรรมนูญกรุงโรมว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นกฎหมายที่ยอมรับการดำรงอยู่ของ ICC ไม่จำเป็นที่จะต้องให้สัตยาบันยอมรับธรรมนูญกรุงโรมทั้งฉบับ รัฐบาลเพียงแค่ทำสิ่งที่เรียกว่า Unilateral Declaration คือทำประกาศฝ่ายเดียว แล้วมีจดหมายเชิญแนบไป ขอให้ ICC ดำเนินการสอบสวนกรณีปี 2553 ให้ ICC ใช้อำนาจตามมาตา 12 (3) ของธรรมนูญกรุงโรม เท่านั้น

โดยพิจารณาสอบสวนเฉพาะคดีปี 2553 ไม่เกี่ยวกับกรณีที่เกิดก่อนหน้านี้ หรือจะเกิดต่อไปในอนาคต ทำแค่เรื่องนี้เรื่องเดียว ซึ่งไม่จำเป็นต้องผ่านสภาฯ เพราะถือเป็นการประกาศฝ่ายเดียว และทำข้อจำกัดเพียงแค่นี้ ซึ่งไม่ได้ส่งผลใดใดต่ออำนาจอธิปไตยของประเทศ และไม่ได้เกี่ยวข้องกับสถาบันฯ ในฐานะประมุขของรัฐ

ในกรณีนี้พูดชัดเจน ประเทศอื่นที่มีประมุขนั้น ก็ยอมรับอำนาจของ ICC กันมา ไม่ว่าจะอังกฤษ เดนมาร์ก เนเธอร์แลนด์ กัมพูชา ญี่ปุ่น ต่างก็ให้สัตยาบันต่อธรรมนูญกรุงโรม ทั้งนั้น ไม่เห็นเขากลัว” รศ.ดร.พวงทองกล่าว

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : หมอเหวง เชื่อ ก.ก.จัดแน่ จับกบฏมาลงทัณฑ์ ขอรบ.ใหม่ทำทันที ลงนาม ICC ไม่ต้องรอ
แม่น้องเกด-พ่อน้องเฌอประกาศ 19 พ.ค. ‘วันยุติพ้นผิดลอยนวลแห่งชาติ’ 13 ปีถูกตราหน้า ‘พ่อแม่ผู้ก่อการร้าย’
ณัฐวุฒิ เอาใจช่วยก้าวไกลตั้งรบ.ใหม่ เผย เห็นเค้าลางวิกฤต ห่วง การเมืองไทยอะไรก็เกิดได้
เสื้อแดง เตือน ถ้า ส.ว.เป็นปฏิปักษ์ เตรียมเจอพลัง 27 ล้านเสียง ราชประสงค์สว่างไสว อาลัยวีรชนปี 53
ยิ่งค่ำยิ่งคึก รำลึก 13 ปีสลายชุมนุม ณัฐวุฒิ-หมอเหวง-ธิดา ปราศรัยเดือด ยื่นรบ.ใหม่ 8 ข้อ