วันจันทร์, เมษายน 11, 2565

เข้าทีนะนี่ เพื่อไทยลุยใต้ ก้าวไกลไปอีสาน ได้สะกิดต่อมโกงและกร่างของพวก 'สืบทอดอำนาจ'

เข้าทีนะนี่ เพื่อไทยลุยใต้ ก้าวไกลไปอีสาน เพราะด้ามขวานไม่ใช่ เสาไฟฟ้า ของตาย ปชป.อีกต่อไป และอีสานก็ไม่เชิง เมืองหลวงเสื้อแดง ในเมื่อมีอดีต นปช.เด็กตู่อยู่เต็ม ขอนแก่น อุดร ยังแดง แต่โคราช บุรีรัมย์ เขียวปี๋

ฉะนั้นถ้าไม่ ผิวบาง เกินไปกับบางประโยคที่สื่อซ่าหริ่มเอาไปเสี้ยมละก็ เวลานี้เป็นจังหวะก้าวที่แยบยลและยิ่งยง สำหรับฟากฝ่ายการเมืองประชาธิปไตยไสส่งสืบทอดอำนาจ คสช. คำพูด “ซ้ำร้ายยังถูกหักหลังจากนักการเมือง

ที่พี่น้องประชาชนคิดว่าจะเป็นหัวหอกในการต่อสู้เพื่อพวกเขา” ฟังอย่างมุมมองวงกว้าง โรคระบาด ติ่ง กำเริบ ไม่ควรจะเกิด เพราะบทเรียนนับแต่ปี ๔๙ ถึง ๕๓ เมื่อพรรคและนักการเมืองยังเป็นเพียงนักเลือกตั้ง ไม่ใช่ตัวแทนการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย

หวังว่าในเบื้องลึกแท้จริง ไม่ใช่ สิ่งที่โดนกระทำซ้ำซากทนได้ แต่ถ้าแค่ คำคน ไม่ยอมทน ก็แล้วกัน มิฉะนั้นไปไม่ถึงไหน ใส่ใจแต่ “เพื่อไทยเดินหน้า ปักธง ส.ส.ใต้ฟื้นความยิ่งใหญ่เหมือนยุคไทยรักไทย” ละก็ แลนด์สไล้ด์รวมหมู่จึงจะเกิด

เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ประเสริฐ จันทรรวงทอง ไปพูดที่ภูเก็ตสุ้มเสียงเสนาะนัก ว่า “พรรคได้เตรียมที่จะศึกษาแนวทางการเพิ่มศักยภาพเพื่อยกระดับจังหวัดภูเก็ตให้เป็น เมืองเศรษฐกิจพิเศษเพื่อสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวให้มากขึ้นในแต่ละปี”

ส่วนที่เลขาธิการพรรคก้าวไกล ชัยธวัช ตุลาธน ปาถกฐาบ่มเพาะ ส.ส.และว่าที่ฯ ของพรรค ที่ร้อยเอ็ด ว่า “เราต้องการองค์กรนำทางการเมืององค์กรใหม่” ซึ่ง “ใช้อำนาจหน้าที่ของทุกท่านอย่างซื่อตรง ซื่อสัตย์ ต่อประชาชนมากที่สุด

อย่าเห็นพี่น้องประชาชนเป็นหมากเบี้ยเพื่อขึ้นสู่อำนาจเท่านั้น” ถ้าจะสะกิดต่อมอะไรของใคร น่าจะเป็นพวกพรรคที่ดูดบ้าง ซื้อบ้าง และพึ่งพาอำนาจรัฐประหารเพื่อการครองเมืองตามใจชอบ เสียมากกว่า จึงพึงสำเหนียกว่า

“สำหรับสังคมการเมืองไทยในปัจจุบัน ประชาชนไปไกลกว่านักการเมืองและพรรคการเมืองที่คิดแค่เรื่องชนะเลือกตั้งแล้ว พวกเขาต้องการนักการเมืองแห่งความเปลี่ยนแปลง ในช่วงเปลี่ยนผ่านของสังคมไทยอย่างนี้”

(https://prachatai.com/journal/2022/04/98091)