ช่วงนี้เห็นจะเป็นระยะตามล้างตามผลาญ #ข้อหา112 ไม่หยุดหย่อน ทุกรูปแบบ ทั้งอย่างนุ่มๆ เช่นออกหมายเรียก ‘ฮ้าร์ท’ สุทธิพงษ์ ทัดพิทักษ์กุล อีกคดี หรือชนิดจู่โจมบุกจับอย่างน่ารังเกียจ ที่กระบี่ “ตำรวจปล้ำใส่กุญแจมือทั้งที่ยังนุ่งกระโจมอก”
กรณีหลังนี่จากทวี้ตของ karnt@karnt ว่า “บุกจับในบ้าน ผู้ต้องหาเป็นพี่ผู้หญิง อยู่บ้านกับแม่...แม่ห้ามก็ผลักออก เอาตัวขึ้นรถ/เปลี่ยนรถ ไม่ให้ประกันที่โรงพักจับยัดห้องขัง” เห็นว่าหมายจับนั้นออกไว้ตั้งแต่ปี ๖๔ เพิ่งจะมาจับโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่
“ทั้งที่พี่เขาไปรายงานตัวคดี #คาร์ม็อบ ตลอด ถามตำรวจตลอด ก็บอกไม่มีคดี พี่คนนี้ตอนไปช่วยเอกหาเสียง พี่เขามีน้ำใจให้ผมขึ้นรถ แกวิ่งนำรถเอกเพื่อถ่ายภาพขณะเอกปราศรัยบนถนน” ส่วนหมายของฮ้าร์ทนั่นเพิ่งออกเมื่อ ๓๑ มีนา ให้ไปรายงานตัววันที่ ๘ เมษา
เจ้าตัวออกคลิปแสดงหมาย บอกว่านัดรายงานตัววันนี้ ๑๐ โมงเช้า “ณ ตอนนี้เวลาใกล้จะ ๑๖.๐๐ น. ผมเพิ่งได้รับหมายนี้...หมายมาถึงที่บ้านประมาณเกือบๆ ๔ โมงเย็น (หัวเราะ) แล้วเขาก็ให้ผมเซ็นรับ ผมก็เซ็นไปตามที่เขาขอ” เม้นต์ต่อว่าตำรวจไปส่งหมายเองเลยละ
อย่างไรก็ดีเขาคิดว่าคดีนี้ เนื่องจากเขาเคยโพสต์วิจารณ์วัคซีนขายไม่ออก เมื่อราวเมษา-พฤษภา ปีที่แล้ว “มีคนเขานำคำว่า ‘เจ้านาย’ ไปโยงกับ ‘เบื้องบน’ (ตอนนั้นกระแสประชาชนไม่เชื่อถือ sinovac กำลังแรง)” เขาว่า ‘ว้าว’ ใช้ตำรวจประกบแต่ละคดี รวมเป็นพัน
แล้วยังมีคดีเด็กชุมนุมเรียกร้องปฏิรูปสถาบันชั้นบนอีกเยอะแยะ ทุกวันนี้ก็ยังมีออกไปทำกิจกรรมกันเป็นกลุ่มเล็กและรายย่อย ล้วนโดนควบคุมตัวก่อน รอประกันทีหลัง ก็เลยมีผู้สมัครชิงผู้ว่า กทม.ตัวเต็ง เสนอไอเดียจะเอาไปทำเป็นนโยบาย
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ พูดถึงการแก้ปัญหาม็อบ โดยเฉพาะที่ชุมนุมกันในกรุงเทพฯ ตามจุดต่างๆ ที่เป็นย่านธุรกิจผู้คนพลุกพล่าน “จะทำอย่างไรไม่ให้สร้างปัญหาให้คนที่ไม่ได้มาร่วมชุมนุม” เขาเลือกที่จะเน้นที่จุดนี้สำหรับ “กทม.ในฐานะเจ้าของพื้นที่”
ว่า “ควรจัดพื้นที่สำหรับการแสดงออกทั้งขนาดใหญ่ เช่น ลานคนเมือง สนามกีฬาไทยญี่ปุ่น-ดินแดง เป็นต้น” แล้วยังต้องมีพื้นที่สาธารณะขนาดเล็ก ให้คนมาแสดงความคิดเห็นได้เช่นกัน “นอกจากพื้นที่แบบอะนาล็อกแล้ว ควรมีพื้นที่แบบดิจิทัล” ด้วย
แต่ พรรณิการ์ วานิช แห่งคณะก้าวหน้า แสดงความไม่เห็นด้วยทางหน้าเฟชบุ๊ค ว่า “การชุมนุมเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน ต้องเกิดได้ทุกที่ ผู้ว่าฯ กทม. มีหน้าที่อำนวยความสะดวกให้ผู้ชุมนุม จัดรถห้องน้ำ ดูแลความปลอดภัย
และในขณะเดียวกันก็ต้องดูแลให้คนทั่วไปที่ไม่ได้มาร่วมชุมนุมยังสัญจรไปมาได้ หรืออย่างน้อยก็ได้รับความสะดวกตามสมควร มีการแจ้งประชาสัมพันธ์ล่วงหน้าให้หลีกเลี่ยงเส้นทาง ไม่ใช่จัดโซนนิ่ง เปิดให้ชุมนุมได้แค่บางที่” เธอว่า ‘สนามหลวง’ น่ะเหมาะสุด
ชัชชาติเองก็ขานรับกลายๆ บอกว่า “ตนเคารพความเห็นของ พรรณิการ์ และระบุว่านี่เป็นความสวยงามของระบอบประชาธิปไตย คงต้องเก็บรวบรวมความเห็นของหลายๆฝ่ายมาอีกที ก่อนจะสรุปว่านโยบายจะเป็นอย่างไร” พร้อมทั้งย้ำหลักการของตน
“กทม.ก็ต้องดูแลในฐานะที่เป็นคนกรุงเทพฯ ส่วนเรื่องพื้นที่ไม่ได้อยู่ในความควบคุมของ กทม. เพราะหากมีการลงถนน ก็เป็นของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ต้องดูแล” ส่วนในแง่การดูแลคน “เขามาใช้พื้นที่ เราก็ต้องดูแลเขา เรื่องห้องน้ำ เรื่องเก็บขยะ จะปล่อยให้รกไม่ได้”
ดูถ้อยทีถ้อยอลุ่มอล่วยกันไปได้ดี แต่ไม่บังเอิญเป็นการท้วงติงจาก ‘ช่อ’ ก็เลยเจอปฏิกิริยาอย่างแรงจาก ‘ขุ่นแม่ม’ Pavin Chachavalpongpun ว่า “ปากยื่นปากยาว บอกว่าประชาชนจะชุมนุมที่ไหนก็ได้ แต่ปีที่ผ่านมาที่มีการชุมนุมพรรคมึงหายหัวไปเลยค่ะ”
(อนึ่ง ตรงนี้ต้องเพิ่มเติมไว้หน่อยด้วยว่าพวก ‘ก้าว’ ทั้งพรรคและคณะ ก็โดน ‘สื่อโหน’ กับมวลชน ‘สลิ่ม’ ชี้หน้าว่า ปลุกปั่นยุยง อยู่เบื้องหลัง ‘ม็อบเด็ก’ พยายามจะชงคดี ๑๑๒+๑๑๖ ให้นำไปสู่การยุบพรรคก้าวไกล ตัดไฟกระแส ‘การเปลี่ยนแปลง’)
ต่อด้วยการฟัดเหวี่ยงกับ สศจ. “เราเพิ่งต่อปากต่อคำกัน ดิชั้นเชื่อว่าตอนนี้สมศักดิ์ขอให้เด็กที่ปารีสเป็นคน เขียนสเตตัส แม่งเลยบ้งทุกสเตตัส...นางเข้ามาโต้ตอบว่า ไม่น่าเชื่อว่าดิชั้นจะเชื่อมุกนี้...สรุปว่าดิชั้นไม่ควรจะเชื่อใครง่ายๆ...ฟังแล้วอารมณ์เสีย”
พวกติ่งย่อมพลอยพยัก “ใช่เลยน่ารำคาญมาก พักหลังนี่ชักเลอะ กินน้ำส้มเยอะไป” อีกรายซ้ำ ดั้มพลอย “สงสัยจารย์หงอกแม่งแดกส้มเน่าเข้าไปเยอะช่วงนี้เลยดูเพี้ยนๆ” จึงประเมินได้ว่า ‘ติ่งปวิน’ ช่วยอัดสมศักดิ์ด้วยเหตุปัจจัยของการ ‘เกลียดส้ม’
(https://www.facebook.com/pavinchachavalpongpun/posts/4508037622631299, https://www.facebook.com/131732549847/posts/10162742963134848/ และ https://www.voicetv.co.th/read/0GuE18JeP)