เฮ้อ คนๆ นี้คงต้องมีพันธุกรรมปากสามานย์ แน่ๆ พูดอะไรออกมาแต่ละอย่างเหมือนระบายของเสียจากภายในแทบทุกครั้งไปสิน่า เหตุเกิดวานนี้หลังจากมีคนไปรอลงทะเบียนโครงการ ‘เราชนะ’* หน้าสาขาธนาคารกรุงไทยหลายแห่งทั่วประเทศ
*(หมายเหตุ นี่เป็นโครงการของรัฐบาลตู่ ที่ @Deep_Logic17 บอกว่า “กู้เงินเขามาแจก เสือกเรียกว่า #เราชนะ...ประเทศเราแพ้..แพ้ทุกด้าน)
เมื่อรัฐบาลยอมเปิดให้ผู้ไม่มีโทรศัพท์อัจฉริยะใช้ไปลงทะเบียนกับธนาคารได้เป็นวันแรก การที่มีคนไปรอกันจำนวนมากตั้งแต่เช้ามืด แน่นขนัดชนิดปิดถนนหลายแห่ง แสดงถึงความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจจริงๆ จึงแห่กันไปเพราะกลัวว่าขืนช้าอาจไม่ได้
ไอ้คนที่เป็นต้นเหตุให้ข้าวยากหมากแพง เป็น รปภ.มักใหญ่ ใช้กำลังแย่งเขาเข้ามาเป็นซีอีโอแล้วไม่มีปัญญาบริหารจัดการ ดันแสดงตรรกะหางอึ่งออกมาว่า “ไม่จำเป็นต้องมาวันแรกได้ไหม บางทีมันแน่นเกินไป ขีดความสามารถในการดูแล
บางทีการพบปะกันด้วยการเอกสาร ทางหลักฐาน ต้องใช้เวลามากพอสมควร วันหนึ่งอาจไม่ได้มากนัก แต่ถ้าเราทยอยกันมา มันก็ไม่คับคั่ง” คนมันจะอดตายจะให้นั่งรอบ่ายคล้อยหรือแดดร่มลมตกค่อยไปงั้นหรือ ใครเขาจะรู้ว่า “ถ้าไม่พอก็ขยายอีกได้หากจำเป็น”
ยิ่งกว่านั้นพอพูดเรื่องเศรษฐกิจแย่ ถ้ามันไม่ถึงขนาดแย่มา ๖-๗ ปี ก็อาจไม่มีการบ่นมากอย่างทุกวันนี้ ‘I hear’ ไม่วายบอกอีก “ประชาชนอาจจะลำบากสักนิด ให้มีความคุ้นชินในเรื่องเหล่านี้ด้วย” เอากะเค้าสิ ยังกับ ‘diarrhea’ ออกปาก
ตู่อ้าง “มีหลายมาตรการที่ได้มีการผ่อนคลาย มีการสนับสนุนวงเงินต่างๆ เพื่อให้เข้าถึงทั้งภาคประชาชน ภาคธุรกิจต่างๆ เอสเอ็มอี สตาร์ทอัพ ก็มีการปลดล็อคหลายอย่าง” พยายามจะบอกว่าทำตามตำราแล้วนะ แต่มันยังไม่ดีขึ้น ย่อมแสดงถึงฝีมือคนทำ
ก็ยังตะบันโทษเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจภูมิภาคอยู่นั่น ชาวบ้านเขาเริ่มฟื้นกันแล้วทั้งนั้น อย่างเวียดนามไม่แค่ฟื้น เขาวิ่งไปโลด มีแต่ไทยที่ดีกว่าพม่าหน่อย แล้วดูพม่าสิเป็นไง ทหารเริ่มส่งพวกเดนตายออกไล่ล่าฆ่าประชาชนยามวิกาลแล้วสิ
เสร็จแล้ว ‘ไอทู้บ’ ว่า “อยู่ที่ความร่วมมือของพวกเรา...ประชาชน ส่วนราชการ รวมถึงฝ่ายการเมือง” ใครเขาจะอยากเป็นพวกคุณ ถ้าจะต้องทำตัวให้คุ้นชินกับความยากลำบาก ไม่ต้องบอก “อย่าเอาปัญหาเหล่านี้มาทำให้เกิดปัญหาการเมือง” มันเกิดเอง
ปัญหาการเมืองเกิดจากความไม่เป็นธรรมในสังคม เหตุใหญ่พอๆ กับความอดอยากปากแห้งของประชากร ระบบยุติธรรมบิดเบี้ยว ศาลขาดนิติธรรม ซ้ำเอาการเมืองมาเป็นเครื่องวินิจฉัย ถ้าไม่เลียตูบไม่ให้ประกัน อะไรทำนองนั้น
การที่ศาลอุทธรณ์ไม่ยอมให้ประกันปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างสู้คดี ต่อสี่คณะราษฎร ๖๓ ‘อานนท์-เพนกวิน-สมยศ-หมอลำเเบงค์’ อ้างว่า ‘ความผิด’ (ที่ถูกฟ้อง) “อัตราโทษสูง...ขึ้นปราศรัยด้วยถ้อยคำซึ่งนำความเสื่อมเสียสู่สถาบันพระมหากษัตริย์”
แล้วว่า “พฤติการณ์จำเลยถูกกล่าวหาดำเนินคดีเกี่ยวกับความผิดลักษณะเดียวกันในคดีอื่นอีก” หากปล่อยตัวอาจก่อเหตุใหม่ “และน่าเชื่อว่าจำเลยอาจจะหลบหนี” อันที่จริงหากเป็นเผด็จการที่ฉลาดกว่านี้ การที่จำเลย ๑๑๒ หลบหนีนั้นน่าจะดีกว่าถูกขังเป็นชนวนกรุ่นไม่ดับง่ายๆ
ผู้พิพากษาคนที่เซ็นสั่ง “ไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวจำเลยระหว่างพิจารณา” นั้นน่าจะรู้ผลกระทบระยะยาวได้ดี จึงไม่ยอมลงชื่อเรียงเสียงนาม ได้แต่เซ็นย่อขยุกขยิก ‘อ.???’ เป็นที่ฉงนว่าอันไหนแน่ ‘สั่งตามสั่ง’ หรือ ‘สั่งตามธง’
เพราะอย่างนี้ถึงได้ต้องมีภาคสภาแก้กฎหมายหมิ่นกษัตริย์ ดังที่พรรคก้าวไกลเสนอ ไม่เพียงแค่อภิปรายไม่ไว้วางใจไอทู้บกับรัฐมนตรีรวมสิบคน แล้วพอเริ่มอภิปรายแค่อ่านกระทู้ EA ทั้ง I5 Paiboon ลุกขึ้นประท้วงกันเหมือนเล่นปาหี่
ฝากไว้คิดนิดเดียวก่อนคร่าวๆ ว่าข้อเสนอปฏิรูปกฎหมายหมิ่นฯ ปี ๖๔ นี้ ให้ตั้งหมวดใหม่ในความผิดเกี่ยวกับเกียรติศักดิ์ของกษัตริย์ ราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการฯ แยกออกจากหมวด ‘ความมั่นคง’ โดยมีฐานความผิดสูงถ้าเป็นการหมิ่นขั้นมาดร้าย
และแยกระวางโทษที่กระทำต่อกษัตริย์ ให้จำคุก ๑ ปี หรือปรับ ๓ แสนบาท หรือควบทั้งคู่ ส่วนราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จฯ ถูกหมิ่น เอาโทษลดไปนิดเป็นคุก ๖ เดือน ปรับ ๒ แสนบาท ส่วน ม.๑๑๒ ในเรื่องความมั่นคงยกเลิกไป
เหตุผลง่ายๆ “เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้นำมาตรา 112 มาใช้เป็นเครื่องมือในการกลั่นแกล้งฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง” และให้สำนักราชวังเท่านั้นเป้นผู้ฟ้องร้องคดีหมิ่นสถาบันฯ ไม่ใช่ให้ ‘ไอห้า-ไอเฮีย’ ทั้งหลาย ใครก็ได้นึกอยากฟ้องก็ฟ้อง
(https://www.facebook.com/iLawClub/posts/10165063501925551, https://twitter.com/KhaosodOnline/status/1361263374181355522 และ https://www.matichon.co.th/politics/news_2579464)