อภิปรายไม่ไว้วางใจประยุทธ์ก็เหมือนอิมพี้ชทรั้มพ์ ยังไงยังงั้น ชาวบ้านทั้งประเทศได้รับรู้ความชั่วร้ายของผู้นำ ทั้งที่เสียงในสภาลากไปไม่ให้ต้องรับผิดอยู่ดี โดยกรณีอเมริกามีคนบอกว่า “มีแต่ที่นี่แหละที่เสียงข้างน้อยเป็นฝ่ายชนะ” (๔๓ ต่อ ๕๗)
ความชั่วร้ายของประยุทธ์ที่ถูกเปิดออกมาในการอภิปรายวันแรก ไม่เพียงการปล่อยให้อดีตแม่ทัพเรือ ลุกลี้ลุกลน รีบร้อนปิดดีลซื้อเรือดำน้ำจากจีนให้ทันก่อนวันเกษียณราชการ และการจัดซื้อเครื่องแต่งกายสำหรับทหารเกณฑ์แพงลิ่ว
ยังมีเรื่องการอยู่บ้านหลวงในค่ายทหารของนายกรัฐมนตรี ที่เป็นเซฟเฮ้าส์เต็มเนื้อที่ ๓ ไร่ ริมบึงใหญ่ ไกลรัศมีระเบิดเอ็ม ๗๙ พร้อมเฮลิแพ็ดสำหรับเฮลิค้อปเตอร์ขึ้นลง ภายในแต่งหรู มีทั้งห้องประชุมใหญ่ วอร์รูมประชุมลับ ห้องสื่อสารดาวเทียม และห้องจัดเลี้ยงมหึมา
แน่ละบ้านผู้นำประเทศที่เป็นศูนย์กลางจักรวาลอย่างไตแลนเดีย ย่อมต้องมีเครื่องเคราครบครันไม่แพ้ทำเนียบขาว ต่างแต่ว่ามาตรฐานครองชีพประชากรอเมริกันระดับกลางๆ ที่เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศเทียบได้กับชนชั้นสูงไทยมั่งคั่งแค่ ๑ เปอร์เซ็นต์
ซ้ำร้ายทำกลลวงทีแรกตอนเป็น ผบ.ทบ.บอกว่าอยู่บ้านเลขที่๑๔ ซอยร่วมมิตร สามเสนใน เมื่อมีคดีไปถึงศาลรัฐธรรมนูญจึงยอมรับว่าแท้จริงบ้านที่กินนอนทุกวันอยู่ในค่ายทหาร ให้เลขที่ว่า ๒๕๓/๕๔ กรมทหารราบที่ ๑
ซึ่งจากการตรวจสอบของ ปปช.พบว่าไม่มีบ้านเลขที่นั้นอยู่ใน ราบ ๑ แสดงว่าที่ประยุทธ์แจ้งต่อศาลเป็นการโกหก ไม่มีใครในวงนอกรู้ว่าบ้านที่ประยุทธ์อยู่อาศัยทุกวันนี้ที่ไหน นอกจาก วาสนา นาน่วม ซึ่งเผยไว้ในหนังสือพิมพ์ออกขายของเธอว์
“แท้ที่จริงแล้วอาศัยอยู่ในเซฟเฮ้าส์เลขที่ ๗๐๒ ในค่ายทหารตั้งแต่ยังเป็น ผบ.ทบ. จนถึงปัจจุบัน ซึ่งก็นับเป็นเวลามากกว่าสิบปีแล้ว” จากการอภิปรายตอนหนึ่งของ อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล เอามาเปิดให้ประชากรไทยได้รับทราบ
ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกลเลยให้สมยา ‘บิ๊กตู่’ ของวาสนาเสียใหม่ว่า ‘ขี้ตู่’ เธอยังสัพยอกนายกฯ ลูกครึ่ง (ครึ่งเผด็จการทหาร ครึ่งเผด็จการรัฐสภา ด้วย สว.ตู่ตั้ง) คนนี้ “ดิฉันเห็นว่าท่านดูซูบซีดซูบเซียวลงไปนะคะ แขนขาท่านยาวขึ้น
ไม่ทราบว่าไปโหนอะไรเยอะแยะมากมายหรือเปล่า” แซวด้วยภาษาไทยถูกต้องทั้งหลักไวยากรณ์และความหมายแอบอิง ที่ว่าชอบโหนของสูง ขี้ตู่ผู้ควบคุมอารมณ์ได้ดีเยี่ยมในครานี้ กลับตีความเพี้ยน นึกว่าเธอชมว่าผอมและสูง
เลยย้อนกลับว่าคุณน่ะเตี้ยเพราะชอบไปแอบหลังม็อบนักเรียนทุกวัน (ประมาณว่ากลายเป็นเด็กละมั้ง) แต่เนื้อหาอภิปรายที่ฝ่ายค้านเขาถกๆ ถามๆ ไม่เคยตอบ เสรีพิศุจธ์ ถามว่า เอาเงินบ่อนมาจ่ายเงินเดือนให้ ส.ส. พปชร.เดือนละ ๒ แสนป่าว
ตอบแค่ว่า “ผมรับแต่สิทธิ์ประโยชน์ตามกฎหมาย” แบบที่ให้ ‘บริกร’ วิษณุ เครืองาม ตอบแทนประเด็นอยู่บ้านหลวงฟรี ค่าน้ำค่าไฟ อุปโภคบริโภครัฐจ่ายจากเงินภาษีประชาชนเกิน ๓ พันบาท ต้องรายงานตามกฏ ปปช. แล้วยัง ๖ ปีไม่เคยเสียภาษี
วิษณุอ้าง ม.๔๒ อนุมาตรา ๖ ระบุ เงินได้ที่ทางราชการจ่ายอีเหระเขระขะ “ไม่ต้องนำมาคำนวณในฐานะที่เป็นเงินได้พึงประเมิน” ไม่ต้องเสียภาษีก็แล้วไป แต่ที่มีคำถามอีกว่า “ใช้ที่ราชพัสดุไม่โปร่งใส ไม่คุ้มค่า” และเป็นธุรกิจแบบสัมปทาน
ก็พาลส่ง “ผมไม่หลบตา ไม่กลัว...สิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกัน...ขอให้ระมัดระวังการพูดจาในนี้ ประชาชนฟังทางบ้าน คนรักทหารก็เยอะ” แต่คนรักความสุจริตเยอะกว่านะ อีกทั้งไม่ว่าใครๆ มักเกลียดคนโอ้อวด ขี้เบ่ง และสามหาวด้วยหละ
ยังไม่หมด ฝ่ายค้านอีกคนอภิปรายเรื่อง “แทรกแซงกระบวนการยุติธรรมคดี บอส อยู่วิทยา ขับรถชนตำรวจเสียชีวิต” เฮียเค้าแบบมรึงถามไม่ตรงคำตอบว่า “ผมไม่เคยนิ่งนอนใจ เพราะผมรังเกียจคนที่ทำผิดกฎหมาย และหนีคดีอยู่ต่างประเทศ”
เห็นมีเม้นต์ที่เพจ ‘บีบีซีไทย’ ว่า ‘ทักษิณ’ ตบหน้าผากผาง อีกแล้ว วกมาจนได้ไอ้หมอนี่ อะไรมันจะคลั่งไคล้ ‘obsessed’ ติดพันกับกรูถึงขนาดนี้ นึกถึงได้เกือบทุกวินาฑีสิน่ะ
(https://www.facebook.com/BBCnewsThai/photos/a.2876919375862417/2876918819195806, https://www.thairath.co.th/news/politic/2033872-s, https://www.facebook.com/amarat.chokepamitkul/posts/3872254832855235 และ https://www.facebook.com/VoiceOnlineTH/posts/10161475078994848)