วันพฤหัสบดี, กุมภาพันธ์ 04, 2564

วิธีหม่อง สองทุ่มตรง 'เคาะกาละมัง' เสียงสนั่นต้านรัฐประหาร


การประท้วงต่อต้านรัฐประหารของชาวบ้านพม่า ทำเอาบรรดา สลิ่มไทยประเภท หมาข้างรั้ว และ สื่อทหารเลี้ยง ไปไม่ถูกพลิกไม่ทัน เลยสะเปะสะปะออกมาเละ เอ็มจีอาร์ออนไลน์ สายลิ้มพาดหัวมั่วเหตุ ซูจี ไม่เห็นหัวกลุ่มชาติพันธุ์

ทั้งที่ “ออกแถลงการณ์คัดค้านการทำรัฐประหารแล้ว...แม้ไม่พอใจกับการบริหารงานของอ่องซาน ซูจีและพรรคเอ็นแอลดี แต่ก็ไม่สมาทานกับกองทัพ” Subhatra Bhumiprabhas เห็นว่า “ซูจียังเป็นที่รักของชาวพม่าไม่เสื่อมคลาย”

ด้าน อี๊ปอง (ตองหยี) โวยลั่น “บ้านเราไม่มีรัฐประหาร เรามาจากเลือกตั้ง” อย่าเอารัฐประหารเมียนมาร์มาโยงทหารไทยยึดอำนาจเมื่อปี ๕๗ แล้วก็แผ่นเสียงตกร่องตามอย่างนาย “เป็นเรื่องของการแก้ไขปัญหาประเทศชาติที่กำลังเข้าสู่ทางตัน”


ทหารพม่าก็อ้างอย่างนั้น “สั่งยุบ กกต. กล่าวหาว่าเข้าข้างอองซานซูจีและพรรคเอ็นแอลดี แล้วแต่งตั้งอดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญและผู้พิพากษารวม ๖ คนให้รับตำแหน่งเป็น กกต.ชุดใหม่ภายใต้การกำกับของกองทัพ”

Sunai @sunaibkk บอกว่า คุ้นๆไม่แค่คุ้น มันเป็นการลอกข้อสอบกันเลยทีเดียว แล้วหาเรื่องยัดคุกซูจีจนได้ สไตล์คณะรัฐประหารไทยไม่มีเพี้ยน “ตำรวจพม่าตั้งข้อหานางอองซาน ซูจี นำเข้าวิทยุสื่อสารโดยไม่ได้รับอนุญาต” ศาลสั่งขัง ๑๔ วัน

ว้อคกี้ท้อคกี้ ประมาณสิบเครื่องที่ตำรวจค้นเจอในบ้านพักของผู้นำ เอ็นแอลดีคนสำคัญของรัฐบาลพลเรือนนี่นะคือวิทยุสื่อสารที่ว่าไม่ได้รับอนุญาตนำเข้านั่น ส่วนวิน มินต์ ประธานาธิบดีพลเรือนโดนยัดข้อหาละเมิดกฎหมายเกี่ยวกับภัยพิบัติ

อาการพาลพาโลอย่างหมาจิ้งจอกเหล่านั้นทำให้ประชาชนพม่าไม่เล่นด้วย จัดว่าเป็นความต่างอย่างมีนัยยะสำคัญระหว่างประชากรพม่าที่มีโลกทัศน์และจิตสำนึกทันยุค กับพวกสลิ่มไทยที่คุ้นเคยแต่การเคล้าคลอกับรั้วของชาติ หรือ รปภ.ซึ่งแย่งตำแหน่งซีอีโอ

น่าทึ่งกับการประท้วงทหารยึดอำนาจของคนพม่า ไม่เพียงการจุดเทียนและชูสามนิ้วเป็นสัญญะ ของบุคคลากรการแพทย์ ทั้งหมอและพยาบาล เฉกเช่นที่คณะราษฎรและกลุ่มเยาวชนไทยกระทำกันต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา

ชาวพม่ายังใช้วิธีตีกระป๋อง เคาะกาละมัง ยามตะวันลับฟ้า ทุกค่ำคืนอย่างพร้อมเพรียงเวลาสองทุ่มตรง แทบทุกบ้านหลายชุมชนต่างพากันเคาะตีภาชนะเสียงสนั่น รถราบนถนนจะพร้อมใจกันบีบแตร ในความหมายเชิงคติโบราณขับไล่ราหูมิให้อมจันทร์

ความต่างระหว่างรัฐประหารพม่ากับไทย ที่อี๊ปองตองหยีไม่มีจิตสำนึกเพียงพอให้สำเหนียก อยู่ที่หมู่ชนซึ่งจัดว่าเด่น-ดังในสังคม ไม่ว่าแพทย์พยาบาลและ/หรือดารากับซึมซับ-ติดยึดกับประชาธิปไตย ยิ่งกว่าคนไทยในสาขาอาชีพเดียวกันมากมาย


นักร้องนักแสดงและนางงามนางแบบชื่อดังของพม่าหลายคนแสดงออกสู่สาธารณะ ต่อต้านการยึดอำนาจของทหารครั้งนี้ ตามด้วยประชากรออนไลน์ของพม่าอีกจำนวนมาก เข้าร่วมกระบวนการรณรงค์ ‘Civil Disobedience Movement’ หรืออารยะขัดขืน

ไม่เพียงบุคคลากรแพทย์ในโรงพยาบาลทั่วประเทศกว่า ๗๐ แห่ง พากันติดริบบิ้นสีแดง สีประจำพรรคสันนิบาตประชาธิปไตยของอองซาน ซูจี พร้อมไปกับการนัด ผละงาน ในโรงพยาบาลของรัฐบางแห่ง เพราะ “ไม่ต้องการทำงานใต้เผด็จการ”

Thinzar Shunlei Yi นักเคลื่อนไหว อารยะขัดขืนโดดเด่นคนหนึ่งให้ความเห็นต่อสำนักข่าวเอเอฟพีว่า แพทย์และพยาบาลเหล่านั้นเป็นผู้จุดประกายการประท้วงให้ขยายวงกว้างออกไปในหมู่ประชาชน “เชื่อว่าอีกไม่นานประชาชนจะลงถนนเพื่อต่อต้าน”

มีภาพข่าวรายงานว่ามีการลงถนนยกป้ายประท้วงกันแล้วแห่งแรกที่มัณฑะเลย์ ขิ่น ซอว์ วิน ผู้เชี่ยวชาญการเมืองในพม่า กล่าวถึงการอารยะขัดขืนรัฐประหารนี้ว่า “ช่วงหนึ่งสัปดาห์หลังการรัฐประหารจะเป็น ‘ห้วงเวลา’ สำคัญที่สุด” หากจุดไม่ติดก็ดับ

เขาพาดพิงถึงเหตุการณ์ประท้วงในปี ค.ศ.๑๙๘๘ อันเป็นการชุมนุมครั้งประวัติศาสตร์ นักศึกษา ประชาชน รวมทั้งภิกษุและผู้คนต่างสาขาอาชีพนับเป็นแสนๆ ร่วมกันเรียกร้องประชาธิปไตย ทหารออกมาปราบและรวบอำนาจ มีผู้เสียชีวิตหลายพัน

การรัฐประหารเลือดที่จารึกว่า “ก่อการกำเริบ ๘๘๘๘” (วันที่ ๘ เดือน ๘ ปี ๘๘) ทำให้ทหารพม่าปกครองประเทศอย่างเผด็จการต่อเนื่องมา ๓๐ ปี กระทั่งยอมให้พรรคของซูจีเป็นรัฐบาลภายใต้กำกับได้เพียง ๕ ปีเท่านั้น ก็ยึดคืน

(https://www.facebook.com/thestandardth/posts/2670962906529918 และ https://www.khaosod.co.th/politics/news_5873983)