การประท้วงต่อต้านรัฐประหารของชาวบ้านพม่า ทำเอาบรรดา ‘สลิ่ม’ ไทยประเภท ‘หมาข้างรั้ว’ และ ‘สื่อทหารเลี้ยง’ ไปไม่ถูกพลิกไม่ทัน เลยสะเปะสะปะออกมาเละ ‘เอ็มจีอาร์ออนไลน์’ สายลิ้มพาดหัวมั่วเหตุ ‘ซูจี’ ไม่เห็นหัวกลุ่มชาติพันธุ์
ทั้งที่ “ออกแถลงการณ์คัดค้านการทำรัฐประหารแล้ว...แม้ไม่พอใจกับการบริหารงานของอ่องซาน ซูจีและพรรคเอ็นแอลดี แต่ก็ไม่สมาทานกับกองทัพ” Subhatra Bhumiprabhas เห็นว่า “ซูจียังเป็นที่รักของชาวพม่าไม่เสื่อมคลาย”
ด้าน ‘อี๊ปอง’ (ตองหยี) โวยลั่น “บ้านเราไม่มีรัฐประหาร เรามาจากเลือกตั้ง” อย่าเอารัฐประหารเมียนมาร์มาโยงทหารไทยยึดอำนาจเมื่อปี ๕๗ แล้วก็แผ่นเสียงตกร่องตามอย่างนาย “เป็นเรื่องของการแก้ไขปัญหาประเทศชาติที่กำลังเข้าสู่ทางตัน”
ทหารพม่าก็อ้างอย่างนั้น “สั่งยุบ กกต. กล่าวหาว่าเข้าข้างอองซานซูจีและพรรคเอ็นแอลดี แล้วแต่งตั้งอดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญและผู้พิพากษารวม ๖ คนให้รับตำแหน่งเป็น กกต.ชุดใหม่ภายใต้การกำกับของกองทัพ”
Sunai @sunaibkk บอกว่า ‘คุ้นๆ’ ไม่แค่คุ้น มันเป็นการลอกข้อสอบกันเลยทีเดียว แล้วหาเรื่องยัดคุกซูจีจนได้ สไตล์คณะรัฐประหารไทยไม่มีเพี้ยน “ตำรวจพม่าตั้งข้อหานางอองซาน ซูจี นำเข้าวิทยุสื่อสารโดยไม่ได้รับอนุญาต” ศาลสั่งขัง ๑๔ วัน
‘ว้อคกี้ท้อคกี้’ ประมาณสิบเครื่องที่ตำรวจค้นเจอในบ้านพักของผู้นำ ‘เอ็นแอลดี’ คนสำคัญของรัฐบาลพลเรือนนี่นะคือวิทยุสื่อสารที่ว่าไม่ได้รับอนุญาตนำเข้านั่น ส่วนวิน มินต์ ประธานาธิบดีพลเรือนโดนยัดข้อหาละเมิดกฎหมายเกี่ยวกับภัยพิบัติ
อาการพาลพาโลอย่างหมาจิ้งจอกเหล่านั้นทำให้ประชาชนพม่าไม่เล่นด้วย จัดว่าเป็นความต่างอย่างมีนัยยะสำคัญระหว่างประชากรพม่าที่มีโลกทัศน์และจิตสำนึกทันยุค กับพวกสลิ่มไทยที่คุ้นเคยแต่การเคล้าคลอกับรั้วของชาติ หรือ รปภ.ซึ่งแย่งตำแหน่งซีอีโอ
น่าทึ่งกับการประท้วงทหารยึดอำนาจของคนพม่า ไม่เพียงการจุดเทียนและชูสามนิ้วเป็นสัญญะ ของบุคคลากรการแพทย์ ทั้งหมอและพยาบาล เฉกเช่นที่คณะราษฎรและกลุ่มเยาวชนไทยกระทำกันต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา
ชาวพม่ายังใช้วิธีตีกระป๋อง เคาะกาละมัง ยามตะวันลับฟ้า ทุกค่ำคืนอย่างพร้อมเพรียงเวลาสองทุ่มตรง แทบทุกบ้านหลายชุมชนต่างพากันเคาะตีภาชนะเสียงสนั่น รถราบนถนนจะพร้อมใจกันบีบแตร ในความหมายเชิงคติโบราณขับไล่ราหูมิให้อมจันทร์
ความต่างระหว่างรัฐประหารพม่ากับไทย ที่อี๊ปองตองหยีไม่มีจิตสำนึกเพียงพอให้สำเหนียก อยู่ที่หมู่ชนซึ่งจัดว่าเด่น-ดังในสังคม ไม่ว่าแพทย์พยาบาลและ/หรือดารากับซึมซับ-ติดยึดกับประชาธิปไตย ยิ่งกว่าคนไทยในสาขาอาชีพเดียวกันมากมาย
นักร้องนักแสดงและนางงามนางแบบชื่อดังของพม่าหลายคนแสดงออกสู่สาธารณะ ต่อต้านการยึดอำนาจของทหารครั้งนี้ ตามด้วยประชากรออนไลน์ของพม่าอีกจำนวนมาก เข้าร่วมกระบวนการรณรงค์ ‘Civil Disobedience Movement’ หรืออารยะขัดขืน
ไม่เพียงบุคคลากรแพทย์ในโรงพยาบาลทั่วประเทศกว่า ๗๐ แห่ง พากันติดริบบิ้นสีแดง สีประจำพรรคสันนิบาตประชาธิปไตยของอองซาน ซูจี พร้อมไปกับการนัด ผละงาน ในโรงพยาบาลของรัฐบางแห่ง เพราะ “ไม่ต้องการทำงานใต้เผด็จการ”
Thinzar Shunlei Yi นักเคลื่อนไหว ‘อารยะขัดขืน’ โดดเด่นคนหนึ่งให้ความเห็นต่อสำนักข่าวเอเอฟพีว่า แพทย์และพยาบาลเหล่านั้นเป็นผู้จุดประกายการประท้วงให้ขยายวงกว้างออกไปในหมู่ประชาชน “เชื่อว่าอีกไม่นานประชาชนจะลงถนนเพื่อต่อต้าน”
มีภาพข่าวรายงานว่ามีการลงถนนยกป้ายประท้วงกันแล้วแห่งแรกที่มัณฑะเลย์ ขิ่น ซอว์ วิน ผู้เชี่ยวชาญการเมืองในพม่า กล่าวถึงการอารยะขัดขืนรัฐประหารนี้ว่า “ช่วงหนึ่งสัปดาห์หลังการรัฐประหารจะเป็น ‘ห้วงเวลา’ สำคัญที่สุด” หากจุดไม่ติดก็ดับ
เขาพาดพิงถึงเหตุการณ์ประท้วงในปี ค.ศ.๑๙๘๘ อันเป็นการชุมนุมครั้งประวัติศาสตร์ นักศึกษา ประชาชน รวมทั้งภิกษุและผู้คนต่างสาขาอาชีพนับเป็นแสนๆ ร่วมกันเรียกร้องประชาธิปไตย ทหารออกมาปราบและรวบอำนาจ มีผู้เสียชีวิตหลายพัน
การรัฐประหารเลือดที่จารึกว่า “ก่อการกำเริบ ๘๘๘๘” (วันที่ ๘ เดือน ๘ ปี ๘๘) ทำให้ทหารพม่าปกครองประเทศอย่างเผด็จการต่อเนื่องมา ๓๐ ปี กระทั่งยอมให้พรรคของซูจีเป็นรัฐบาลภายใต้กำกับได้เพียง ๕ ปีเท่านั้น ก็ยึดคืน
(https://www.facebook.com/thestandardth/posts/2670962906529918 และ https://www.khaosod.co.th/politics/news_5873983)