ต่อเนื่องเป็นวันที่สี่เข้านี่แล้ว คนพม่าลงถนนต้านรัฐประหารกันอึกทึก บรรยากาศในกรุงย่างกุ้ง (หรือ Yangon) ไม่ต่างจากในกรุงเทพฯ เมื่อเดือนที่แล้ว ตำรวจในชุดควบคุมฝูงชนครบเครื่อง เรียงแถวกั้นม็อบปิดการสัญจร
มีการตัดสัญญานอินเตอร์เน็ตและโทรศัพท์ (Cellular) เข็นรถฉีดน้ำแรงสูงออกมาตั้งท่ารอ แม้จะยังไม่ถึงขั้นปะทะกันร้ายแรง แต่ก็แสดงว่าการต่อต้านทหารยึดอำนาจ ขยายออกไปอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง ข้าราชการหลายหน่วยประกาศอารยะขัดขืน
กระทั่งเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองออกมายกป้ายข้อความหนุน ‘Civil Disobedience Movement’ หลังจากทหารสั่งปิดสนามบินย่างกุ้งถึง ๓๐ เมษายน ด้านตลาดหุ้นแยงกอน (YSX) ปิดทำการมาแล้วสองวันชนกับสุดสัปดาห์อีกสองวัน ลุ้นจันทร์นี้จะเปิดได้ไหม
บรรดาอุตสาหกรรมขนาดยักษ์จากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิตเบียร์คิรินและรถยนต์ซูซูกิ สองโรงงานใหญ่จากญี่ปุ่นประกาศยกเลิกการผลิต วู้ดไซ้ด์ปิโตรเลี่ยม อุตสาหกรรมพลังงานจากออสเตรเลียแถลงยุติกิจการ เช่นเดียวกับอมตะกรุ๊ปจากไทยชะงักการลงทุนกว่า ๓ หมื่นล้าน
ไม่เท่านั้น คณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติประชุมลงมติเอกฉันท์ ละออกแถลงการณ์ “เรียกร้องให้ปล่อยตัวอองซานซูจีและทุกคนที่ถูกจับหลัง #รัฐประหาร รวมทั้งให้มีการฟื้นฟูประชาธิปไตยใน #เมียนมาร์” เป้นเรื่องน่าคิดว่าจีนกับรัสเซียยังไม่กล้าค้าน
“มาเลเซียและอินโดนีเซียขอให้อาเซียนประชุมด่วน / ส่วนไทยเงียบ” (กริบ) Sunai @sunaibkk ว่าเพราะสองมหาอำนาจสายเฮี้ยวไม่กล้าหือ แม้จะมีม็อบจัดตั้งออกไปชูธงแสดงการสนับสนุนคณะทหารที่ยึดอำนาจ แต่เสียงไม่ดังเท่าเสียงที่แสดงออกทางอินเตอร์เน็ตก่อนถูกตัดสัญญาน
เป็นความพร้อมเพรียงของประชากรรักประชาธิปไตยในเมียนมาร์เวลานี้ ถึงขนาดมีแฮ้สแท็กต้องจดจำว่า #ถ้าไม่สู้ต้องอยู่อย่างไทย ดัดแปลงมาจากถ้อยโสลกของไทยในยุคม็อบเยาวชนรายวัน ที่ว่า #ถ้าไม่สู้ก็อยู่อย่างทาส
แม้โดยมาตรฐานความเป็นอยู่โดยเฉลี่ยแล้วชนชาวพม่าการครองชีพด้อยกว่าไทยมากอยู่ แต่ทว่าในสภาพการณ์เผชิญโควิด-๑๙ แล้ว อาจจะอยู่รอดตลอดได้ดีกว่าประชากรไทย ในเมื่อขณะนี้มีการร่วมระดมทรัพยากรวัคซีนสู้โควิดส่งไปให้ชาวพม่าจากองค์กรนานาชาติ
ของไทยยังรอแอสตร้าเซเนก้า สาขาปูนซีเมนต์ไทยผลิตได้สำเร็จ พวกหมอมี ‘เพ็ดดีกรี’ รองรับที่สวมหมวกสองใบเป็นทั้งเจ้าหน้าที่รัฐและกรรมการบรรษัททรงตั้ง คุยว่าถ้าสำเร็จเมื่อไหร่คนไทยได้รับผลิตภัณฑ์ชั้นเยี่ยม พูดไปไม่วายเหลือบมองบราซิล
ส่วนพวกคุณหมอสาธารณสุขที่รู้จักดีก็ใบกระท่อม ที่บอกว่ากลางกุมภานี้ได้ฉีดแน่ ยินดีจะเป็น ‘หนู’ ทดลองตัวแรกรับเข็ม ถึงวันนี้ขออภัยพูดผิดไปคำนวณพลาดเล็กน้อย เอาเป็นว่ามิถุนาน่าจะได้เริ่มฉีดกันละ กำหนดนั้นก็ยังแค่ประมาณการนะ
คนไทยมีมากกว่าคนหม่อง นอกจากนับถือภูตผีแล้วยังบูชาศาลเจ้า สำหรับวัคซีนโควิดเลยต้องรอเซเนก้าเป็นมิ่งขวัญ จะให้ไปเอาอย่างเพื่อนบ้านที่ได้รับ ‘โคแว็ก’ กันถ้วนหน้าได้ไง วัคซีนจัดหาให้โดยองค์การอนามัยโลกนั้นสำหรับประเทศที่ไม่มีพ่อหลวงของเรา
“คาดการณ์แจกจ่ายวัคซีนโควิด-๑๙ โครงการ COVAX ชุดแรก อาเซียนได้รับเกือบครบทุกชาติ อินโดฯ ได้มากสุด ๑๓.๗ ล้านโด๊สเซส” นอกนั้นกัมพูชา ลาว เมียนมาร์ ฟิลิปปินส์ เวียตนาม มาเลย์ บรูไน และสิงคโปร์ กำลังเตรียมยักไหล่รับเข็มฉีดกันถ้วนหน้า
ประเทศเหล่านั้นส่วนใหญ่ไม่ได้อูฟูหรือหน้าใหญ่อย่างไทย ทำสัญญาจองร้องขอไว้ล่วงหน้า ขณะที่ประเทศสบัดบ็อบว่าเชอะฉันแน่กว่า ที่เป็นประเทศมีบริษัทเจ้าผลิตเอง รับงานจากแอสตร้าฯ ไม่ต้องเสียศักดิ์ศรีไปร้องขอจากเดอะฮู
“เมื่อวันที่ ๒๔ มกราคม นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวว่า ประเทศไทยมีแผนร่วมจัดหาวัคซีนโควิด-๑๙ กับโคแวกซ์มาตั้งแต่แรก โดยการเจรจามีเงื่อนไขว่าจะให้วัคซีนฟรีกับประเทศยากจน” เหตุที่เหมือนจองแล้วไม่เอาอยู่ที่
“แต่ประเทศไทยจัดอยู่ในประเทศที่มีรายได้ปานกลาง จึงไม่ได้สิทธิ์รับวัคซีนฟรี” แล้วทำไมไม่สั่งซื้อล่ะ บรูไน มาเลเซีย และสิงคโปร์ สามชาตินี้ก็ซื้อจากแอสตร้าฯ นะไม่ใช่ได้ฟรี แล้วที่ไปสั่งซื้อจากจีน ๒๐ ล้านโด๊สเซสแพงหูฉี่ ยังทำได้
เรื่องของเรื่อง #ถ้าไม่สู้ก็อยู่อย่างทาส ดูท่าจะหนักกว่า #ถ้าไม่สู้ต้องอยู่อย่างไทย เพราะอยู่อย่างทาสในไทยบรรลัยกว่าเยอะ แบบว่าเสียภาษีให้เขาเอาไปอีลุ่ยฉุยแฉกแล้วยังต้องกราบกราน ในความกรุณาธคุณมหันต์
(https://www.facebook.com/workpointTODAY/posts/1528983804137559, https://www.facebook.com/thestandardth/posts/2672688189690723 และ https://www.facebook.com/sinsaesern.awreness/posts/3671267749655445)