Jom Petchpradab
17h ·
การรัฐประหารในพม่า โดย พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของพม่าครั้งนี้ สร้างความไม่คาดฝันกับผู้ที่ติดตามการเมืองใน ภูมิภาคอาเซียนอยู่ไม่น้อย
เพราะการที่นางอองซาน ซูจี ผู้นำพรรค NLD ที่ชาวพม่าเลือกตั้งเข้ามาเป็นอันดับหนึ่ง เข้ามาบริหารประเทศ จนเกิดการยอมรับในระดับสากลอย่างกว้างขวาง สร้างความมั่นคง ปึกแผ่นในทางการเมือง เกิดการสร้างงานสร้างเศรษฐกิจ สังคมพม่าก้าวหน้าพัฒนาไปไกลค่อนข้างมาก
แม้กระทั่ง นางอองซาน ยอมเอาเกียรติภูมิ เกียรติยศที่ถูกยอมรับในระดับสากลเข้าแลก เพื่อความมั่นคงอยู่รอดของรัฐบาลตัวเองและกองทัพพม่า กรณีสังหารหมู่ชาวโรญิงญา หวังจะซื้อใจกองทัพ เพื่อความมั่นคงทางการเมืองระหว่างกองทัพกับรัฐบาลจากประชาชน เหมือนเช่นอดีตผู้นำไทยที่เคยเอาใจกองทัพ ด้วยนโยบายที่ว่า แก้ไขไม่แก้แค้น
แต่สุดท้ายสันดานสุนัขจิ้งจอก ไร้สัจจะ ของกองทัพในภูมิภาคนี้ กลับหักหลังและทรยศประชาชนด้วยการทำรัฐประหารจนได้
รัฐประหารในพม่ารอบนี้ ถ้าประสบผลสำเร็จ โดยไม่เกิดการประท้วงต่อต้านจากประชาชนชาวพม่าอย่างกว้างขวางทั่วประเทศ และจากประชาคมโลก นอกจากจะนำประเทศพม่าถอยกลับไปสู่บรรยากาศทางการเมืองเหมือนเมื่อ 20 ปีที่แล้วแล้ว
อีกทางหนึ่งจะส่งผลดีกับ เผด็จการราชานิยมในประเทศไทยอย่างมากด้วยเพราะนับจากนี้อย่างน้อย 1 ปี เผด็จการทหารไทย จะเฝ้าติดตามกลยุทธ์ วิธีการ ในการยึดกุม รวบอำนาจทั้งหมดให้กลับมาอยู่ในมือของกองทัพได้สำเร็จมากน้อยแค่ไหน หากสำเร็จราบคาบ ก็จะเป็นแบบฉบับให้ กองทัพไทย ใช้วิธีการัฐประหารรัฐบาลตัวเองเป็นทางออกเพื่อขยายอำนาจของตัวเองต่อไปอีกได้
ความหวังเดียวที่จะหยุดยั้งการดึงประเทศพม่าให้ตกเหวแห่งเผด็จการทหารอีกครั้งนั่นก็คือ ประชาชนพม่า ที่จะต้องลุกขึ้นมาต่อต้านอย่างกว้างขวาง และ อองซาน ซูจี จะต้องคิดใหม่ทำใหม่ ยอมกลืนน้ำลาย แสวงหาความร่วมมือกับประชาคมโลกอีกครั้ง โดยจะต้องแสดงตนให้หนักแน่นกว่าเดิมกับการไม่ยอมทำตัวเป็นั่งร้านให้กับเผด็จการกองทัพพม่าอีกต่อไป
ได้แต่หวัง และให้กำลังใจพี่น้องพม่าครับ
ฉันเข้าใจเธออยู่ ฉันเข้าใจเธอดี.. pic.twitter.com/Xfz9mpuLSO
— คุณพี่อยู่ประเทศอะไรค๊าาา 🐢🦕 (@cnew888) February 1, 2021