วันจันทร์, กุมภาพันธ์ 01, 2564

แผนวัคซีนไทย ล้มเหลว กระทบการท่องเที่ยว : Bill Heinecke ประธานและผู้ก่อตั้ง MINOR Group ส่งจดหมายเปิดผนึก เตือนลุงตู่ ว่าการจัดหาวัคซีนและแผนฉีดวัคซีนในไทย ช้าเกินไปมาก และไม่มีแผนที่ชัดเจนเรื่อง Vaccine passport สำหรับนักท่องเที่ยว


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวิลเลียม อี.ไฮเน็ค ผู้ก่อตั้งและประธาน ไมเนอร์อินเตอร์เนชั่นแนล ได้ส่งจดหมายเปิดผนึก ถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลงวันที่ 28 มกราคม 2564 ระบุถึงสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทยว่า

ต้องขอยกย่อง พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาลไทย ในการหลีกเลี่ยงการปิดธุรกิจต่างๆ ท่ามกลางการระบาดรอบใหม่ของโควิด-19 ซึ่งถึงจุดนี้แสดงให้เห็นว่า มาตรการปัจจุบันสามารถลดการแพร่ระบาดของไวรัสได้ผลดี และการล็อกดาวน์ทั้งหมดเป็นทางเลือกท้ายสุดของมาตรการ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายที่มีต่อเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่การระบาดรอบใหม่ของโควิด-19 ตั้งแต่เมื่อเดือนะนวาคม 2020 นักท่องเที่ยวไทย และธุรกิจภาคบริการ ได้รับผลกระทบอีกครั้ง ทำให้มีโรงแรมและผู้ให้บริการการท่องเที่ยวต้องปิดตัวลง หลายต่อหลายบริษัทไม่สามารถที่จะประคับประคองต้นทุนเพื่อเปิดบริการได้ บางแห่งถึงกับต้องปิดไปอย่างถาวร โดยตอนนี้ วัคซีนซึ่งถือเป็นแสงสว่างแห่งความหวังเพียงอย่างเดียวที่ปลายอุโมงค์อันมืดมิด

เรารู้ดีว่ารัฐบาลพยายามที่จะเร่งให้มีการฉีดวัคซีนให้แก่ผู้คนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ ซึ่งตนเชื่อว่ามีวิธีที่จะสามารถเร่งกระบวนการให้เร็วกว่านี้ และเริ่มต้นเศรษฐกิจอีกครั้ง จึงขอแนะนำนโยบายเฉพาะบางอย่างเกี่ยวกับการให้วัคซีนโควิด-19

– ให้เพิ่มกลุ่มเจ้าหน้าที่ให้บริการเข้าไปในกลุ่มผู้รับวัคซีนระยะแรก

ตนเชื่อว่า เจ้าหน้าที่การให้บริการ ซึ่งรวมถึงผู้ให้บริการสายการบิน พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน นักบิน และพนักงานโรงแรม ควรจะถูกรวมอยู่ในกลุ่มคนเฟสที่ 1 ที่ควรได้รับวัคซีน เพราะเป็นที่รู้กันดีกว่า พนักงานโรงแรมหลายต่อหลายคนทำงานอยู่ในพื้นที่กักตัว นับตั้งแต่เริ่มมีการระบาดของโควิด-19 และมีความเสี่ยงที่จะติดโควิด-19 โดยคนกลุ่มนี้ถือเป็นผู้ที่ทำงานในแนวหน้า มีปฏิสัมพันธ์กับนักท่องเที่ยวทั้งต่างชาติและในประเทศ ความเสี่ยงที่จะติดเชื้อและแพร่เชื้อ จึงควรให้ความสำคัญเป็นลำดับแรกๆ เหมือนกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงอื่นๆ

– ควรพิจารณาทางเลือกเกี่ยวกับวัคซีนให้มากขึ้น เนื่องจากเป็นเรื่องเร่งด่วน

พวกเราทุกคนรู้ดีกว่า รัฐบาลกระตือรือร้นที่จะเดินเรื่องการซื้อและพัฒนาวัคซีน และเราให้การสนับสนุนความพยายามนี้อย่างเต็มที่ แต่เมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์ที่เร่งด่วน ทางการควรจะจัดหาวัคซีนให้เร็วขึ้นไปอีก เพราะไทม์ไลน์ในปัจจุบันถือว่าเร็วไม่เพียงพอทั้งด้านการจัดซื้อและต่อจำนวนประชากร นอกเหนือไปจากแอสตร้าเซเนก้า และซิโนแวค ที่ได้มาแน่นอนแล้ว รัฐบาลควรจะพิจารณาการจัดหาวัคซีนที่มีอยู่ทั้งหมด และขอให้รัฐบาลเร่งให้ อย.อนุมัติวัคซีนโควิด-19 เพื่อใช้ในประเทศ

– อนุญาตให้ผู้ที่ฉีดวัคซีนสามารถเดินทางได้โดยไม่ต้องมีการกักตัว

ผู้คนในประเทศไทยที่ได้รับวัคซีนแล้ว ควรจะต้องได้รับอนุญาตให้สามารถเดินทางทั้งในและต่างประเทศได้โดยไม่ต้องเข้าสู่กระบวนการกักตัวอีกต่อไป เราตระหนักดีกว่าการสวมหน้ากากและการเว้นระยะห่างเป็นสิ่งที่ควรทำ จนกว่าจะสามารถควบคุมไวรัสได้ อย่างไรก็ตาม นักเดินทางภาคธุรกิจที่มีความสำคัญ ที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว ควรจะสามารถเดินทางได้โดยไม่ต้องกักตัว เพื่อให้สามารถเดินหน้าธุรกิจในต่างประเทศและลงทุนได้ ในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้

– เตรียมพร้อมรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาพร้อมกับ “หนังสือเดินทางการวัคซีน”

เราตระหนักดีกว่า “หนังสือเดินทางการฉีดวัคซีน” ยังเป็นเพียงการริเริ่มคิดกันในระยะแรกของทั่วโลก อย่างไรก็ตาม เราได้เห็นแล้วว่ามีหลายประเทศที่มีแผนที่จะนำมาใช้แล้ว เพื่อการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วขึ้น บางสายการบิน ยืนยันว่า การพิสูจน์ได้ว่ามีการฉีดวัคซีนมาแล้วถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับการบินระหว่างประเทศ ดังนั้น จึงเป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลไทยจะเตรียมแผนสำหรับเรื่องดังกล่าวเอาไว้

ยกตัวอย่างเช่น เมื่อกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา ประเทศซีเชลส์ ได้ประกาศที่จะเปิดกว้างสำหรับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนแล้วจากทั่วโลก ซึ่งจะไม่ต้องถูกกักตัวหรือทดสอบโควิด-19 เมื่อเดินทางเข้าประเทศ ทำให้ซีเชลส์กลายเป็นประเทศแรกที่ใช้มาตรการดังกล่าว

สำหรับประเทศไทย ตนอยากเสนอให้ใช้ “ภูเก็ต” เป็นพื้นที่นำร่องสำหรับการทดสอบการใช้มาตรการดังกล่าวในการเปิดกว้างเพื่อรับนักท่องเที่ยวให้กลับมาอีกครั้ง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนมาแล้วจากประเทศตัวเอง

ถือเป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลไทยจะตระหนักถึงความสำคัญของธุรกิจภาคบริการ ด้านเศรษฐกิจของประเทศ และความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน ซึ่งตนเชื่อมั่นอย่างเข้มแข็งว่า ทิศทางที่ถูกต้องเกี่ยวกับนโยบายการให้วัคซีนในไทย จะทำให้การเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศกลับคืนมาได้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถทำอะไรที่ช่วยสนับสนุนความพยายามของรัฐบาลได้และทำงานร่วมกันได้เพื่อฟื้นเศรษฐกิจกลับมาอีกครั้ง

ผู้คนในประเทศไทยที่ได้รับวัคซีนแล้ว ควรจะต้องได้รับอนุญาตให้สามารถเดินทางทั้งในและต่างประเทศได้โดยไม่ต้องเข้าสู่กระบวนการกักตัวอีกต่อไป เราตระหนักดีกว่าการสวมหน้ากากและการเว้นระยะห่างเป็นสิ่งที่ควรทำ จนกว่าจะสามารถควบคุมไวรัสได้ อย่างไรก็ตาม นักเดินทางภาคธุรกิจที่มีความสำคัญ ที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว ควรจะสามารถเดินทางได้โดยไม่ต้องกักตัว เพื่อให้สามารถเดินหน้าธุรกิจในต่างประเทศและลงทุนได้ ในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้

อ่านจมภาษาอังกฤษได้ที่มติชน
https://www.matichon.co.th/foreign/news_2556159