คนรุ่นใหม่นนทบุรีประกาศชุมนุมทุกศุกร์จนกว่าจะปล่อยตัว 4 แกนนำราษฎร
2021-02-12
ประชาไท
12 ก.พ. 2564 ประชาชนรวมตัวหน้าเรือนจำ เรียกร้องปล่อยอานนท์, เพนกวิน, หมอลำแบงค์, และสมยศ ในคดีมาตรา 112 เครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรีเตรียมชุมนุมทุกศุกร์จนกว่าทั้งสี่คนจะถูกปล่อยตัว ศรีไพรปราศรัยถ้าไม่ปล่อยคงต้องไปทวงถามจากสถาบันกษัตริย์ ขอนแก่นชุมนุมเรียกร้องยกเลิกมาตรา 112 และให้ปล่อยตัวทั้งสี่คนเช่นกัน
เวลา 15.50 น. หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพ กลุ่มประชาชนราว 50 คน รวมตัวกันมาเรียกร้องให้ปล่อยตัวเพื่อนทั้งสี่คน ได้แก่ ทนายอานนท์ นำภา, 'เพนกวิน' พริษฐ์ ชิวารักษ์, 'หมอลำแบงค์' ปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม, และสมยศ พฤกษาเกษมสุข ที่ศาลมีคำสั่งขังระหว่างพิจารณาในคดีเมื่อวันที่ 9 ก.พ. 2564 ที่อัยการสั่งฟ้องข้อหาหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ จากการปราศรัยประเด็นสถาบันกษัตริยใน #ม็อบ19กันยา ทวงอำนาจคืนราษฎร และเพนกวินถูกฟ้องจากการปราศรัยในกิจกรรม #mobfest อีกคดี โดยทั้งสี่คน ยื่นประกันตัวคนละ 200,000 บาทแต่ศาลไม่ให้ประกัน
ประชาชนรวมตัวหน้าเรือนจำ เรียกร้องปล่อย 4 แกนนำราษฎร
16.47 น. พ.ต.อ.สุเมธ โภชนา ผกก.สน.ประชาชื่น ประกาศให้ยุติการชุมนุม โดยอาศัยอำนาจตามประกาศสถานการฉุกเฉิน เรื่องห้ามการชุมนุมในสถานที่แออัดหรือยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย ตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 หากฝ่าฝืนจะมีการดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
พ.ต.อ.สุเมธ โภชนา ผกก.สน.ประชาชื่น
ด้านผู้ชุมนุมยังประกาศชุมนุมต่ออย่างเรียบร้อย แต่จะไม่ติดป้ายที่เรือนจำและติดบนรถเครื่องเสียงเท่านั้นและไม่ระรานกัน
17.45 น. เครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรีแถลงการณ์กรณีศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวทั้งสี่คน ได้แก่ พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน, อานนท์ นำภา, ปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม และสมยศ พฤกษาเกษมสุข จากการชุมนุม 19 กันยาฯ
ทางเครือข่ายฯ เชื่อว่าทั้งสี่คนยังคงเป็นผู้บริสุทธิ์ และไม่เคยหลบหนี มีที่อยู่เป็นแหล่ง และมาตามนัดศาล เครือข่ายฯ หวังว่าทั้งสี่คนจะได้รับความเป็นธรรม
ประชาชนเขียนข้อความเรียกร้องให้ยกเลิกมาตรา 112 และปล่อยเพื่อนเรา
เครือข่ายฯ ยังยืนยันถึงข้อเรียกร้องสามข้อคือ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องลาออก แก้ไขรัฐธรรมนูญ และปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ด้วย รวมถึงเรียกร้องให้ยกเลิกกฎหมายมาตรา 112 ไม่นำกฎหมายนี้มาใช้กับคนเห็นต่าง และต้องปล่อยตัวเพื่อนเรา
เครือข่ายฯ ระบุอีกว่าถ้ายังไม่ปล่อยศุกร์หน้าเราจะมากันอีกครั้ง และจะมาชุมนุมทุกวันศุกร์จนกว่าจะปล่อยเพื่อนเราทั้งหมด
ต่อมา วรรณวลี ธรรมสัตยา หรือตี้ พะเยา ขึ้นปราศรัยว่า ทั้งสี่คนออกมาพูดเรื่องปากท้องของประชาชน เพราะเห็นความย่ำแย่ของประเทศ แต่รัฐก็ยังจับพวกเขา ทั้งนี้เธออยากให้ไปเรียกร้องกับศาลที่สั่งขังพวกเขา แต่การไปศาลก็มีความเสี่ยงทางกฎหมายหลายอย่างเลยต้องมาที่นี่แทนเพื่อส่งเสียงให้ถึงทั้งสี่คนที่ถูกจับขัง
วรรณวลี ธรรมสัตยา หรือตี้ พะเยา ขึ้นปราศรัย
วรรณวลีกล่าวว่าเธอได้รู้จักกับทั้งสี่คน พวกเขาไม่มีพิษมีภัยอะไรเลย พวกเขาแค่ต้องการเห็นชีวิตประชาชนที่ดีขึ้นเท่านั้น แล้วที่ผ่านมาพวกเราชุมนุมก็ไม่เคยมีอาวุธอะไรใดๆ จะไปทำอะไร พล.อ.ประยุทธ์ ได้ แต่ทำไมทุกสำนวนคดีถึงระบุว่าพวกเราเป็นภัยความมั่นคง แสดงว่าพวกเขาเห็นเห็นว่าตัวเองขึ้นมามีอำนาจอย่างไม่ถูกต้องใช่หรือไม่
วรรณวลีกล่าวต่อว่า มีคนเสื้อแดงบอกกับเธอว่าการออกมาท้าทายอำนาจเผด็จการและอำนาจที่ไม่เป็นธรรมเช่นนี้จะถูกจัดการทั้งหมด แต่หากมีวันนั้นจริงขอให้ทุกคนไม่ต้องสู้เพื่ออิสรภาพของพวกเธอแต่ขอให้สู้เพื่อตัวเอง ทุกคนมีอำนาจในการกำหนดอนาคตและลูกหลานตัวเอง ไม่ใช่สู้เพื่อใคร และไม่ใช่เพื่อ พล.อ.ประยุทธ์
เธอไม่อยากเห็นใครเจ็บตัวจากระบอบเผด็จการอีกแล้ว ขอให้ทุกคนดูแลสุขภาพของตัวเองแล้วสู้จนกว่าระบอบเผด็จการจะยอมแพ้ ในเมื่อบอกว่าประชาชนเป็นภัยความมั่นคงของประเทศ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เคยไปจับมือผู้นำประเทศที่สั่งฆ่าประชาชน เป็นการบอกว่าก็จะทำกับประชาชนประเทศตัวเองด้วยหรือไม่
การขังพวกเขาทั้งสี่คนก็ขังได้แต่ตัวแต่ขังจิตวิญญาณของเขาไม่ได้ อีกทั้งอานนท์ยังเคยกล่าวอีกว่า วันใดวันหนึ่งที่ทุกคนชนะแล้วพวกเธอไม่ได้ไปด้วย พวกเธอจะดีใจไปด้วยแต่ขอให้คิดถึงกันบ้างก็พอ
สุดท้ายขอบคุณทุกคน วันนี้เรามาเรียกร้องให้ปล่อยเพื่อนเราแม้จะเป็นไปไม่ได้ แต่ขอให้ทุกคนเผยแพร่ข่าวสารให้ไปทั้งประเทศ ทั้งต่างประเทศว่าเราจะไม่ยอมตกอยู่ใต้ตีนใคร ประเทศนี้เป็นของราษฎร ไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง
ศรีไพร นนทรี ปราศรัยต่อว่า คนจนทุกคนย่อมเกี่ยวกับพวกเขา เพราะทั้งสี่คนต่างออกมาเคลื่อนไหวเพื่อคนจน เธอรู้จักกับสมยศตั้งแต่เธออายุ 17 ปี ตอนนั้นสมยศยังหนุ่มๆ เข้าไปทำงานกับคนงานย่านรังสิต ตอนนั้นคนงานยังไม่มีสหภาพแรงงาน แล้วสมยศเข้าไปจัดตั้งสหภาพก็เลยได้เจอกัน แต่ภายหลังก็ห่างกันไป เจออีกครั้งตอนเขาไปเป็นแกนนำ นปช. รุ่นสอง
ล่าสุดสมยศยังมาร่วมกันเรียกร้องเรื่องบำนาญสามพันบาท เพราะเราเห็นว่า ต้องพูดถึงเรื่องเงินบำนาญและอนาคตของคนงาน แม้ตอนนี้เขาจะอยู่ในคุกแต่เราก็จะเคลื่อนไหวต่อไป
อีกคนหนึ่งคือทนายอานนท์ รู้จักตั้งแต่รัฐประหารปี 2557 ก่อนหน้านั้นไม่รู้จักกันเลย ไปเจออานนท์เป็นพระเอกมิวสิควิดีโอเพลงที่ค้านการรัฐประหารแล้วประทับใจ เลยติดตามอานนท์มาตั้งแต่ตอนนั้น ตอนนั้นยังทำงานกำลังจะเปิดห้องประชุมชื่อห้องนวมทอง ไพรวัลย์ ในสำนักงานที่ทำงานก็มีทหารมาตลอด จนตอนหลังต้องปิดไปเพราะกลัวจะไม่ปลอดภัย วันหนึ่งตำรวจก็ใส่สูทมาที่สำนักงานจนนึกว่าขายเครื่องกรองน้ำ ที่ไหนได้เป็นตำรวจ เขาก็มาด่าอานนท์ให้ฟัง แล้วก็บอกว่าอย่าไปใกล้ชิดอานนท์ เลยเล่าเรื่องนี้ให้คนอื่นฟัง ตอนหลังอานนท์ก็เลยโทรมาถามว่าสันติบาลด่าว่าอะไรบ้าง
ศรีไพรกล่าวอีกว่า หลังจากนั้นก็ได้เจอกันเพราะมาเป็นทนายให้แล้ว ยังมาเป็นผู้ต้องหาด้วยกันอีก ทำให้มีความผูกพันกัน
ศรีไพรกล่าวถึงปติวัฒน์ว่า รู้จักเพราะเขาไปแสดงละครเจ้าสาวหมาป่าจนเขาไปติดคุก จึงได้เจอตอนไปรับเขาออกมาจากคุก ปติวัฒน์ก็สู้เพื่อประชาธิปไตและชนชั้นมาตลอด
ศรีไพรกล่าวถึงพริษฐ์ต่อว่า ได้เจอกันตั้งแต่เขายังเรียนมัธยม พริษฐ์ติดตามเรื่องการบ้านการเมืองและเห็นผู้ใช้แรงงานและคนรุ่นใหม่เป็นกำลังสำคัญในการเปลี่ยนแปลงและต้องเคลื่อนไหวไปด้วยกัน
ศรีไพรกล่าวว่าที่ศาลไม่ปล่อยทั้งสี่คน มาพิสูจน์การกระทำของตนเองเหมือนคนอื่นนั้น เป็นการเหยียบย่ำน้ำใจผู้ใช้แรงงานอย่างยิ่ง พวกเขาจะไม่มีวันต่อสู้อย่างโดดเดี่ยว
วันนี้ ชาวเมืองนนทบุรีออกมาเรียกร้องให้ปล่อยทั้งสี่คน ชาวปทุมธานีก็จะมาเคียงบ่าเคียงไหล่ด้วย ถ้าศาลไม่ปล่อยพวกเขาทั้งสี่คน มันจะไม่ใช่แค่เรื่องศาล เพราะกฎหมายนี้เกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ พวกเราจะขอสนับสนุนให้ชาวนนทบุรีไปติดตามกับสถาบันกษัตริย์ แล้วชาวปทุมฯ อย่างเราก็จะไปทวงถามด้วยว่า ทำอะไรกับพี่น้องของพวกเรา
18.50 น. ในการชุมนุมมีการเปิดคลิปเสียงอานนท์ในวัสที่ 19 ก.ย. 2563 ที่เป็นเหตุให้ถูกดำเนินคดีมาตรา 112 ครั้งนี้ ที่เรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์และตั้งคำถามต่อการเข้ามาแทรกแซงทางการเมืองในวิกฤติทางการเมืองทั้งความขัดแย้งระหว่างคนเสื้อเหลืองเสื้อแดง การรัฐประหาร 2549 และการสังหารนักศึกษาในเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ 2519 และการทวงคืนทรัพย์สินของประชาชนและหน่วยทหารที่ถูกโอนย้ายไปเป็นของกษัตริย์กลับคืนจะได้หรือไม่ รวมถึงการลดพระราชอำนาจของกษัตริย์ ซึ่งทั้งหมดนี้คือความต้องการให้ประเทศเป็นประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขเท่านั้น
20.15 น. หลังการปราศรัยต่างๆ สิ้นสุด คนที่มาร่วมกิจกรรมร่วมกันจุดเทียนร้องเพลง เราคือเพื่อนกัน และเรียกร้องให้ปล่อยทั้ง 4 คน และประกาศนัดชุมนุมพรุ่งนี้ (13 ก.พ. 2564) ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เวลา 15.00 น. จึงยุติการชุมนุม
ประชาชนทำกิจกรรมจุดเทียนหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
ด้านศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า 18.00 น. ริมบึงสีฐาน มหาวิทยาลัยขอนแก่น 'ไผ่' จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา อ่านรายชื่อผู้ถูกดำเนินคดีหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ตั้งแต่ปี 2549 ถึงปัจจุบัน ซึ่งมีทั้งติดคุก ลี้ภัย ถูกบังคับสูญหาย รวมถึง 4 คนล่าสุดที่เพิ่งเข้าเรือนจำ ด้านผู้เข้าร่วมชุมนุมเขียนรายชื่อคนเหล่านั้นบนฝ่ามือเรียกร้อง #ปล่อยเพื่อนเรา #ยกเลิก112 โดยมีตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบเฝ้าจับตา
การชุมนุมที่ริมบึงสีฐานจ.ขอนแก่น โดยศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
ชุมนุมหน้าคุก 'เรามาจุดเทียน พร้อมหัวใจที่ผูกพันร่วมกัน' ไม่มีแกนนำ ใครใคร่มา "มา" ใครใคร่ ร่วม "ร่วม" เพราะเราคิดถึงเพื่อนเรา หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพhttps://t.co/ZFqV0C6NPQ
— sirote klampaiboon (@sirotek) February 12, 2021