วันอาทิตย์, ธันวาคม 20, 2563

#โควิดสมุทรสาคร ร้อนไปถึง #ถอดถอนอนุทิน โทษฐาน “เก่งแต่ปาก บอกโควิดกระจอกงอกง่อย”


โควิดกลับมาหลอนรัฐบาล ไอทู้บ จนได้ จะอ้างอีกไหมว่าระลอกสองนี่มันเป็นทั้งโลก เหมือนที่อ้างเศรษฐกิจไม่ยอมฟื้น คำตอบคือ พระคุยหฐาน สิทั่น แม้แต่จะโทษ แรงงานข้ามชาติ พม่าลักลอบพามา ก็ยังไม่ได้ เพราะว่า

เหตุอย่างนี้ “มันเป็นสิ่งที่คาดเดาไว้แล้วว่าต้องเกิด และมันป้องกันได้ นั่นน่ะหน้าที่รัฐ นี่แหละความมั่นคงของชาติที่แท้จริง” ดัง @judythecatz บ่นไว้ถูกของเขา แถม “ลักลอบเข้ามาผ่านข่องทางธรรมชาติ เลาะป่าเขาว่ายข้ามแม่น้ำ/ลำธาร

ตามด้วยนั่งรถอีกกี่ต่อ กว่าจะถึงสมุทรสาคร ผ่านสารพัดด่านมาได้อย่างไร” @Pprabphayak แถมให้ก็ถูกอีก เพราะการลักลอบอย่างนี้เริ่มต้นที่ มันมีเจ้าพนักงานสมรู้ด้วยส่วนหนึ่ง อีกส่วนก็คือความชะล่าใจ พอได้รับคำชมว่าผ่านมาได้ เก่ง เลยเหลิง

กรณีสมุทรสาครนี่ใช้เวลาสองสามวันเผ่นไปถึงอยุธยาแล้ว ในกรุงเทพฯ ทางผ่านจะมีสักแค่ไหนที่ยังไม่ได้ตรวจ จากที่พบต้นทางสุ่มตรวจพันกว่าคน ติดเชื้อ ๕๔๘ ล่าสุดตัวเลขทั้งประเทศ ผู้ติดเชื้อรายใหม่ ๕๗๖ คน และยอดสะสม ๔,๙๐๗

(มีรายงานหญิงวัย ๗๘ ปี บ้านอยู่ประชาชื่น ไปจ่ายตลาดมหาชัย กลับมามีอาการแสบจมูก แสบหน้าอก ปวดศีรษะ ลิ้นไม่รับรสอาหาร เจ็บคอ น้ำมูกไหล หายใจขัด พอไปตรวจพบว่าติดเชื้อไปแล้ว)

ใช้ความ น่าจะเป็นตามวิชาสถิติ นี่ถ้าตรวจคนกรุงเทพฯ สักล้าน อาจติดเชื้อกว่า ๕ แสนก็ได้ ในเมื่อการเดินทางด้วยรถเมล์ของแรงงาน ตีเสียว่ามหาชัยถึงคลองสานแค่ครึ่งชั่วโมงกว่าๆ เท่านั้น แล้วก็มีรถเมล์เกือบสิบสายเข้าถึงหัวลำโพง เทเวศร์ บางลำพู อนุสาวรีย์ชัยฯ


อย่างรายที่พบว่าติดเชื้อที่บางปะอิน นั้นเดินทางจากท่าตอนเข้ากรุงเทพฯ ด้วยรถบัสสองชั้นแล้วต่อวินจักรยานยนต์เข้าบ้านตีห้า ๑๘ ธ.ค. ตอนสายนั่งท้ายรถกระบะไปตรวจเชื้อที่โรงพยาบาลบางปะอิน เช้าวันรุ่งขึ้นไปเดินซื้อของที่ตลาดหมู่บ้านศรีทองก่อนรู้ผล

วันนี้เจอผู้ติดเชื้ออีกหนึ่งคน เป็นหญิงไทยวัย ๒๙ ปี เพิ่งกลับไปทำงานร้านเสริมสวยในจังหวัดเชียงใหม่ ทำให้ผู้ป่วยสะสมที่นั่นเพิ่มเป็น ๙ ราย เทียบเคียงดูก็แล้วกันว่าจุดย่อมๆ อย่างบางปะอิน ในวันสองวันเพิ่มสามราย และพื้นที่ไม่เนืองแน่นเช่นกรุงเทพฯ

ที่สมุทรสาครโกลาหลกันละสิ ชมรมผู้ค้ากุ้งประกาศปิดตลาดกุ้ง ๒๑ ธันวา ถึง ๓ มกรา ทางจังหวัด “ขอความร่วมมือประชาชนงดเดินทางออกนอกพื้นที่ แนะสังเกตุอาการ #โควิด” ถึงจะเป็นวัวหายล้อมคอก ก็ยังดีกว่าอวดเก่ง

ถึงอย่างนั้น เสียงบ่นก็ยังดังระงม รายหนึ่ง (ใช้นาม ผู้บัญชาการ อีกา) บอกว่าโทษ “แรงงานต่างชาติ (ลักลอบเข้ามา จะด้วยตัวเองก็ดี จนท.เก็บหัวคิวก็ดี) มันหนีไม่พ้นความรับผิดชอบของผู้บริหารประเทศ” ซ้ำว่ายังมีเลวร้ายไปกว่านั้น

“โรงพยาบาลในพื้นที่ ขอรับบริจาคหน้ากาก (อนามัย) จากประชาชน” เนื่องจาก “ไม่ได้สั่งปุ๊บมาปั๊บ จากหน่วยงานกลาง ทั้งๆ ที่เราเคยเจอเรื่องนี้มาแล้วเมื่อต้นปี” นี่คือความสะเพร่า มักง่าย ไม่ได้ใส่ใจจริงจัง ระวังระไว อุดช่องโหว่ไว้เสียแต่ต้นมือ

ข่าวแรงงานข้ามชาติเริ่มทะลักกลับเข้าไทยฮือฮามาสองเดือนแล้ว ไม่เห็นมาตรการป้องกันที่เป็นรูปธรรม ส่วนคนธรรมดาค่าตรวจ “ก็แพงชิบหาย...ใครจะกล้าเอาเงินไปทิ้งตรวจวะ เงินสามพันหกพันของบางคนคือเงินทั้งเดือนอะ อีเหี้ย รัฐบาลส้นตีน” (@whyousoq)

ความ สมเหตุสมผล ของสนนราคา ไม่ได้อยู่ที่ค่าตกแต่งห้องน้ำบนเครื่องบินวีวีไอพี ๕๔ ล้าน ได้มาตรฐาน แอร์ฟ้อร์ชวันของประธานาธิบดีอเมริกัน แต่มันอยู่ที่อเมริกาเริ่มฉีดวัคซีนที่สั่งจองไฟ้เซอร์ไว้ ๑๐๐ ล้านโด๊สแล้ว อีกระลอกจากโมเดอร์น่ากำลังตามมา


ตามรายงาน ศบค.อัตราการเสียชีวิตจากโควิดในไทยแค่ ๖๐ คน แต่ก็สร้างความตื่นกลัวต่อคนนับสิบๆ ล้าน เพราะเห็นว่าแค่จุดเล็กๆ ไม่กี่วันเจอเกินครึ่งพัน โดยเฉพาะบนลานโซเชียลมีเดียก่นด่าจ้าละหวั่น รัฐบาลห่วย รัฐมนตรีไร้ประสิทธิภาพ

ทำเอา รมว.สาธารณสุข ซึ่งเกือบๆ จะดังเพราะกัญชา ตกสวรรค์ทันที แฮ้สแท็ก ๑ สิทธิ ๑ เสียง ร่วม #ถอดถอนอนุทิน (ชาญวีรกูล) ติดอันดับสองรองจาก #โควิดสมุทรสาคร บอกว่า รมว.ไม่มีศักยภาพในการควบคุมโรค “เก่งแต่ปาก

ครั้งเมื่อตอนระบาดแรกๆ บอกแค่โรคหวัดโรคนึง ระบาดรอบสอง บอกโควิดกระจอกงอกง่อย” วันนี้มีคนเสริม “ออกไปซะ ทั้งชุดยิ่งดี”

(https://www.matichonweekly.com/hot-news/article_382362, https://twitter.com/js100radio/status/1340510067842400263 และ https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=789799228418008&id=100021638151942)