โควิดกลับมาหลอนรัฐบาล ‘ไอทู้บ’ จนได้ จะอ้างอีกไหมว่าระลอกสองนี่มันเป็นทั้งโลก เหมือนที่อ้างเศรษฐกิจไม่ยอมฟื้น คำตอบคือ ‘พระคุยหฐาน’ สิทั่น แม้แต่จะโทษ ‘แรงงานข้ามชาติ’ พม่าลักลอบพามา ก็ยังไม่ได้ เพราะว่า
เหตุอย่างนี้ “มันเป็นสิ่งที่คาดเดาไว้แล้วว่าต้องเกิด และมันป้องกันได้ นั่นน่ะหน้าที่รัฐ นี่แหละความมั่นคงของชาติที่แท้จริง” ดัง @judythecatz บ่นไว้ถูกของเขา แถม “ลักลอบเข้ามาผ่านข่องทางธรรมชาติ เลาะป่าเขาว่ายข้ามแม่น้ำ/ลำธาร
ตามด้วยนั่งรถอีกกี่ต่อ กว่าจะถึงสมุทรสาคร ผ่านสารพัดด่านมาได้อย่างไร” @Pprabphayak แถมให้ก็ถูกอีก เพราะการลักลอบอย่างนี้เริ่มต้นที่ มันมีเจ้าพนักงานสมรู้ด้วยส่วนหนึ่ง อีกส่วนก็คือความชะล่าใจ พอได้รับคำชมว่าผ่านมาได้ ‘เก่ง’ เลยเหลิง
กรณีสมุทรสาครนี่ใช้เวลาสองสามวันเผ่นไปถึงอยุธยาแล้ว ในกรุงเทพฯ ทางผ่านจะมีสักแค่ไหนที่ยังไม่ได้ตรวจ จากที่พบต้นทางสุ่มตรวจพันกว่าคน ติดเชื้อ ๕๔๘ ล่าสุดตัวเลขทั้งประเทศ ผู้ติดเชื้อรายใหม่ ๕๗๖ คน และยอดสะสม ๔,๙๐๗
(มีรายงานหญิงวัย ๗๘ ปี บ้านอยู่ประชาชื่น ไปจ่ายตลาดมหาชัย กลับมามีอาการแสบจมูก แสบหน้าอก ปวดศีรษะ ลิ้นไม่รับรสอาหาร เจ็บคอ น้ำมูกไหล หายใจขัด พอไปตรวจพบว่าติดเชื้อไปแล้ว)
ใช้ความ ‘น่าจะเป็น’ ตามวิชาสถิติ นี่ถ้าตรวจคนกรุงเทพฯ สักล้าน อาจติดเชื้อกว่า ๕ แสนก็ได้ ในเมื่อการเดินทางด้วยรถเมล์ของแรงงาน ตีเสียว่ามหาชัยถึงคลองสานแค่ครึ่งชั่วโมงกว่าๆ เท่านั้น แล้วก็มีรถเมล์เกือบสิบสายเข้าถึงหัวลำโพง เทเวศร์ บางลำพู อนุสาวรีย์ชัยฯ
อย่างรายที่พบว่าติดเชื้อที่บางปะอิน นั้นเดินทางจากท่าตอนเข้ากรุงเทพฯ ด้วยรถบัสสองชั้นแล้วต่อวินจักรยานยนต์เข้าบ้านตีห้า ๑๘ ธ.ค. ตอนสายนั่งท้ายรถกระบะไปตรวจเชื้อที่โรงพยาบาลบางปะอิน เช้าวันรุ่งขึ้นไปเดินซื้อของที่ตลาดหมู่บ้านศรีทองก่อนรู้ผล
วันนี้เจอผู้ติดเชื้ออีกหนึ่งคน เป็นหญิงไทยวัย ๒๙ ปี เพิ่งกลับไปทำงานร้านเสริมสวยในจังหวัดเชียงใหม่ ทำให้ผู้ป่วยสะสมที่นั่นเพิ่มเป็น ๙ ราย เทียบเคียงดูก็แล้วกันว่าจุดย่อมๆ อย่างบางปะอิน ในวันสองวันเพิ่มสามราย และพื้นที่ไม่เนืองแน่นเช่นกรุงเทพฯ
ที่สมุทรสาครโกลาหลกันละสิ ‘ชมรมผู้ค้ากุ้ง’ ประกาศปิดตลาดกุ้ง ๒๑ ธันวา ถึง ๓ มกรา ทางจังหวัด “ขอความร่วมมือประชาชนงดเดินทางออกนอกพื้นที่ แนะสังเกตุอาการ #โควิด” ถึงจะเป็นวัวหายล้อมคอก ก็ยังดีกว่าอวดเก่ง
ถึงอย่างนั้น เสียงบ่นก็ยังดังระงม รายหนึ่ง (ใช้นาม ‘ผู้บัญชาการ อีกา’) บอกว่าโทษ “แรงงานต่างชาติ (ลักลอบเข้ามา จะด้วยตัวเองก็ดี จนท.เก็บหัวคิวก็ดี) มันหนีไม่พ้นความรับผิดชอบของผู้บริหารประเทศ” ซ้ำว่ายังมีเลวร้ายไปกว่านั้น
“โรงพยาบาลในพื้นที่ ขอรับบริจาคหน้ากาก (อนามัย) จากประชาชน” เนื่องจาก “ไม่ได้สั่งปุ๊บมาปั๊บ จากหน่วยงานกลาง ทั้งๆ ที่เราเคยเจอเรื่องนี้มาแล้วเมื่อต้นปี” นี่คือความสะเพร่า มักง่าย ไม่ได้ใส่ใจจริงจัง ระวังระไว อุดช่องโหว่ไว้เสียแต่ต้นมือ
ข่าวแรงงานข้ามชาติเริ่มทะลักกลับเข้าไทยฮือฮามาสองเดือนแล้ว ไม่เห็นมาตรการป้องกันที่เป็นรูปธรรม ส่วนคนธรรมดาค่าตรวจ “ก็แพงชิบหาย...ใครจะกล้าเอาเงินไปทิ้งตรวจวะ เงินสามพันหกพันของบางคนคือเงินทั้งเดือนอะ อีเหี้ย รัฐบาลส้นตีน” (@whyousoq)
ความ ‘สมเหตุสมผล’ ของสนนราคา ไม่ได้อยู่ที่ค่าตกแต่งห้องน้ำบนเครื่องบินวีวีไอพี ๕๔ ล้าน ได้มาตรฐาน ‘แอร์ฟ้อร์ชวัน’ ของประธานาธิบดีอเมริกัน แต่มันอยู่ที่อเมริกาเริ่มฉีดวัคซีนที่สั่งจองไฟ้เซอร์ไว้ ๑๐๐ ล้านโด๊สแล้ว อีกระลอกจากโมเดอร์น่ากำลังตามมา
ตามรายงาน ศบค.อัตราการเสียชีวิตจากโควิดในไทยแค่ ๖๐ คน แต่ก็สร้างความตื่นกลัวต่อคนนับสิบๆ ล้าน เพราะเห็นว่าแค่จุดเล็กๆ ไม่กี่วันเจอเกินครึ่งพัน โดยเฉพาะบนลานโซเชียลมีเดียก่นด่าจ้าละหวั่น รัฐบาลห่วย รัฐมนตรีไร้ประสิทธิภาพ
ทำเอา รมว.สาธารณสุข ซึ่งเกือบๆ จะดังเพราะกัญชา ตกสวรรค์ทันที แฮ้สแท็ก ‘๑ สิทธิ ๑ เสียง ร่วม #ถอดถอนอนุทิน’ (ชาญวีรกูล) ติดอันดับสองรองจาก #โควิดสมุทรสาคร บอกว่า รมว.ไม่มีศักยภาพในการควบคุมโรค “เก่งแต่ปาก
ครั้งเมื่อตอนระบาดแรกๆ บอกแค่โรคหวัดโรคนึง ระบาดรอบสอง บอกโควิดกระจอกงอกง่อย” วันนี้มีคนเสริม “ออกไปซะ ทั้งชุดยิ่งดี”
(https://www.matichonweekly.com/hot-news/article_382362, https://twitter.com/js100radio/status/1340510067842400263 และ https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=789799228418008&id=100021638151942)