วันจันทร์, ธันวาคม 21, 2563

รอยัล เวิลด์ ประเทศไทย ตัดเกรดในหลวง ร. 10 ในปี 2563 ให้ 7 จาก 10 (ปี64ก็เร่งหาเสียง​มากหน่อย ขนมาช่วยกันทั้งหมดเลยสิครับ)



Thanapol Eawsakul
19h ·

Royal World Thailand - รอยัล เวิลด์ ประเทศไทย ตัดเกรดในหลวง ร. 10 ในปี 2563 ให้ 7 จาก 10
ปล. ปีนี้ยังเหลืออีก 10 วันและ ไม่รวมการกลับมาใข้ 112 หลังจากก่อนหน้านี้ประยุทธ์บอกว่า ในหลวง ร.10 บอกว่าไม่ให้ใช้
...................
สำหรับทั้งปีที่ผ่านมานี้ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว อาจทรงตื่นพระองค์ช้าไป ที่ได้อยู่ใกล้ชิดประชาชนมากขึ้นในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี 2563 อย่างไรก็ตาม นับเป็นก้าวแรกดีกว่าไม่ทรงทำอะไรเลย กราฟอาจกำลังพุ่งขึ้นเรื่อยๆสำหรับคะแนนโดยรวมของพระองค์ ขอทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายคะแนน 7/10 มา ณ ที่นี้ ในปีพุทธศักราช 2564 จะได้เห็นพระราชกิจมากมายและสิ่งที่อาจเป็นประโยชน์ต่อส่วนพระองค์และส่วนรวมมากน้อยแค่ไหน ให้สมกับพระปฐมบรมราชโองการ สืบสาน รักษา ต่อยอด เพื่อความเสถียรภาพที่กำลังอยู่ในจุดหัวเลี้ยวหัวต่อ ให้กลับมาดีขึ้นไปอีกได้หรือไม่ โปรดติดตามต่อไป...
https://www.facebook.com/.../a.91883632.../3296400780464952/
...

Royal World Thailand - รอยัล เวิลด์ ประเทศไทย
20h ·

ตลอดปีพุทธศักราช 2563 นี้ เมื่อพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงผ่านเรื่องราวทั้งด้านบวกและลบ เฉกเช่นพระมหากษัตริย์ทั่วไป ในฐานะพระประมุขของประเทศ ทรงมีทั้งกลุ่มคนที่สนับสนุนและกลุ่มคนที่ต่อต้าน และกระแสวิจารณ์ต่างๆที่มีมากขึ้นอย่างเปิดเผยโดยที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ตลอดทั้งปีนี้ ทรงแสดงพระราชศักยภาพในฐานะพระมหากษัตริย์ และเสาหลักแห่งแผ่นดินมากน้อยแค่ไหนบ้าง?

ตั้งแต่ต้นปีจนถึงกลางปี จากที่ใช้เวลาประทับอยู่ในต่างประเทศเสียส่วนใหญ่ และเสด็จพระราชดำเนินกลับมาในช่วงพระราชพิธีหรืองานสำคัญเท่านั้น ทำให้ถูกมองว่าไม่มีความสนพระราชหฤทัยในความเป็นอยู่ของราษฎรในประเทศของพระองค์เองมากพอ ทั้งการปฏิบัติพระราชกิจแบบ One Day Trip และการที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ผู้แทนพระองค์ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ต่างๆแทนพระองค์ ทรงรับทราบรายงานความเป็นไปของโครงการหรืองานต่างๆจากผู้แทนพระองค์แทน

แม้แต่ประชาชนบางส่วนที่มีความจงรักภักดี ยังมีความเห็นว่า อาจดีกว่านี้หากทรงทำด้วยพระองค์เองมากขึ้น ให้สมกับหน้าที่ของพระมหากษัตริย์ ดีกว่าถูกมองว่าแปรพระราชฐานสบายไปวันๆ ส่งผลให้ภาพลักษณ์ที่ไม่เคยได้รับการพัฒนาย่ำแย่ลงไปอีก

ทั้งปีนี้เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากไปทั่วโลก เนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า เป็นโอกาสอันดีที่บุคคลสำคัญไม่ว่าจะพระประมุข หรือผู้นำประเทศแสดงศักยภาพเต็มที่ในการช่วยเหลือประชาชน ดังที่ได้เห็นพระราชวงศ์ต่างประเทศ ทรงปฏิบัติพระราชกิจด้วยพระองค์เองในการถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ อีกทั้งมีพระราชดำรัสพระราชทานกำลังใจถึงประชาชน นอกเหนือจากนี้ ยังทรงปฏิบัติตามมาตรการการป้องกันอย่างเคร่งครัดคือการใส่หน้ากากอนามัยและเว้นระยะห่างทางสังคมเป็นแบบอย่างแก่ประชาชนได้ดี

ภาพตัดกลับมาที่ประเทศไทย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ยังทรงถูกวิจารณ์มากมายว่าไม่แสดงถึงพระราชศักยภาพมากพอในช่วงที่ประชาชนต้องการกำลังใจจากเสาหลักของชาติ แม้ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ผู้แทนพระองค์เชิญสิ่งของและอุปกรณ์ทางการแพทย์พระราชทานมากมาย แม้กระทั่งทรงผลิตหน้ากากอนามัยด้วยพระองค์เองในเบื้องหลัง ทำให้เห็นว่ามีอะไรเป็นรูปเป็นร่างอยู่บ้าง แต่จะเป็นอย่างไรเมื่อข่าวๆดีเกี่ยวกับการพระราชทานความช่วยเหลือในช่วงนี้ถูกแทนที่การที่ประทับอยู่ต่างประเทศในใจของประชาชนหลายคน

หนำซ้ำ การที่เสด็จพระราชดำเนินกลับมาปฏิบัติพระราชกิจในช่วงที่โควิด-19 ระบาดแบบ One Day Trip และการไม่ปฏิบัติพระองค์เป็นแบบอย่างของมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดแก่ประชาชน ไม่เคยรักษาระยะห่าง ไม่เคยเห็นทรงหน้ากากอนามัยในสายตาสาธารณะ ทั้งในประเทศไทยเองยังไม่พ้นวิกฤตการแพร่ระบาดมากนัก เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ไม่น้อยกับการที่ทรงพระราชการ์ดตกจนถึงตอนนี้

กระทั่งช่วงเวลาที่ถูกเรียกว่า “ใกล้ถึงจุดแตกหักแห่งสายศรัทธา” กำลังคืบคลานเข้ามา เมื่อทรงถูกมองว่าละเลยหน้าที่ของพระมหากษัตริย์ ส่งผลให้สถาบันพระมหากษัตริย์โดยรวมถูกมองว่าไม่ปรับตัวเข้าหาประชาชน และเข้ากับยุคสมัยที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ กระแสสาธารณรัฐนิยมจึงเข้ามาอย่างรวดเร็ว ประกอบกับการชุมนุมทางการเมืองโดยมีสถาบันคือ 1 ในหมากของเกมนี้

ไม่ผิดที่ถูกมองว่า ม็อบไม่มา คงไม่แก้ จากที่ก่อนหน้านี้มีเสียงและกระแสอยากให้ปรับพระองค์อยู่เนืองๆ จนเมื่อการชุมนุมเข้ามา กลับได้ปฏิบัติพระราชกิจมากขึ้นจากที่ทรงงมโข่งมานาน ตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคมเป็นต้นมา มีหมายพระราชกิจต่างๆมากขึ้น ทรงงานหลายจังหวัดทั่วประเทศ และได้เห็นการเปลี่ยนแปลงมากขึ้นจากพระองค์เอง ไม่ว่าจะทั้งทรงทักทายประชาชนอย่างเป็นกันเองมากขึ้น จากที่คนรุ่นใหม่หลายคนยังไม่เคยได้เห็น อีกทั้งการพระราชทานเซลฟี่กับประชาชนครั้งแรกในประวัติศาสตร์เลยก็ว่าได้ การใช้เวลามีพระราชปฏิสันถารกับประชาชนมากขึ้นในสถานที่ต่างๆที่เสด็จพระราชดำเนินไป

แม้นถูกมองว่าทรงใส่พระราชหฤทัยกับประชาชนที่อยู่ฝ่ายสนับสนุนละจงรักภักดีเท่านั้น การแสดงถึงพระราชวิสัยทัศน์ที่ทรงมองประเทศเป็นดินแดนแห่งการประนีประนอม ดังที่เคยพระราชทานสัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศนั้น แม้นมีกระแสข่าวลือมากมายเกี่ยวกับพระองค์ที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวทางการเมืองในช่วงนี้ ทำให้ถูกมองว่าไม่สนใจใยดีประชาชนทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียมกัน​ หากแต่อีกมุมมองหนึ่งคือการระวังพระองค์อย่างดีในพระราชสถานะที่ทรงอยู่ ในช่วงที่สถาบันยังคงอยู่บนเส้นด้ายบางๆนี้ เรื่องราวยังคงไม่จบสิ้นและต้องติดตามกันต่อไป

สำหรับทั้งปีที่ผ่านมานี้ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว อาจทรงตื่นพระองค์ช้าไป ที่ได้อยู่ใกล้ชิดประชาชนมากขึ้นในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี 2563 อย่างไรก็ตาม นับเป็นก้าวแรกดีกว่าไม่ทรงทำอะไรเลย กราฟอาจกำลังพุ่งขึ้นเรื่อยๆสำหรับคะแนนโดยรวมของพระองค์ ขอทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายคะแนน 7/10 มา ณ ที่นี้ ในปีพุทธศักราช 2564 จะได้เห็นพระราชกิจมากมายและสิ่งที่อาจเป็นประโยชน์ต่อส่วนพระองค์และส่วนรวมมากน้อยแค่ไหน ให้สมกับพระปฐมบรมราชโองการ สืบสาน รักษา ต่อยอด เพื่อความเสถียรภาพที่กำลังอยู่ในจุดหัวเลี้ยวหัวต่อ ให้กลับมาดีขึ้นไปอีกได้หรือไม่ โปรดติดตามต่อไป...
----

Happy Time
คะเเนน7​ ปี64ก็เร่งหาเสียง​มากหน่อย ขนมาช่วยกันทั้ง30คนเลยสิครับ สนุกสนาน​เลยประเทศไทย​