วันพุธ, พฤศจิกายน 11, 2563

‘วัง’ ยังไม่ยอมปรับ แต่ ‘เนชัว’ ชิงแปลงไปก่อนแล้ว


วังยังไม่ยอมปรับ แต่ เนชัวชิงแปลงไปก่อนแล้ว –ที่เอาสถาบันและองค์กรมา ‘juxtapose’ เทียบคู่กันเช่นนี้ เพราะทั้งสองหน่วยนี่เดินในทิศทางเดียวกันมา วังสุดโต่งจะเป็นราชาธิปไตยสมบูรณ์ให้ได้ เนชัวนั้นตามแห่ตามยกเสียจนไม่เป็น สื่อ

จนกระทั่งเสียงเรียกร้องปฏิรูปสถาบันจากม็อบเยาวชนกระหึ่ม และมาตรการบอยคอตของผู้เสพสื่อสายประชาธิปไตยต่อองค์กรร้อนเร่า แม้นพระเจ้าอยู่หัวทรงแสดงออกด้วยดำรัส “กล้ามาก เก่งมาก ขอบใจมาก” แล้วตามด้วยล่าสุดที่อุดรให้ “...รักษาความวิเศษของความเป็นไทย”

แต่ เนชัวนั้นปรับใหญ่ไปแล้ว นัยว่าพยายามจะเอา เนชัน กลับมาใหม่ (จงใจตกไม้เอกให้คล้องจองกับเนชัว) เพื่อ “เป็นสถาบันสื่อเหมือนเดิม โดยการนำแนวปฏิบัติด้านจริยธรรมที่เรียกว่า เนชั่นเวย์ กลับมา หลังจากที่ผ่านมาถูกโจมตีในเรื่องจุดยืนทางการเมืองหลายครั้ง”

มิใยมีบางคนทักว่า “ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยเห็น Nation ตรวจสอบ รบ.ประยุทธ์และ คสช.เลย แล้วบอกว่าจะกลับไปเป็นแบบเก่า มันจะดีขึ้นตรงไหน” Burapa Lekluanngarm เสริม “ตั้งแต่ปี ๔๘ ทำข่าวเลือกฝั่งตรงข้าม ปชต.และหนุน พธม.กับ กปปส. จนนำไปสู่ยุคเผด็จการ”

ถึงอย่างนั้นคนที่จะกลับไป รัน เนชั่นทีวี (หน่วยที่เป็นตัวการทำให้ทั้งเครือกลายเป็นเนชัว) เพื่อเข้าสู่ยุค รีฟอร์มในฐานะซีอีโอ บอกว่าต่อนี้ไปจะเป็นทั้งผู้เฝ้าประตู กระจก ตะเกียง หมาเฝ้าบ้าน และโรงเรียน อย่างครบวงจร ไม่มีบิดเบี้ยว และ “เพื่อให้สังคมไทยก้าวทันโลกยุคดิจิทัล”


อดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ ผู้ซึ่งลุกขึ้นเดินจาก กรุ๊ปนี้ไปเมื่อสามปีก่อน หลังจากสร้างสรรและบุกเบิกให้แก่องค์กรนี้จน มีดีให้กลุ่มนายทุนเข้ามาซื้อกิจการแก้วิกฤตขาดแคลนปัจจัยไปได้ แต่ที่ติดมากับกลุ่มนายทุนใหม่เป็น ‘demagogues’ ทางการสื่อสาร

สนธิญาน หนูแก้ว อัญชะลี ไพรีรัก กนก รัตน์วงศ์สกุล สันติสุข มะโรงศรี ธีระ ธัญไพบูลย์ เป็นกลุ่มบุคคลากรที่ทำให้องค์กรถูกตราหน้าว่า ล้ำเส้นและ บิดเบี้ยวด้วยวิธีนำเสนอข่าวและบทวิจารณ์ซึ่งมุ่งโจมตีทางการเมืองต่อฝ่ายเห็นต่างเสียจนขาดแก่นสาร

แล้วยังก่อให้เกิดความชิงชังจากหมู่ชนจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นฝักฝ่ายการเมืองต่อต้านรัฐประหาร หรือเยาวชนรุ่นใหม่ที่ต้องการปลดแอกจากอนุรักษ์นิยม กระทั่งบรรณาธิการคนหนึ่งยอมรับว่า “เศร้าใจเมื่อเห็นน้องๆ ภาคสนาม เวลารายงานข่าวการชุมนุมต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ”

วีระศักดิ์ พงศ์อักษร รำพันประมาณว่าเนชัวกำลังจะเป็น หมาหัวเน่า(เรา) “ถึงจุดนี้ได้อย่างไร...น้องบางคนต้องปิดไมค์ ต้องไม่มีไมค์เนชั่น หรืออยู่ห่างจากม็อบ มันเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ขณะที่ช่องอื่น ๆ สามารถรายงานตรงกลางม็อบ กลางมวลชนได้”

เป็นไปได้ว่าการเปลี่ยนไปของเนชัวนี้ สะท้อนความตระหนักรู้ในความเป็นจริงที่ถูกบิดเบี้ยว ว่ามีคนจำนวนมากกว่าที่เห็นและได้ยิน ให้การสนับสนุนข้อเรียกร้องและความต้องการปฏิรูปของม็อบเยาวชน วัดได้จากคำบอกเล่าของ อจ.อณุสรณ์ อุณโณ


นักวิชาการรัฐศาสตร์ผู้เป็นหัวแรงจัดร่างรัฐธรรมนูญใหม่ฉบับประชาชนคนหนึ่ง ซึ่งขบวนการคนรุ่นใหม่ให้ความเชื่อถือ โพสต์เรื่อง ท่อน้ำเลี้ยง ไว้ว่าระหว่างนั่งคุยงานอยู่ที่โรงอาหาร มธ.ท่าพระจันทร์ เย็นวานนี้ “จู่ๆ ก็มีชายฉกรรจ์หัวเกรียนสวมเสื้อยืดเดินเข้ามาทางด้านหลังแล้วยื่นซองให้”

ชายผู้นั้นบอกว่า “ผมติดตามอาจารย์มานานแล้ว เลยอยากสมทบทุนสนับสนุนการทำกิจกรรม” ที่สำคัญกว่านั้นเขากล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “อยากบอกให้อาจารย์รู้ว่าพวกทหารชั้นผู้น้อยสนับสนุนการเคลื่อนไหวของอาจารย์และน้องๆ ครับ

เพราะว่าประเทศไทยจะต้องมีประชาธิปไตย แต่ว่าพวกเราแสดงออกไม่ได้เพราะติดในหน้าที่ ก็เลยขอช่วยสนับสนุนอาจารย์ทางนี้ครับ” ดังนั้นการ ประนีประนอมในประเทศนี้ดังที่พระเจ้าอยู่หัวดำรัสไว้เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว คงไม่ต้องการเพียง ความวิเศษของความเป็นไทยเท่านั้น

และไม่ใช่การ หาทางลง หรือ ใจอ่อนอย่างที่ อานนท์ นำภา บ่นว่าถูก “สื่อฝ่ายขวาเอาไปปั่น” แต่จะต้องเป็น ฉันทามติใหม่ที่เขาประกาศอีกครั้งว่าต้อง “เป็นไปตามนี้...ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้” คือตาม ๑๐ ข้อเสนอในการชุมนุมที่ธรรมศาสตร์ รังสิต

หากจะรวบรัดให้สั้น ๑๐ ข้อเสนอปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ของขบวนการราษฎรปลดแอก เป็นการ “กลับไป ๒๔๗๕ คือระบอบประชาธิปไตยที่ยังมีสถาบันกษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญ” นั่นแล

(https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=4649883911719635&id=100000942179021, https://www.facebook.com/anusorn.unno/posts/10158919639437716, https://www.bbc.com/thai/thailand-54837577?FLoYRFU และ https://www.facebook.com/thepeoplecoofficial/posts/1644266415745876)