วันพุธ, มกราคม 08, 2563

‘บักดอน’ ปากมอม 'ชักศึกเข้าบ้าน' อ้างสหรัฐแจ้งไทยก่อนส่งโดรนถล่มผู้บัญชาการทหารอิหร่าน

บักดอนนี่ ปากมอม(บางคนสะกดผิดเป็น หะมา) จริงๆ อย่างที่เขาว่ากันตรึมทางโซเชียลฯ เวลานี้ จะให้ตรงกับความประพฤติน่าจะเรียกว่า แกว่งปากหาเสี้ยน(อีกแหละ บางคนขี้เกียจเขียนยาว ลดคำท้ายเหลือแค่ ส้น)

“ชักศึกเข้าบ้าน ทำไมไม่เก็บเป็นความลับ เมิงมาประกาศโชว์อะไร” เป็นปฏิกิริยาจากผู้ใช้นาม พลศักดิ์ เชยคำแหง ทางเฟชบุ๊ค เกรี้ยวหน่อยแต่ยังไม่หนักเท่าไร พอตอบได้ว่ารัฐมนตรีต่างประเทศคนนี้ ที่ คสช.เก็บเอาไว้ใช้งานเพราะเห็นว่าจูงง่าย แค่กระดิกอวดนาย

เห็นเด็กรุ่นหลังกำลังจะแซงหน้าก็เลยโพล่งออกไป ตามข่าวว่าดอน ปรมัตถ์วินัย “ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายปณิธาน วัฒนายากร อยากให้รัฐบาลส่งสัญญาณ...ให้สหรัฐอเมริกาประนีประนอมหรือพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาความขัดแย้งระหว่างสหรัฐอเมริกาและอิหร่าน”

เป็นการเสนอแนะในนามของกลุ่มอาเซียน แต่ดอนต้องการเอาเด่นคนเดียว ด้วยความที่เป็นลูกไล่เผด็จการนานจนซึมซับสายเลือด ก็เลยลืมทั้งมารยาทและชั้นเชิงทางการทูต ปล่อยพล่อยออกไปว่า “ทางสหรัฐได้ประสานมายังไทยเมื่อวันที่ ๒ มกราคม”

แจ้งล่วงหน้าหนึ่งวันก่อนการใช้โดรนโจมตีที่สนามบินแบกแดด อันทำให้ สุไลมานี นายทหารนักวางแผนยุทธวิธีระดับสูงของอิหร่านเสียชีวิต พร้อมกับผู้นำระดับสูงทางทหารของอิรักอีกคนหนึ่ง จึงทำให้ต่อมารัฐสภาอิรักลงมติให้ขับกองทหารอเมริกันออกนอกประเทศ

การดำเนินยุทธศาสตร์เชิงรุกทางทหารเช่นนี้ของประธานาธิบดีดอแนลด์ ทรั้มพ์ เป็นความเสี่ยงต่อการเกิดสงครามขยายวงกว้างที่ประธานาธิบดีคนอื่นๆ ในอดีตตัดสินใจไม่ทำ ทั้งประธานาธิบดีบารัค โอบาม่า และจ๊อร์จ ดับเบิลยู บุสช์ ไม่ได้คิดถึงผลประโยชน์ในการหาเสียงอย่างทรั้มพ์

ต่างกับการกำจัดบิน ลาเด็น ที่เป็นการตอบโต้อย่างสุภาพบุรุษ มากกว่าการเปิดฉากล่าสังหาร เด็ดหัวผู้บัญชาการทหารอิหร่านซึ่งเป็นตัวการสำคัญรุกคืบ กระชับอำนาจอิทธิพลของอิหร่านในอิรักและพื้นที่ล่อแหลมอื่นในตะวันออกกลาง

นอกจากอิหร่านตอบโต้ทันควันด้วยการยิงระเบิด ๒ ลูกใส่ฐานทัพอากาศอิรัก ซึ่งเป็นที่ตั้งศูนย์บัญชาการทหารอเมริกันในภูมิภาค ตามด้วยการยิงจรวดนำวิถีใส่ที่ตั้งทางทหารอเมริกันในอิรักนับสิบในวันต่อๆ มา
 
แล้วยังมีการชักธงแดงเหนือสุเหร่าศักดิ์สิทธิ์จามคารานประกาศสงครามอย่างโจ่งแจ้ง อีกสองวันต่อมาก็ประกาศยกเลิกข้อตกลงจำกัดอาวุธปรมาณู และแต่งตั้งผู้บัญชาการทหารคนใหม่แทนสุไลมานี

แน่นอนด้วยการวิเคราะห์ทางยุทธศาสตร์การทหารเห็นพ้องกันว่า การตอบโต้โดยอิหร่านจะมีต่อไปไม่หยุดยั้ง (เหตุ ๙/๑๑ เกิดขึ้นด้วยปณิธานเช่นนี้) แต่จะไม่มีอะไรใหญ่โตถึงขั้นเกิดสงครามโลกครั้งที่สาม แม้จะมีนักรบไซเบอร์บางรายที่ชื่นชมทรั้มพ์เหลือหลาย พยายามวิเคราะห์เจาะไชอย่างผิดๆ

ว่าวิธีการกร้าวของทรั้มพ์ถูกต้อง เหมาะเจาะต่อจังหวะเวลา แม้จะมุ่งหมายแต่เพียงสร้างความเร้าใจให้กับฐานเสียงพวกขวาสุดโต่ง ขาวจั๊วสูงส่งเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองในการเลือกตั้งสมัยสองของทรั้มพ์ปลายปีนี้เท่านั้น

มันเป็นจังหวะเหมาะก็แต่เฉพาะพวกที่สนับสนุนทรั้มพ์โดยไม่ลืมหูลืมตา ด้วยความมุ่งมั่น ‘conviction’ อย่างเดียวคือแบ่งแยกฝักฝ่าย ‘partisan’ ไม่ได้ก่อผลต่ออารมณ์มวลรวมของประชากรอเมริกัน ซึ่งออกจะเป็นกังวลกันมากกว่า

ทันทีที่ปรากฏข่าวผู้นำทหารอิหร่านถูกสังหาร ตลาดหุ้นอเมริกันที่กำลังเฟื่องฟูเกิดอาการช็อคตกวูบ จากที่เคยคุยอวดกันนักหนาว่าตลอดเวลานับแต่ทรั้มพ์เข้าเป็นประธานาธิบดี หุ้นสหรัฐขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์ในรอบสิบๆ ปี

(ซึ่งผู้เขียนได้รับการยืนยันโดยส่วนตัวจากบุคคลระดับบริหารในตลาดการเงินสหรัฐ ว่าไม่ใช่เพราะฝีมือทรั้มพ์)

ฉะนี้การที่ดอน ปากพล่อย แบบเดียวกับทรั้มพ์ที่ทวี้ตว่าจะตามล้างอิหร่านต่อไปด้วยการทำลายสถานสำคัญทางวัฒนธรรมของอิหร่านด้วย อันผิดทั้งกฎหมายระหว่างประเทศและจริยธรรมสากล จนเพ็นตากอนต้องออกมาปฏิเสธแทบไม่ทัน

แล้วจากนั้นสภาผู้แทนฯ ก็ผ่านมติเพิ่มเติมกฎหมายห้ามประธานาธิบดีนำประเทศเข้าสู่สงคราม
 
คำพูดของดอนจึงเป็นการชักศึกเข้าบ้าน ดังที่ซัยยิดสุไลมาน ฮูซัยนี นักการศาสนาผู้นำมุสลิมชีอะห์ในประเทศไทยแถลงเตือนว่า “เป็นคำพูดที่เสี่ยงมาก...มันเท่ากับว่าไทยกับสหรัฐอเมริกาให้ความร่วมมือกันในเรื่อง (ลอบสังหาร) นี้ด้วย”

“นักการศาสนามุสลิมชีอะห์กล่าวและบอกว่า ตนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมท่านถึงไม่ฉลาดขนาดนั้น...เป็นคำพูดที่น่าตำหนิ ดึงไทยเข้าไปเกี่ยวโดยที่เราไม่ได้รู้เรื่องอะไรกับเขาเลย” ยิ่งเมื่อดอนอ้างในนามอาเซียน ยิ่งเหมือนจับเห็บใส่หัวมิตรประเทศ

การตอบโต้ของอิหร่านย่อมจะมีต่อไปไม่มีจุดจบ ตราบเท่าที่ยังมีประเทศอิหร่านและชนชาติเชื้อมุสลิมชีอะห์ อิหร่านคงไม่สามารถฆ่าทรั้มพ์ หรือคนสำคัญอเมริกันได้ แต่จะมีการก่อการร้ายและทำลายผู้คนและสถานที่มีผลประโยชน์อเมริกันผูกพันอยู่

ก่อนที่ดอนจะออกมาพูดพล่อยเช่นนี้ ประเทศไทยจัดว่า ไม่มีอะไรต้องห่วงในภาวะสงครามระหว่างสหรัฐกับอิหร่านที่ทรั้มพ์ก่อ ดังซัยยิดสุไลมานชี้ “เพราะไทยกับอีหร่านนั้นมีความสัมพันธ์ระหว่างกันที่ดีมาก” ต่อนี้ไป ไม่แน่เสียแล้ว ว่าจะมีลูกหลง


จะว่าเป็นความโชคร้ายของประเทศไทยที่มีรัฐมนตรีลิ่วล้อเผด็จการอย่างบักดอน ก็คงจะไม่เชิงนักในเมื่อยังมีประชากรส่วนหนึ่งเห็นพ้องและวางเฉย ปล่อยให้พวกลิ่วล้อเอาสันดานของนายมาใช้

ฉันใดก็ฉันนั้นกับพวกที่ปิดหูปิดตาแต่เปิดปากสนับสนุนทรั้มพ์ ในการ ชักศึกเข้าบ้าน เช่นกัน หวังแต่ว่าการตอบโต้จากอิหร่านจะไม่บังเอิญไปลงตรงที่พวกขาวจั๊วสูงส่งเหล่านั้นนั่งๆ นอนๆ อยู่พอดี