‘บักดอน’ นี่
‘ปากมอม’ (บางคนสะกดผิดเป็น ‘หะมา’) จริงๆ อย่างที่เขาว่ากันตรึมทางโซเชียลฯ
เวลานี้ จะให้ตรงกับความประพฤติน่าจะเรียกว่า ‘แกว่งปากหาเสี้ยน’
(อีกแหละ บางคนขี้เกียจเขียนยาว ลดคำท้ายเหลือแค่ ‘ส้น’)
“ชักศึกเข้าบ้าน ทำไมไม่เก็บเป็นความลับ เมิงมาประกาศโชว์อะไร”
เป็นปฏิกิริยาจากผู้ใช้นาม พลศักดิ์ เชยคำแหง ทางเฟชบุ๊ค
เกรี้ยวหน่อยแต่ยังไม่หนักเท่าไร พอตอบได้ว่ารัฐมนตรีต่างประเทศคนนี้ ที่
คสช.เก็บเอาไว้ใช้งานเพราะเห็นว่าจูงง่าย แค่กระดิกอวดนาย
เห็นเด็กรุ่นหลังกำลังจะแซงหน้าก็เลยโพล่งออกไป
ตามข่าวว่าดอน ปรมัตถ์วินัย “ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายปณิธาน วัฒนายากร
อยากให้รัฐบาลส่งสัญญาณ...ให้สหรัฐอเมริกาประนีประนอมหรือพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาความขัดแย้งระหว่างสหรัฐอเมริกาและอิหร่าน”
เป็นการเสนอแนะในนามของกลุ่มอาเซียน
แต่ดอนต้องการเอาเด่นคนเดียว ด้วยความที่เป็นลูกไล่เผด็จการนานจนซึมซับสายเลือด ก็เลยลืมทั้งมารยาทและชั้นเชิงทางการทูต
ปล่อยพล่อยออกไปว่า “ทางสหรัฐได้ประสานมายังไทยเมื่อวันที่ ๒ มกราคม”
แจ้งล่วงหน้าหนึ่งวันก่อนการใช้โดรนโจมตีที่สนามบินแบกแดด
อันทำให้ สุไลมานี นายทหารนักวางแผนยุทธวิธีระดับสูงของอิหร่านเสียชีวิต พร้อมกับผู้นำระดับสูงทางทหารของอิรักอีกคนหนึ่ง
จึงทำให้ต่อมารัฐสภาอิรักลงมติให้ขับกองทหารอเมริกันออกนอกประเทศ
การดำเนินยุทธศาสตร์เชิงรุกทางทหารเช่นนี้ของประธานาธิบดีดอแนลด์
ทรั้มพ์ เป็นความเสี่ยงต่อการเกิดสงครามขยายวงกว้างที่ประธานาธิบดีคนอื่นๆ
ในอดีตตัดสินใจไม่ทำ ทั้งประธานาธิบดีบารัค โอบาม่า และจ๊อร์จ ดับเบิลยู บุสช์ ไม่ได้คิดถึงผลประโยชน์ในการหาเสียงอย่างทรั้มพ์
ต่างกับการกำจัดบิน ลาเด็น
ที่เป็นการตอบโต้อย่างสุภาพบุรุษ มากกว่าการเปิดฉากล่าสังหาร
เด็ดหัวผู้บัญชาการทหารอิหร่านซึ่งเป็นตัวการสำคัญรุกคืบ กระชับอำนาจอิทธิพลของอิหร่านในอิรักและพื้นที่ล่อแหลมอื่นในตะวันออกกลาง
นอกจากอิหร่านตอบโต้ทันควันด้วยการยิงระเบิด
๒ ลูกใส่ฐานทัพอากาศอิรัก ซึ่งเป็นที่ตั้งศูนย์บัญชาการทหารอเมริกันในภูมิภาค ตามด้วยการยิงจรวดนำวิถีใส่ที่ตั้งทางทหารอเมริกันในอิรักนับสิบในวันต่อๆ
มา
แล้วยังมีการชักธงแดงเหนือสุเหร่าศักดิ์สิทธิ์จามคารานประกาศสงครามอย่างโจ่งแจ้ง
อีกสองวันต่อมาก็ประกาศยกเลิกข้อตกลงจำกัดอาวุธปรมาณู
และแต่งตั้งผู้บัญชาการทหารคนใหม่แทนสุไลมานี
แน่นอนด้วยการวิเคราะห์ทางยุทธศาสตร์การทหารเห็นพ้องกันว่า
การตอบโต้โดยอิหร่านจะมีต่อไปไม่หยุดยั้ง (เหตุ ๙/๑๑ เกิดขึ้นด้วยปณิธานเช่นนี้) แต่จะไม่มีอะไรใหญ่โตถึงขั้นเกิดสงครามโลกครั้งที่สาม
แม้จะมีนักรบไซเบอร์บางรายที่ชื่นชมทรั้มพ์เหลือหลาย พยายามวิเคราะห์เจาะไชอย่างผิดๆ
ว่าวิธีการกร้าวของทรั้มพ์ถูกต้อง
เหมาะเจาะต่อจังหวะเวลา แม้จะมุ่งหมายแต่เพียงสร้างความเร้าใจให้กับฐานเสียงพวกขวาสุดโต่ง
‘ขาวจั๊วสูงส่ง’ เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองในการเลือกตั้งสมัยสองของทรั้มพ์ปลายปีนี้เท่านั้น
มันเป็นจังหวะเหมาะก็แต่เฉพาะพวกที่สนับสนุนทรั้มพ์โดยไม่ลืมหูลืมตา
ด้วยความมุ่งมั่น ‘conviction’ อย่างเดียวคือแบ่งแยกฝักฝ่าย
‘partisan’ ไม่ได้ก่อผลต่ออารมณ์มวลรวมของประชากรอเมริกัน
ซึ่งออกจะเป็นกังวลกันมากกว่า
ทันทีที่ปรากฏข่าวผู้นำทหารอิหร่านถูกสังหาร
ตลาดหุ้นอเมริกันที่กำลังเฟื่องฟูเกิดอาการช็อคตกวูบ จากที่เคยคุยอวดกันนักหนาว่าตลอดเวลานับแต่ทรั้มพ์เข้าเป็นประธานาธิบดี
หุ้นสหรัฐขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์ในรอบสิบๆ ปี
(ซึ่งผู้เขียนได้รับการยืนยันโดยส่วนตัวจากบุคคลระดับบริหารในตลาดการเงินสหรัฐ
ว่าไม่ใช่เพราะฝีมือทรั้มพ์)
ฉะนี้การที่ดอน ‘ปากพล่อย’ แบบเดียวกับทรั้มพ์ที่ทวี้ตว่าจะตามล้างอิหร่านต่อไปด้วยการทำลายสถานสำคัญทางวัฒนธรรมของอิหร่านด้วย
อันผิดทั้งกฎหมายระหว่างประเทศและจริยธรรมสากล
จนเพ็นตากอนต้องออกมาปฏิเสธแทบไม่ทัน
แล้วจากนั้นสภาผู้แทนฯ ก็ผ่านมติเพิ่มเติมกฎหมายห้ามประธานาธิบดีนำประเทศเข้าสู่สงคราม
คำพูดของดอนจึงเป็นการชักศึกเข้าบ้าน
ดังที่ซัยยิดสุไลมาน ฮูซัยนี นักการศาสนาผู้นำมุสลิมชีอะห์ในประเทศไทยแถลงเตือนว่า
“เป็นคำพูดที่เสี่ยงมาก...มันเท่ากับว่าไทยกับสหรัฐอเมริกาให้ความร่วมมือกันในเรื่อง
(ลอบสังหาร) นี้ด้วย”
“นักการศาสนามุสลิมชีอะห์กล่าวและบอกว่า
ตนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมท่านถึงไม่ฉลาดขนาดนั้น...เป็นคำพูดที่น่าตำหนิ
ดึงไทยเข้าไปเกี่ยวโดยที่เราไม่ได้รู้เรื่องอะไรกับเขาเลย”
ยิ่งเมื่อดอนอ้างในนามอาเซียน ยิ่งเหมือนจับเห็บใส่หัวมิตรประเทศ
การตอบโต้ของอิหร่านย่อมจะมีต่อไปไม่มีจุดจบ
ตราบเท่าที่ยังมีประเทศอิหร่านและชนชาติเชื้อมุสลิมชีอะห์
อิหร่านคงไม่สามารถฆ่าทรั้มพ์ หรือคนสำคัญอเมริกันได้
แต่จะมีการก่อการร้ายและทำลายผู้คนและสถานที่มีผลประโยชน์อเมริกันผูกพันอยู่
ก่อนที่ดอนจะออกมาพูดพล่อยเช่นนี้
ประเทศไทยจัดว่า ‘ไม่มีอะไรต้องห่วง’ ในภาวะสงครามระหว่างสหรัฐกับอิหร่านที่ทรั้มพ์ก่อ ดังซัยยิดสุไลมานชี้ “เพราะไทยกับอีหร่านนั้นมีความสัมพันธ์ระหว่างกันที่ดีมาก”
ต่อนี้ไป ‘ไม่แน่เสียแล้ว’ ว่าจะมีลูกหลง
(https://www.publicpostonline.net/33739COPqTS8EI และ https://www.matichon.co.th/politics/news_1871127)
จะว่าเป็นความโชคร้ายของประเทศไทยที่มีรัฐมนตรีลิ่วล้อเผด็จการอย่างบักดอน
ก็คงจะไม่เชิงนักในเมื่อยังมีประชากรส่วนหนึ่งเห็นพ้องและวางเฉย ปล่อยให้พวกลิ่วล้อเอาสันดานของนายมาใช้