#ในวันที่หลายคนดูใจเย็นกับปัญหาฝุ่นพิษ
ช่วงที่ผ่านมาสถานการณ์ฝุ่นละอองเข้าขั้น ‘น่าเป็นห่วง’ อยู่หลายวัน บางวันก็ดีหน่อย บางวันก็แย่
รูปประกอบนี้หมอถ่ายเองเมื่อเช้าวันศุกร์ที่ผ่านมา ไม่ได้แต่งเติมภาพใดๆ
สำหรับชาวกรุง ฝุ่นพิษช่วงนี้น้อยลงไปหน่อยเพราะฝนตก แต่ในอีกไม่กี่วันก็อาจจะกลับมาใหม่ แต่ที่น่าห่วงคือทางภาคเหนือ ระดับฝุ่นพิษค่อนข้างสูงทีเดียวในช่วงนี้
เรื่องของฝุ่นพิษ สิ่งที่เราน่าจะทำได้คือการจัดการแก้ไขปัญหา และหาทางป้องกันไม่ให้ปีหน้าแย่ลงกว่านี้ เพราะคิดว่าปัญหาก็คงเป็นเหมือนเดิมในปีถัดๆไป
.
หมอลองคิดว่าในส่วนตัวเองนั้น จะพอทำอะไรได้บ้าง ส่วนตัวคือพยายามใช้รถยนต์ให้น้อยลง นั่งรถสาธารณะมากขึ้น จริงๆ ถ้ารถเมล์ของบ้านเราสามารถปรับปรุงให้น่าใช้บริการมากกว่านี้ก็คงดี เพราะนอกจากจะรอนานกว่าจะมาสักคัน การบริการก็ยังไม่ได้มาตรฐาน บางคันนอกจากมีควันดำมาก ยังขับเร็วและไม่ค่อยปลอดภัย นอกจากนั้นพยายามปลูกต้นไม้มากขึ้น
สำหรับการป้องกันตัวเอง ตอนออกจากบ้านก็ใส่หน้ากากกรองฝุ่น แต่มองเห็นหลายๆคนมากมายที่ไม่ได้ใส่หน้ากาก
ไม่แน่ใจว่าทุกคนดูเหมือนจะใจเย็นกันมากขึ้นกว่าปีที่แล้วหรือเปล่า
แต่จริงๆ ปัญหานี้อันตรายและน่ากลัว มีผลกระทบในระยะสั้นและยาวกับร่างกายและสุขภาพจิตด้วย
มีงานวิจัยที่บอกว่ามีผลกับหัวใจและปอด ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว รวมถึงส่งผลต่อเด็กๆ ที่กำลังเติบโตด้วย
.
หมอคิดถึงรัฐบาล อยากให้รัฐบาลช่วยออกนโยบายที่ชัดเจนและจริงจังมากขึ้นเพื่อแก้ปัญหา
หมอได้อ่านข่าวที่พูดถึงนโยบายของรัฐบาลจีนในการแก้ปัญหาอย่างได้ผล ไม่แน่ใจว่าประเทศไทยจะนำมาปรับใช้อย่างไรได้บ้าง
สิ่งที่ประเทศจีนทำในการแก้ไขเรื่องฝุ่นพิษคือ
-ยกเลิกเตาเผาถ่านหินตามหมู่บ้าน
-โละรถยนต์หลายแสนคันที่ปล่อยควันมาก
-มีการสั่งปิดโรงงานที่ปล่อยควันพิษ และใช้กฎหมายที่ควบคุมมีการจับและปรับเป็นเงินที่สูงมาก
-มีการสนับสนุนรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า มีที่ชาร์ตเพียงพอ
-รถสาธารณะของเขาก็ปรับเปลี่ยนมาใช้เป็นระบบไฟฟ้า เช่น แท๊กซี่ รถเมล์
-นอกจากนั้นมีแผนที่ชัดเจนในการปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียว โดยล่าสุดพื้นที่สีเขียวในปักกิ่งมีมากเกือบครึ่งหนึ่งของพื้นที่ทั้งหมดของเมืองหลวง
สำคัญที่สุด รัฐบาลและหน่วยงานมีการบังคับใช้กฎหมายจริงจังกับคนที่ทำผิดกฎ ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์ โรงงานที่ปล่อยควันพิษไม่ได้มาตรฐาน
ตรงนี้ทำให้ค่าฝุ่นพิษในประเทศจีนมีแนวโน้มลดลงมาเรื่อยๆ ก็น่าสนใจดี
หมอหวังว่ารัฐบาลจะมีนโยบายที่ชัดเจนในเรื่องนี้มากขึ้น ไม่อย่างนั้นก็เป็นห่วงว่าปีหน้าและอนาคตจะเป็นอย่างไร
.
แต่สำหรับปัจจุบันที่เรากำลังเผชิญกับฝุ่นที่อยู่ในอากาศที่เราหายใจ เราจะทำอย่างไรดี
อย่างแรกคือ เราต้องช่วยตัวเอง พึ่งตัวเอง อย่าไปรอให้ใครมาช่วยเรา
พุทธสุภาษิตที่บอกว่า 'อตตาหิ อตตโน นาโถ’ หรือ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ใช้ได้เสมอไม่ว่าเมื่อไหร่
นั่งคิดว่าจะพึ่งตัวเองอย่างไรได้ ก็มีวิธีการต่างๆ เช่น การใส่หน้ากาก อย่าออกจากบ้านถ้าไม่จำเป็น ซื้อเครื่องฟอกอากาศมาใช้ ปิดประตูหน้าต่างให้มิดชิด ถ้าสะดวกก็ย้ายบ้านไปอยู่จังหวัดที่ฝุ่นน้อยๆชั่วคราวสัก 2-3 เดือน(ข้อหลังสุดนี่อุดมคติมาก หมออยากทำ แต่ต้องตรวจคนไข้ค่ะ ไปไหนไม่ได้55)
แต่เขียนไปเขียนมาก็เป็นห่วงคนที่ขาดศักยภาพในการพึ่งตัวเอง แล้วเขาจะทำอย่างไร ใครจะมีเงินซื้อเครื่องฟอกอากาศมาใช้ได้ทุกคน บางคนหน้ากากยังไม่มีเงินซื้อ คนหาเช้ากินค่ำที่ต้องออกกลางแจ้งทุกวันเช่น วินมอเตอร์ไซค์ คนขายของริมถนน มันเป็นความลำบากที่เลือกชีวิตไม่ได้จริงๆ
.
เรื่องบางเรื่องเป็นเรื่องที่ต้องมีคนสนใจ เรื่องสำคัญอย่างฝุ่นพิษก็เช่นกัน เป็นเรื่องที่ห้ามใจเย็นหรือปล่อยปละละเลย
เป็นกำลังใจให้ทุกๆคนที่กำลังเผชิญกับฝุ่นไปด้วยกัน และหวังว่าทางผู้ที่มีหน้าทีรับผิดชอบในการออกนโยบายป้องกันและจัดการปัญหาระยะยาวจะมีวิธีที่จะแก้ไขปัญหานี้ได้ทั้งในวันนี้และอนาคตต่อไป
หมายเหตุ: ข้อมูลเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาของประเทศจีนได้มาจากบทความนี้นะคะ ขอขอบคุณผู้เขียนด้วยค่ะ https://www.facebook.com/348166825314887/posts/1761360977328791/?d=n
#หมอมินบานเย็น
เข็นเด็กขึ้นภูเขา