เศร้าไปนิดที่บิดาเสียชีวิต
แต่การสูญเสียไม่ได้ทำให้ชายชาติ....อย่าง ประยุทธ์ จันทร์โอชา พูดน้อยลงไปได้
(ต้องขอบใจ ‘วาสนา’
รายงาน) พูดนั่นพูดนี่เต็มพรืดสวนกระแสคนเบื่อและ ‘ไล่’ แต่ยังไม่โต้เรื่องเดียว บิดาขายที่ดิน ๖๐๐ ล้านบาท
“พันเอกประพัฒน์ จันทร์โอชา
ป่วยด้วยโรคหลอดเลือดสมองตีบ และมีอาการสมองเสื่อม เข้าๆ ออกๆ รพ.มาระยะหนึ่งแล้ว”
ก่อนหน้านี้เคยถูกศาลสั่งให้เป็นบุคคลไร้ความสามารถ
ท้ายสุดจากไปอย่างสงบที่ศิริราช จังหวะที่ฝ่ายค้านกำลังเตรียมจะอภิปราย
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง
ที่เพิ่งเข้าไปเป็นหัวหน้าทีมอภิปรายพรรคเพื่อไทย หลังจากเกิดกระทบกระทั่ง*ระหว่างกลุ่ม ส.ส.อีสาน กับคุณหญิงสุดารัตน์
เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์ฯ เริ่มออกมาแฉเรื่องราคาที่ดินของบิดา
พล.อ.ประยุทธ์เกินจริง
*(หมายเหตุ
ข่าวว่า ส.ส.อีสานกว่า ๕๐ คนเดินทางไปพบอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ที่ดูไบแสดงความไม่พอใจการทำหน้าที่ประธานยุทธศาสตร์ฯ
ของ ‘หญิงหน่อย’ ทำให้ลือกันว่าสุดารัตน์เตรียมลาออกจากตำแหน่งนั้น)
ที่ดิน ๕๐ ไร่กว่าๆ ราคาประเมินตามแบบแผนทางการราว
๑๙๕ ล้านครึ่ง บริษัททีซีซีโฮลดิ้งของเสี่ย เจริญ สิริวัฒนภักดี ซึ่งมีที่ตั้งอยู่หมู่เกาะเวอร์จินของอังกฤษ
ซื้อไปตั้งนานแล้วก็ยังไม่ได้มีการพัฒนาอะไร (ผิดวิสัยเสี่ยประชารัฐ) มีรายงานทำประโยชน์ได้
๑๕๐ กว่าบาท
เมื่อวานประยุทธ์พูดกับนักข่าวยาว
“ระบายความรู้สึกเกือบครึ่งชั่วโมง...ใครจะตำหนิ ต่อว่าอะไรก็ตาม
ก็เอาเถอะ เรื่องไหนที่ทุจริตผิดกฎหมายก็ว่ามา ชี้แจงได้ก็จบ ถ้าชี้แจงไม่ได้
ก็ไปขึ้นกระบวนการศาล...พูดกันไป บอกกันมา
จนเกลียดชังหมด”
พาดพิงเรื่องที่ประชากรอิดหนาตนไม่มีปัญญาแก้เศรษฐกิจแล้วยังตื๊อจะอยู่ยาว
เขาพากันจัดวิ่งไล่ให้ ‘ออกไป’ กันทั่วประเทศวันที่ ๑๒ นี้ แถมโพลบอกคนชอบวิ่งไล่ไม่ชอบวิ่งเชียร์
เพื่อที่จะได้สำนึกหาทางแก้ความอดอยากปากแห้งของชาวบ้านจริงจัง
แทนที่จะรู้สึก
ประยุทธ์กลับกล่าวหาว่าการไล่ตนทำให้ชาติเสียประโยชน์
อ้างคนไล่จำนวนหมื่นคนเสียหาย ๖๐ ล้าน “วันนี้ผม พยายามทำดีที่สุด
รับทุกปัญหาของประชาชนมาคิด กลับบ้านก็คิด เสาร์อาทิตย์ก็คิด เย็นกลับไปก็คิด”
ใช้ความคิดเยอะ (แต่คิดอย่างไรก็คิดไม่ออก)
“เปรย สมองผมหายไปครึ่งนึง...ทำไมไม่ช่วยผมบ้าง” ทำตัวของตัวเองนั่นแล
แม้จะใช้ทั้งกำลังและเล่ห์กลกำจัดคนที่มาเบียดบังรัศมี แต่ถึงที่สุดก็เข้าตาจนด้วยตนเอง
เพราะความเหลิง
อันสมองของคนนั้นไม่มีหดไม่มีพองดอก ปริมาณไม่สำคัญนอกจากคุณภาพ
ความแตกต่างของสติปัญญาบางทีอยู่ที่กรรมพันธุ์ การฝึกฝนที่ถูกวิธีสามารถ ‘อัพเกรด’ ปัญญาได้ คือเรียนรู้
อ่านและคิดให้ต้องตามหลักการสากล
หากเอาแต่ลุ่มหลงและงี่เง่าเต่าตุ่น
ยิ่งคิดก็ยิ่งเคว้ง ถึงได้เข้าใจตนเองว่าสมองหด ผู้นำแบบนี้นี่เองที่ทำให้คำของ ‘หนูดี’ กลายเป็นคล้าสสิค เมื่อหล่อนนำปัญหาน้ำท่วมไปเปรียบเทียบว่านายกฯ
โง่ ทว่ายุคนี้ (คสช.๒) ไม่เพียงปัญหาน้ำท่วมที่ทำให้หนูดีกลับมาดัง ต้องแถม ‘น้ำแล้ง’ เข้าไปด้วย
วานนี้เหมือนกัน
ประยุทธ์พูดถึงการแก้ภัยแล้งว่า “รัฐบาลจะไปทำอะไรให้ทุกอย่างคงไม่ได้...ท่านก็ต้องช่วยตัวเองบ้าง
เช่น ขุดบ่อ” รอน้ำเหรอ ไม่ใช่ ลุงตุ่นของสลิ่มสาธยายว่า “บางพื้นที่ต้นทุนน้ำไม่พอ
ถึงจะมีเขื่อนก็ไม่พอ”
ฉะนั้น “จึงต้องมีแหล่งน้ำในพื้นที่ เช่น
การขุดลอกคูคลอง หรือแหล่งน้ำธรรมชาติ” ทั่นเรียกว่า “ขุดดินแลกน้ำ...ส่วนดินที่ขุดเจ้าของที่ก็ขายให้คนที่ขุดไป
ตนถามแล้วตามกฎหมายทำได้” นี่ไง ข่าวมติชนเขาถึงได้เรียกว่า “ไอเดียบรรเจิด”
(https://www.matichonweekly.com/hot-news/article_262179, https://www.facebook.com/theclear999/photos/a.1500255136910862/2578555142414184/?type=3&theater,
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=2773670232691417&set=a.440635312661599&type=3
และ https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/860935)
‘บรรเจิด’
ในกรณีนี้คงจะหมายความว่า ‘บรรเจิดเลิ่ดแล้ว’ มากกว่าบรรเจิดเพริดแพร้ว
เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาของการครองอำนาจโดยหัวหน้า คสช. ๕ ปี ประยุทธ์ออกไอเดียให้สาธารณชนปฏิบัติแต่ละอย่าง
ล้วนแต่ ‘งี่เง่า’ ทั้งนั้น