วันอังคาร, มกราคม 07, 2563

สมองของคนนั้นไม่มีหดไม่มีพองดอก ความแตกต่างของสติปัญญาบางทีอยู่ที่กรรมพันธุ์


เศร้าไปนิดที่บิดาเสียชีวิต แต่การสูญเสียไม่ได้ทำให้ชายชาติ....อย่าง ประยุทธ์ จันทร์โอชา พูดน้อยลงไปได้ (ต้องขอบใจ วาสนา รายงาน) พูดนั่นพูดนี่เต็มพรืดสวนกระแสคนเบื่อและ ไล่ แต่ยังไม่โต้เรื่องเดียว บิดาขายที่ดิน ๖๐๐ ล้านบาท

“พันเอกประพัฒน์ จันทร์โอชา ป่วยด้วยโรคหลอดเลือดสมองตีบ และมีอาการสมองเสื่อม เข้าๆ ออกๆ รพ.มาระยะหนึ่งแล้ว” ก่อนหน้านี้เคยถูกศาลสั่งให้เป็นบุคคลไร้ความสามารถ ท้ายสุดจากไปอย่างสงบที่ศิริราช จังหวะที่ฝ่ายค้านกำลังเตรียมจะอภิปราย

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่เพิ่งเข้าไปเป็นหัวหน้าทีมอภิปรายพรรคเพื่อไทย หลังจากเกิดกระทบกระทั่ง*ระหว่างกลุ่ม ส.ส.อีสาน กับคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์ฯ เริ่มออกมาแฉเรื่องราคาที่ดินของบิดา พล.อ.ประยุทธ์เกินจริง

*(หมายเหตุ ข่าวว่า ส.ส.อีสานกว่า ๕๐ คนเดินทางไปพบอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ที่ดูไบแสดงความไม่พอใจการทำหน้าที่ประธานยุทธศาสตร์ฯ ของ หญิงหน่อยทำให้ลือกันว่าสุดารัตน์เตรียมลาออกจากตำแหน่งนั้น)
 
ที่ดิน ๕๐ ไร่กว่าๆ ราคาประเมินตามแบบแผนทางการราว ๑๙๕ ล้านครึ่ง บริษัททีซีซีโฮลดิ้งของเสี่ย เจริญ สิริวัฒนภักดี ซึ่งมีที่ตั้งอยู่หมู่เกาะเวอร์จินของอังกฤษ ซื้อไปตั้งนานแล้วก็ยังไม่ได้มีการพัฒนาอะไร (ผิดวิสัยเสี่ยประชารัฐ) มีรายงานทำประโยชน์ได้ ๑๕๐ กว่าบาท

เมื่อวานประยุทธ์พูดกับนักข่าวยาว “ระบายความรู้สึกเกือบครึ่งชั่วโมง...ใครจะตำหนิ ต่อว่าอะไรก็ตาม ก็เอาเถอะ เรื่องไหนที่ทุจริตผิดกฎหมายก็ว่ามา ชี้แจงได้ก็จบ ถ้าชี้แจงไม่ได้ ก็ไปขึ้นกระบวนการศาล...พูดกันไป บอกกันมา จนเกลียดชังหมด”

พาดพิงเรื่องที่ประชากรอิดหนาตนไม่มีปัญญาแก้เศรษฐกิจแล้วยังตื๊อจะอยู่ยาว เขาพากันจัดวิ่งไล่ให้ ออกไปกันทั่วประเทศวันที่ ๑๒ นี้ แถมโพลบอกคนชอบวิ่งไล่ไม่ชอบวิ่งเชียร์ เพื่อที่จะได้สำนึกหาทางแก้ความอดอยากปากแห้งของชาวบ้านจริงจัง

แทนที่จะรู้สึก ประยุทธ์กลับกล่าวหาว่าการไล่ตนทำให้ชาติเสียประโยชน์ อ้างคนไล่จำนวนหมื่นคนเสียหาย ๖๐ ล้าน “วันนี้ผม พยายามทำดีที่สุด รับทุกปัญหาของประชาชนมาคิด กลับบ้านก็คิด เสาร์อาทิตย์ก็คิด เย็นกลับไปก็คิด”

ใช้ความคิดเยอะ (แต่คิดอย่างไรก็คิดไม่ออก) “เปรย สมองผมหายไปครึ่งนึง...ทำไมไม่ช่วยผมบ้าง” ทำตัวของตัวเองนั่นแล แม้จะใช้ทั้งกำลังและเล่ห์กลกำจัดคนที่มาเบียดบังรัศมี แต่ถึงที่สุดก็เข้าตาจนด้วยตนเอง เพราะความเหลิง

อันสมองของคนนั้นไม่มีหดไม่มีพองดอก ปริมาณไม่สำคัญนอกจากคุณภาพ ความแตกต่างของสติปัญญาบางทีอยู่ที่กรรมพันธุ์ การฝึกฝนที่ถูกวิธีสามารถ อัพเกรด ปัญญาได้ คือเรียนรู้ อ่านและคิดให้ต้องตามหลักการสากล

หากเอาแต่ลุ่มหลงและงี่เง่าเต่าตุ่น ยิ่งคิดก็ยิ่งเคว้ง ถึงได้เข้าใจตนเองว่าสมองหด ผู้นำแบบนี้นี่เองที่ทำให้คำของ หนูดี กลายเป็นคล้าสสิค เมื่อหล่อนนำปัญหาน้ำท่วมไปเปรียบเทียบว่านายกฯ โง่ ทว่ายุคนี้ (คสช.๒) ไม่เพียงปัญหาน้ำท่วมที่ทำให้หนูดีกลับมาดัง ต้องแถม น้ำแล้งเข้าไปด้วย

วานนี้เหมือนกัน ประยุทธ์พูดถึงการแก้ภัยแล้งว่า รัฐบาลจะไปทำอะไรให้ทุกอย่างคงไม่ได้...ท่านก็ต้องช่วยตัวเองบ้าง เช่น ขุดบ่อ” รอน้ำเหรอ ไม่ใช่ ลุงตุ่นของสลิ่มสาธยายว่า “บางพื้นที่ต้นทุนน้ำไม่พอ ถึงจะมีเขื่อนก็ไม่พอ”

ฉะนั้น “จึงต้องมีแหล่งน้ำในพื้นที่ เช่น การขุดลอกคูคลอง หรือแหล่งน้ำธรรมชาติ” ทั่นเรียกว่า “ขุดดินแลกน้ำ...ส่วนดินที่ขุดเจ้าของที่ก็ขายให้คนที่ขุดไป ตนถามแล้วตามกฎหมายทำได้” นี่ไง ข่าวมติชนเขาถึงได้เรียกว่า “ไอเดียบรรเจิด”


บรรเจิด ในกรณีนี้คงจะหมายความว่า บรรเจิดเลิ่ดแล้วมากกว่าบรรเจิดเพริดแพร้ว เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาของการครองอำนาจโดยหัวหน้า คสช. ๕ ปี ประยุทธ์ออกไอเดียให้สาธารณชนปฏิบัติแต่ละอย่าง ล้วนแต่  งี่เง่า ทั้งนั้น