วันอังคาร, มกราคม 14, 2563

สรุป พ้นรายการ ‘วิ่งไล่’ และ 'เดินเชี่ยร์' "หัวกระดกแต่หางฟาด"

หัวกระดกแต่หางฟาดพ้นรายการ วิ่งไล่ไม่ทันข้ามวัน ส่วนหัวพูดอ่อยกับยุวชน “ผมไม่ได้เป็นศัตรูกับใครเลย ใครจะเชียร์ จะไล่ จะอะไร ผมไม่ใช่ศัตรูพวกท่าน แต่ทุกคนจะทำอย่างไรให้เกิดความร่วมมือ ขับเคลื่อนประเทศชาติไปข้างหน้า ดีกว่ามาเสียเวลากับเรื่องเหล่านี้”

แต่ส่วนหางฟาดฟันไม่หยุด ตั้งแต่ก่อนวิ่ง ตำรวจตามท้องที่หลายแห่งกีดกันไม่ให้จัดงาน #วิ่งไล่ลุง บ้างสกัดกั้นด้วยการกดดันจนต้องย้ายสถานที่จัด บ้างตรวจเข้มก่อนเข้างาน บ้างห้ามใส่เสื้อที่มีคำว่าไล่ ขณะที่ถ้าเป็นวิ่งเชียร์ลุงละก็ ที่ห้ามๆ นั่นทำได้หมด

แต่การวิ่งไล่ ลุง(ซึ่งหมายถึงเผด็จการครองเมือง) ก็ดำเนินมาได้อย่างหนักแน่นและมุ่งมั่น หากจะวัดจำนวนผู้ร่วมฝ่ายไล่มากกว่าฝ่ายเชียร์มากมาย เจือเคล้าไปด้วยวิธีการสอดเสี้ยมและก้าวร้าวของฝ่ายเชียร์ ขณะที่ฝ่ายไล่กลับเรียบร้อยและสุขุม 
โดยเฉพาะในกรณีที่เพจ เชียร์ลุงประโคมแต่เนิ่นเมื่อเริ่มงานว่า “พลังเงียบ...เกือบจะเต็มพื้นที่แล้ว” แต่ดันเอาภาพจากบริเวณสวนรถไฟของงานวิ่งไล่ไปลง ก็เลยถูกแซว โป๊ะแตกรีบลบโพสต์แทบไม่ทัน ครั้นหลังงานอ้างว่านั่น เพจปลอม

ลองดูข้อสังเกตุจากสื่อส่วนบุคคลบนทวิตเตอร์ ผู้ใช้นาม กะเทยนิวส์ @KathoeyNews’ เขียนว่า “สองงานชนกัน ไล่ลุงเชียร์ลุงปรากฎเรื่องโก๊ะกังสองมาตรฐาน ที่หนึ่งคนมาเกินหมื่น (ตัวเลขทางการหมื่นสาม) ส่วนอีกที่คนมาอายุเกินร้อย

ที่นึงสั่งงดป้าย ห้ามใส่เสื้อเข้างาน อีกที่ป้ายธงตามสะดวก แถมมีโชว์เตะ กระทืบผลส้ม สตอว์เบอรี่ แตงโม ตั่งต่าง หวนให้นึกถึงเหตุการณ์ต้นมะขามใดใด” ทั้งที่ในฝ่ายเชียร์มีรองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ นางพิชญา เมืองเนาว์ ดอดไปร่วม ก็ไม่ช่วยให้ฝ่ายเชียร์สุภาพขึ้นได้

ซ้ำร้ายหลังเสร็จงาน “มีคนถูกดำเนินคดีแล้ว ๓ ราย ในภาคอีสาน โดยมี จ.สุรินทร์ ที่ถูกเรียกให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ ๑๗ ม.ค....และอีกสองราย คือที่ จ.บุรีรัมย์และ จ.ยโสธร ถูกดำเนินคดีในข้อหาไม่แจ้งการชุมนุมฯ”
 
ส่วนที่นครศรีธรรมราชซึ่งฮือฮาก่อนงานวิ่งว่า ม.วลัยลักษณ์กลับลำไม่ยอมให้นักศึกษาใช้สถานที่จัด เสร็จงานปรากฏว่ามีนักศึกษาที่ร่วมกันจัดวิ่งไล่ ๔ คน ถูกสั่งปลดออกจาก ศูนย์ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ศอ.ปส มวล.)

ทางมหาวิทยาลัยอ้างว่าฝ่าฝืนคำสั่ง เพราะมหาวิทยาลัยเป็นหน่วยงานในกำกับของรัฐ และไม่สนับสนุนกิจกรรมทางการเมือง แถมมีการสั่งเรียกคืนเครื่องแบบและป้ายประจำตัวด้วย ซึ่งก็คงไม่ใช่ควันหลงธรรมดา ถ้าจะรับฟังเบาะแสจาก Thanapol Eawsakul

ซึ่งเผยว่า “เท่าที่ทราบตอนนี้ทางรัฐบาลประยุทธ์ได้สั่งการผ่านทั้งกองทัพและมหาดไทย ไม่ยอมให้จัดงาน วิ่งไล่ลุง ที่จะเป็นงานใหญ่ขึ้นอีกแล้ว โดยเฉพาะในต่างจังหวัด
 
และมีการคาดโทษผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดไว้แล้ว ถ้าใครปล่อยให้มีการจัดขึ้นอีก ก็จะไม่รับประกันว่าจะได้นั่งเก้าอี้ผู้ว่าต่อ” ถึงอย่างนั้นผู้ร่วมกิจกรรม วิ่งไล่ ทั่วประเทศก็ยังมีเรื่องให้ปลื้มใจ

เหตุเกิดที่ถนนเลียบทะเลอ่าวประจวบฯ มีงานให้ชื่อว่า วิ่งไล่พุงคนไปร่วมสัก ๕๐ เห็นจะได้ ข่าวไทยรัฐบอกงานวิ่งก็งั้นๆ แต่บริเวณดังกล่าวปกติเป็นสถานพักผ่อนหย่อนใจ มีแผงขายอาหารและสินค้าจุกจิกราว ๓๐ ราย ซึ่งวันอาทิตย์มักจะเงียบหงอย

แต่อาทิตย์ที่ ๑๒ มกรา คนมากกว่าเคย นัยว่าชาวบ้านออกไปดูกิจกรรม วิ่งไล่กัน เลยทำให้ร้านค้าอาหารขายดีเป็นพิเศษมากกว่าธรรมดาถึงสองเท่า “พ่อค้าแม่ค้ายิ้มแก้มแทบปริ” ทั้งที่ตั้งแต่ปีที่แล้ว “สภาพเศรษฐกิจแย่มาก แย่ที่สุด ขายลำบาก คนซื้อน้อย
 

ก็เลยทำให้ บอล ธนวัฒน์ วงค์ไชย ผู้เริ่มก่อหวอดกิจกรรมสร้างสรรอนาคตประชาธิปไตยไทย ในกรุงเทพฯ ยิ้มอิ่มใจ “ขอบคุณที่ #วิ่งไล่ลุง ได้ร่วมสร้างยอดขายที่ดีให้กับพ่อค้าแม่ขายนะครับ”