‘หัวกระดกแต่หางฟาด’ พ้นรายการ ‘วิ่งไล่’ ไม่ทันข้ามวัน
ส่วนหัวพูดอ่อยกับยุวชน “ผมไม่ได้เป็นศัตรูกับใครเลย ใครจะเชียร์ จะไล่ จะอะไร
ผมไม่ใช่ศัตรูพวกท่าน แต่ทุกคนจะทำอย่างไรให้เกิดความร่วมมือ
ขับเคลื่อนประเทศชาติไปข้างหน้า ดีกว่ามาเสียเวลากับเรื่องเหล่านี้”
แต่ส่วนหางฟาดฟันไม่หยุด ตั้งแต่ก่อนวิ่ง
ตำรวจตามท้องที่หลายแห่งกีดกันไม่ให้จัดงาน #วิ่งไล่ลุง บ้างสกัดกั้นด้วยการกดดันจนต้องย้ายสถานที่จัด
บ้างตรวจเข้มก่อนเข้างาน บ้างห้ามใส่เสื้อที่มีคำว่าไล่ ขณะที่ถ้าเป็นวิ่งเชียร์ลุงละก็
ที่ห้ามๆ นั่นทำได้หมด
แต่การวิ่งไล่ ‘ลุง’ (ซึ่งหมายถึงเผด็จการครองเมือง)
ก็ดำเนินมาได้อย่างหนักแน่นและมุ่งมั่น
หากจะวัดจำนวนผู้ร่วมฝ่ายไล่มากกว่าฝ่ายเชียร์มากมาย เจือเคล้าไปด้วยวิธีการสอดเสี้ยมและก้าวร้าวของฝ่ายเชียร์
ขณะที่ฝ่ายไล่กลับเรียบร้อยและสุขุม
โดยเฉพาะในกรณีที่เพจ ‘เชียร์ลุง’ ประโคมแต่เนิ่นเมื่อเริ่มงานว่า “พลังเงียบ...เกือบจะเต็มพื้นที่แล้ว”
แต่ดันเอาภาพจากบริเวณสวนรถไฟของงานวิ่งไล่ไปลง ก็เลยถูกแซว ‘โป๊ะแตก’ รีบลบโพสต์แทบไม่ทัน
ครั้นหลังงานอ้างว่านั่น ‘เพจปลอม’
ลองดูข้อสังเกตุจากสื่อส่วนบุคคลบนทวิตเตอร์
ผู้ใช้นาม ‘กะเทยนิวส์ @KathoeyNews’
เขียนว่า “สองงานชนกัน ไล่ลุงเชียร์ลุงปรากฎเรื่องโก๊ะกังสองมาตรฐาน
ที่หนึ่งคนมาเกินหมื่น (ตัวเลขทางการหมื่นสาม) ส่วนอีกที่คนมาอายุเกินร้อย
ที่นึงสั่งงดป้าย ห้ามใส่เสื้อเข้างาน
อีกที่ป้ายธงตามสะดวก แถมมีโชว์เตะ กระทืบผลส้ม สตอว์เบอรี่ แตงโม ตั่งต่าง
หวนให้นึกถึงเหตุการณ์ต้นมะขามใดใด”
ทั้งที่ในฝ่ายเชียร์มีรองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ นางพิชญา เมืองเนาว์ ดอดไปร่วม ก็ไม่ช่วยให้ฝ่ายเชียร์สุภาพขึ้นได้
ซ้ำร้ายหลังเสร็จงาน “มีคนถูกดำเนินคดีแล้ว
๓ ราย ในภาคอีสาน โดยมี จ.สุรินทร์ ที่ถูกเรียกให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ ๑๗
ม.ค....และอีกสองราย คือที่ จ.บุรีรัมย์และ จ.ยโสธร
ถูกดำเนินคดีในข้อหาไม่แจ้งการชุมนุมฯ”
ส่วนที่นครศรีธรรมราชซึ่งฮือฮาก่อนงานวิ่งว่า
ม.วลัยลักษณ์กลับลำไม่ยอมให้นักศึกษาใช้สถานที่จัด
เสร็จงานปรากฏว่ามีนักศึกษาที่ร่วมกันจัดวิ่งไล่ ๔ คน ถูกสั่งปลดออกจาก ‘ศูนย์ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ศอ.ปส มวล.)’
ทางมหาวิทยาลัยอ้างว่าฝ่าฝืนคำสั่ง
เพราะมหาวิทยาลัยเป็นหน่วยงานในกำกับของรัฐ และไม่สนับสนุนกิจกรรมทางการเมือง แถมมีการสั่งเรียกคืนเครื่องแบบและป้ายประจำตัวด้วย
ซึ่งก็คงไม่ใช่ควันหลงธรรมดา ถ้าจะรับฟังเบาะแสจาก Thanapol Eawsakul
ซึ่งเผยว่า “เท่าที่ทราบตอนนี้ทางรัฐบาลประยุทธ์ได้สั่งการผ่านทั้งกองทัพและมหาดไทย
ไม่ยอมให้จัดงาน ‘วิ่งไล่ลุง’ ที่จะเป็นงานใหญ่ขึ้นอีกแล้ว โดยเฉพาะในต่างจังหวัด
และมีการคาดโทษผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดไว้แล้ว
ถ้าใครปล่อยให้มีการจัดขึ้นอีก ก็จะไม่รับประกันว่าจะได้นั่งเก้าอี้ผู้ว่าต่อ” ถึงอย่างนั้นผู้ร่วมกิจกรรม
‘วิ่งไล่’ ทั่วประเทศก็ยังมีเรื่องให้ปลื้มใจ
เหตุเกิดที่ถนนเลียบทะเลอ่าวประจวบฯ มีงานให้ชื่อว่า
‘วิ่งไล่พุง’ คนไปร่วมสัก
๕๐ เห็นจะได้ ข่าวไทยรัฐบอกงานวิ่งก็งั้นๆ แต่บริเวณดังกล่าวปกติเป็นสถานพักผ่อนหย่อนใจ
มีแผงขายอาหารและสินค้าจุกจิกราว ๓๐ ราย ซึ่งวันอาทิตย์มักจะเงียบหงอย
แต่อาทิตย์ที่ ๑๒ มกรา คนมากกว่าเคย
นัยว่าชาวบ้านออกไปดูกิจกรรม ‘วิ่งไล่’
กัน เลยทำให้ร้านค้าอาหารขายดีเป็นพิเศษมากกว่าธรรมดาถึงสองเท่า “พ่อค้าแม่ค้ายิ้มแก้มแทบปริ”
ทั้งที่ตั้งแต่ปีที่แล้ว “สภาพเศรษฐกิจแย่มาก
แย่ที่สุด ขายลำบาก คนซื้อน้อย”
(https://www.thairath.co.th/news/local/central/1745958,
https://www.mokkalana.com/9258/QTl5o, https://www.khaosod.co.th/politics/news_3372548 และ https://www.facebook.com/iLawClub/posts/10163049526265551)