ผู้ส่งออกเร่งเมื่อไรจะเริ่มทำงานกันเสียที ติดลบมาหลายเดือนแล้ว ทั้งเรือปริ่มน้ำ เรือแป๊ะ 'ไม่ยั่น' แค่ช่วยกันวิดน้ำออก

ไม่เกินคาดหมาย เรื่อง ‘สามมิตร’ หือทวงเค้ก ไปได้ไม่กี่น้ำต้องยอมถอยราบคาบ ตามที่พี่ป้อมว่า “ท่านเด็ดขาด” แค่ประยุทธ์บอกรายชื่อ ครม.ผมรู้จักทุกคน ทั้งสุริยะ-สมศักดิ์ ศิโรราบ

ปัญหามีแค่หลังถวายสัตย์ฯ กลางกรกฎา จะไปต่ออีท่าไหน เรื่องปากท้องชาวบ้านนะ เพราะเฮียตู๊บเล่นสลับที่รัฐมนตรีเป็นเก้าอี้ดนตรี ไม่เกี่ยวฝีมือบริหารงานบ้านเมือง โดยเฉพาะเศรษฐกิจที่ยิ่งนานยิ่งอ่วม

ล่าสุดนี่ผุ้ส่งออกสินค้าทางเรือเร่งเมื่อไหร่จะลงมือแก้ไขปัญหา ‘ตกต่ำ’ กันเสียที การส่งออกติดลบมานานแล้ว สถิติสิ้นเดือนพฤษภาต่ำกว่าเดิม ๕.๘% ขณะที่ตลอด ๕ เดือนที่ผ่านมาหดหายเฉลี่ย ๒.๗%

ซ้ำยังค่าเงินบาทที่แข็งไม่หยุดเหมือนกินไวอะกร้า ยิ่งจะทำให้ไม่มีใครอยากสั่งสินค้าจากไทยกันอีก นางสาวกัณญภัค ตันติพิพัฒน์พงศ์ ประธานสภาผู้ส่งออกอ้างเป็นเพราะการจัดตั้งรัฐบาลล่าช้า “ทำให้การใช้มาตรการต่างๆ ในการดูแลค่าเงินบาทที่แข็งค่าไม่สามารถทำได้”

(https://www.innnews.co.th/economy/news_431603/)

 

จะเอาแต่อ้าง “ตามกรอบรัฐธรรมนูญ” อย่างเดียวไม่ได้ ไหนๆ รัชกาลที่ ๑๐ โปรดเกล้าฯ ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ อีกครั้งแล้ว ก็ควรจะเร่งมือทำงานในฐานะที่มาโดยการเลือกตั้ง (แม้จะอย่างเผด็จโกงประชาธิปไตย) แต่ยังทำตามอำเภอใจแบบนายกฯ ที่มาจากการยึดอำนาจอยู่เลย

เรื่องพลังประชารัฐเละ ประยุทธ์ยอมรับว่าร้อยพ่อพันแม่ “เป็นพรรคการเมืองใหม่ แม้จะมีคนเก่าแต่ก็มาจากหลายพรรคมารวมกัน การขับเคลื่อนก็ต้องมีปัญหาขัดแย้งภายในอยู่บ้าง” ท้ายที่สุดตัวปัญหา อนุชา นาคาสัย ยอมอดตำแหน่งรัฐมนตรี

ส่วนสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อยู่ที่อุตสาหกรรม งานหินเพราะญี่ปุ่น ยุโรป อเมริกา ทะยอยออกจากไทยหันไปสนเวียดนาม อินโด มาเลย์ แทน ด้านสมศักดิ์ เทพสุทิน ยอมเหมือนกันไปกินแกลบที่กระทรวงยุติธรรม ปล่อยให้กระทรวงมันๆ อย่างพลังงาน คมนาคม และพาณิชย์ เป็นของพวกอีอีซีเค้า

ต้องยอมสยบว่าสาย ‘สมคิด’ (จาตุศรีพิทักษ์) แน่จริง ตอนนี้เคลียร์ได้เกือบหมดจดแล้ว ด้วยบริการ “ได้ครับ รับใช้นาย” ของกรรมการเลือกตั้ง อย่างที่ จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการแถลง “ตีตก ๕ คำร้องของ เรืองไกร (ลีกิจวัฒนะ)” รวด

 

ไม่ว่าจะกรณี พปชร.เสนอชื่อประยุทธ์เป็นนายกฯ ไม่ต้องตามกฎหมายเลือกตั้ง ประยุทธ์เป็นข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐ การโฆษณาหาเสียงโดยใช้อินสตาแกรมชื่อประยุทธ์ กรณีพลังประชารัฐจัดเลี้ยงโต๊ะจีนระดมทุน และการอนุมัติให้ อุตตม สาวนายน เป็นหัวหน้าพรรคก่อนเจ้าตัวสมัครสมาชิก

ทั้งหมด กกต.พูดคำเดียวว่าตัดสินแล้วไง ไม่รับฟ้อง ไม่ส่งต่อศาลรัฐธรรมนูญ ตามอำนาจล้นหลามที่ พรป.จัดตั้ง กกต.ให้ไว้ ทุกอย่าง “ชอบด้วยกฎหมายแล้ว และไม่เป็นเหตุให้ยุบพรรคการเมืองแต่อย่างไร” หากผู้ฟ้องยังติดใจ ส่งหลักฐานใหม่มาสิ จะตัดสินให้อีก

(https://www.khaosod.co.th/politics/news_2672659)

เสร็จไปเปลาะหนึ่งละ ‘สภาปริ่มน้ำ’ ประยุทธ์เอาอยู่ หลังถวายสัตย์ฯ ถึงจะไม่มี คสช.ต่อไป ก็มี กอ.รมอ.รอรับไม้อยู่แล้ว ยังแต่ ‘สภาเรือแป๊ะ’ พวก สว.ตู่ตั้ง ๒๕๐ คนไว้เป็นกันชนโดนฝ่ายค้านตีรวนเมื่อไหร่ ก็เสนอชื่อตู่ใหม่ได้เสมอ

บ่ายวานนี้ วิษณุ เครืองาม ไปพล่ามอบรมวุฒิสมาชิกในการปาฐกถาเรื่องบทบาท สว.กับยุทธศาสตร์ชาติและแผนปฏิรูป เอ่ยถึง ‘เรือแป๊ะ’ ว่าส่งเฮียเค้าขึ้นท่าได้แล้ว กำลังจะไปเรือลำใหม่ที่ไม่ค่อยตามใจกัปตันเหมือนเรือ สนช.

 

ทั่นรองฯ ฝ่ายกฎหมายของ คสช. บ่นว่าต่อนี้ไป “กัปตันต้องตามใจลูกเรือ เป็นเรือปริ่มน้ำ (ซึ่ง) แปลว่าร่อแร่” จึงต้องให้ลูกเรือช่วยกันวิดน้ำออก และ “อย่าเอาเท้าราน้ำ” แจงกฎเหล็กสำหรับเรือแป๊ะ สว. ๕ ข้อ นอกจากระเบียบธรรมดาๆ ไม่ยุ่งพรรคการเมือง ไม่มักมากงบประมาณ ไม่เป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจ และไม่ขาดประชุม

แล้วมีเกี่ยวถึงการเป็นกรรมการกฐิน-ผ้าป่า ที่ทำเอา สว.เต้นแร้งเต้นกากันใหญ่ว่าห้ามด้วยหรือ ร้อนถึงประธาน สว.พรเพชร วิชิตชลชัย ต้องโบกไม้โบกมือว่าไม่ใช่ สว.ยังรับเป็นเจ้าภาพจองกฐินได้ ขอแต่ให้เลี่ยงไปอย่าเรียกว่ากรรมการ ให้ใช้คำ ‘ผู้ร่วมบุญ’ แทน

(https://www.thairath.co.th/news/politic/1605686)

เด็ดไหมล่ะวุฒิสภา คสช.ตู่ตั้งเอง แนะวิธีเลี่ยงระเบียบกฎหมายง่ายๆ โดยเล่นลิ้นตะแบงคำแบบศรีธนญชัย สำหรับประเด็นที่ใครจะเห็นว่าเป็นเรื่องร้อน ที่ฝ่ายค้านร้องเรียนมี สว. ยี่สิบกว่าคนถือหุ้นสื่อ เข้าข่ายคุณสมบัติบกพร่อง

ทั่นประธานฯ บอกไม่ยั่น ไม่ได้ระคายเคืองอันใด เพราะตอนก่อนแต่งตั้ง สว.เหล่านี้ได้มีแบบสอบถามให้ตอบแล้วว่าถือหุ้นสื่อหรือเปล่า แสดงว่าที่พวกเขากรอกกลับมาย่อมเคลียร์

นี่คือการใช้เหตุผลของประธาน สว.ไทย ไม่ต้องฉุกคิดสักนิดว่าถ้าการกรอกแบบสอบถามเหล่านั้น ‘ละไว้’ หรือ ‘โป้ปด’ ประเด็นการถือหุ้นสื่อล่ะ แสดงว่าไม่เป็นความผิดละหรือ