หัวกระดก หางกระดิก แซ่ด เตรียมยุบเพื่อไทย โอ๊คทวี้ต 'พ่อสอนไว้' ถ้าจะสู้ ต้องเต็มที่

รับลูกกันเป็นทอดๆ สัญญานไร้สายชัดเจน สมัยนี้ไม่ต้องกดรีโมทให้เสียแรง แต่ใช้ ‘voice activates’ กำกับด้วยเสียงพูดแทน นี่สิ ‘ตู่ดิจิทัล’ ของแท้ เพียงแต่รุ่นนี้แตกไลน์เป็น ‘ตือดิจิเทิล’ แทน

ข่าวแนวหน้าว่าเอง “กกต.รับลูก บิ๊กป้อม ลุย...สอบปมแม้ว ส่อครอบงำ ยุบทิ้งเพื่อไทย” มาจากกรณี ‘หางกระดิก’ ที่ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการเลือกตั้งแจ้งว่า “ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานทั้งจากภาพถ่าย คลิป และข่าว รวมถึงความเห็นของบุคคลต่างๆ

เพื่อนำมาประกอบการพิจารณา” ว่าการที่อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร คุยกับผู้บริหารพรรคและอดีต ส.ส.บางคนที่ฮ่องกง แล้วให้สัมภาษณ์สำนักข่าวญี่ปุ่น เอ็นเอชเค ว่าเพื่อไทยชนะแน่และจะได้ ส.ส.ถึง ๓๐๐ เสียง ด้วยยุทธวิธีแตกพรรคเป็นฝูงบิน นั้น

 

“จะเข้าข่ายครอบงำพรรคหรือไม่...พรรคการเมืองนั้นขาดความเป็นอิสระในการดำเนินกิจกรรมหรือไม่ หากเข้าข่ายความผิดจะส่งผลให้พรรคการเมืองนั้นถูกยุบพรรค”

(https://www.naewna.com/politic/372074)

ส่วน ‘คมชัดลึก’ ลงลึกกว่า “เปิดจุดเสี่ยง...ตามกฎหมายพรรคการเมือง” ให้เห็นว่าพรรคเพื่อไทยจะถูกยุบเพราะ ‘ทักษิณ’ ได้อย่างไร เช่น

มาตรา ๒๘ “ยอมให้บุคคลที่ไม่ใช่สมาชิก ควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำกิจกรรมพรรค” อันนี้โทษยุบพรรค และตัดสิทธิ์กรรมการบริหารลงสมัคร ส.ส. แล้วห้ามไปตั้งพรรคใหม่ภายใน ๑๐ ปี

มาตรา ๒๙ “ห้ามบุคคลที่ไม่ใช่สมาชิกพรรค ควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำ” ตาม ม.๒๘ โดยกำหนดโทษคนที่ทำ จำคุก ๕-๑๐ ปี ปรับ ๑-๒ แสนบาท และตัดสิทธิ์ลงสมัครเป็น ส.ส.

ทั้งนี้มีเบื้องหน้ามาจาก ‘หัวกระดก’ พี่ใหญ่ คสช. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ตอบประเด็นทักษิณให้สัมภาษณ์เอ็นเอชเคว่า “เป็นเรื่องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่จะต้องพิจารณา พร้อมตำหนิสื่อมวลชนที่มักนำเสนอข่าวเข้าข้างนายทักษิณ

พร้อมกันนั้นบิ๊กป้อมยังอวดความวิเศษของ คสช.ด้วยว่า สำหรับกรณีคดีที่ดินรัชดาจำนวน ๓๓ ไร่ ๗๘ ตารางวา ของทักษิณ ศาลตัดสินจำคุกไปแล้ว แต่ยังไม่สามารถนำตัวมารับโทษ จนคดีหมดอายุความไปแล้วตั้งแต่ ๒๑ ตุลา ๖๑

พี่ใหญ่ยันแรงว่า “หากหมดอายุความแล้วก็สามารถสร้างใหม่ได้ และไม่ขอตอบคำถามว่าในกรณีดังกล่าวนี้จะเป็นบรรทัดฐานต่อการพิจารณาคดีอื่นกับบุคคลอื่นๆ ด้วยหรือไม่”

(https://voicetv.co.th/read/Bkf44Tcsm)

เล่นลูกนี้นี่เข้าเค้าการ์ตูนที่ Oak Panthongtae เอามาทวี้ต (พร้อมการ์ตูน) “พ่อสอนเสมอว่า ๑.อย่าไปเล่นอะไรกับคนที่ชอบเอาเปรียบคนอื่น...”

เช่นนั้นการที่มีข่าวว่าพรรคเพื่อไทยกำลังตรึกตรองยุทธวิธี ‘แตกพรรค’ นอกจากเพื่อชาติ เพื่อธรรม แล้วยังจะมี เพื่อไทยรักษาชาติ อีกหน่อ ตามที่มติชนอ้างว่า “เพื่อรองรับผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทย โดยจะมีการแยกส.ส.เขตไปสังกัดอีกพรรค”

ก็น่าจะเป็นยุทธวิธีที่ดีสำหรับพรรคเพื่อไทยในภาวะหน้าสิ่วหน้าขวานที่ เจ้าของ “พรรคของเรา พรรครัฐบาล” กำลังตั้งท่าเตะตัดขาคู่แข่งตั้งแต่ยังไม่ออกวิ่ง เรื่องอะไรจะปล่อยให้เขาคอยเล่นงานอยู่ฝ่ายเดียว

เข้าเค้าที่ โอ๊ค พานทองแท้ทวี้ตอีกท่อนแหละว่า “๒. ถ้าจะต้องลงแข่งขัน จงทำให้เต็มที่” ไหนๆ จะให้ได้ถึง ๓๐๐ เสียง ก็ต้องหาทางไปไม่สักแต่พูด

กลยุทธ์ที่ว่า (ย่อยมาจาก https://www.matichon.co.th/newsroom-analysis/news_1191095) ดังนี้

พรรคเพื่อไทยจะคงกรรมการบริหารชุดเดิมไว้ กรณีที่ถูกยุบหลังจากยื่นสมัคร ส.ส.แล้ว (๑ ใน ๓ กรณีที่ จาตุรนต์ ฉายแสง อ้างถึง) ทั้ง ๙ คนจะตายหยังเขียด ทำอะไรไม่ได้เลย ฉะนั้น สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ จะไม่เป็นหัวหน้า แต่จะเป็นหนึ่งในสามรายชื่อแคนดิเดทนายกฯ

พวกตังเต็ง ส.ส.ทั้งหลายย้ายไปอยู่พรรคย่อย เพื่อให้คงจำนวน ส.ส.เขตเอาไว้ พรรคใหม่ชื่อย่อของทักษิณ ทษช. (ไทยรักษาชาติ) นั้นเอาไว้หาเสียงปาร์ตี้ลิสต์ ให้ได้สัก ๕๐ ที่นั่งรวมกับ ส.ส.เขต ที่ตั้งเป้า ๒๕๐ ที่นั่งแล้วครบ ๓๐๐

ความเป็นจริงหลังเลือกตั้งจะออกมาอย่างไรล้วนเป็นเรื่อง ‘ไม่ชัวร์’ ในตอนนี้ทั้งนั้น แต่ก็เป็นการวางแผนต่อสู้เพื่อให้สมศักดิ์ศรี ทำนองเดียวกับที่พรรคอนาคตใหม่สู้ด้วยการยืนหยัดหลักการประชาธิปไตยแบบต้นตออย่างเฉียบๆ เพื่อให้ประชาชนตระหนักว่าเฉยไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

ดังเช่น ต่อการที่มีข่าวว่าวันเลือกตั้ง ๒๔ กุมภา ๖๒ จะตรงกับวันสอบ GAT/PAT ของบรรดานักเรียนที่เป็นกลุ่มฐานเสียงเป้าหมายของพรรค Thanathorn Juangroongruangkit‏ @Thanathorn_FWP ทวี้ตทันที

 

“พรรคอนาคตใหม่ขอเรียกร้องให้มีการปรับไม่ให้วันสอบตรงกับวันเลือกตั้ง ให้คนไทยทุกคนได้ใช้สิทธิ์อย่างสะดวกเท่าเทียมกัน อย่าให้นักเรียนต้องเลือกระหว่างการสอบเพื่อกำหนดอนาคตตัวเอง กับการเลือกตั้งเพื่อกำหนดอนาคตประเทศ”

พร้อมด้วยการเปิดรณรงค์รวบรวมรายชื่อยื่นเรียกร้องให้เลื่อนวันสอบไม่ตรงกับเลือกตั้ง นี่คือการต่อสู้เพื่อให้เสียงประชาชนกลับคืนมาอย่างแท้จริง ปลดอำนาจรัฐประหาร และ ‘พอกันที’ กับประชาธิปไตยไทยแบบ ‘พ่อจัดให้’ ที่ คสช. ครอบไว้ด้วยยุทธศาสตร์ ๒๐ ปี