วันอังคาร, ตุลาคม 16, 2561

พลังดูดประชารัฐสายตรงติดกึกเล็กน้อย แต่แรงดันลิ่วล้อ กกต.กร่างใหญ่

เอ๊ะ มันยังไงกันวะ เลขาฯ พรรคบอก “ไม่ได้มีเจตนามาในนามรัฐมนตรี” แต่ “พวกตนมาในนามของพรรคพลังประชารัฐ” พรรคของนักการเมือง พอถึงตัวหัวหน้าเสือกบอก “วันนี้ไม่ได้มาในฐานะของพรรคการเมือง” เสียนี่

ไป เป็นทีม ที่เดียวกัน งานเดียวกัน ถึงจะเป็น วันหยุด มันก็ยังอยู่ในตำแหน่งรัฐมนตรีอยู่ดี หรือว่าถ้าใครไปตบหน้ารัฐมนตรีตอนวันหยุด มีความผิดเพียงชาวบ้านทะเลาะเบาะแว้งกันธรรมดา ไม่ใช่คนร้ายก้าวก่ายเจ้าพนักงาน

เมื่อวันที่ ๑๕ ตุลา เวลาใกล้เพล สามรัฐมนตรีตัวเก่งแต่ปากของรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา (ไม่ใส่ยศตามอย่างเพจใหม่) ลงพื้นที่ตลาดน้ำคลองลัดมะยม “รับฟังความคิดเห็น เพื่อนำไปพัฒนาเป็นนโยบาย” จากตัวแทนเครือข่ายภาคประชาสังคมกว่า ๒๐๐ คน

โดยมีตัวแทนผู้นำชุมชนแสดงความเห็นข้อเสนอแนะทีละคน” ทั้งนี้ได้มีการจัดแบ่งตัวแทนของเครือข่ายประชาชนเป็น ๓ กลุ่มเข้าสนทนาปัญหา “คล้ายกับการลงกิจกรรมของคณะรัฐมนตรีลงพื้นที่ เพื่อรับฟังปัญหาของประชาชนในพื้นที่...

กับนายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ ว่าที่เลขาธิการพรรค และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าที่โฆษกพรรค” ข่าวว่างั้น

มิหนำซ้ำ “มีความเป็นไปได้ที่จะใช้เวลาทุกวันหยุดไปพบปะเครือข่ายกลุ่มต่างๆ เพื่อรับฟังความเห็นที่เป็นประโยชน์ ซึ่งถือเป็นการพักผ่อนที่ดีด้วย” นายอุตตมอ้าง “วันนี้ผมมารับฟังชาวบ้าน ไม่ได้มาชี้แจงนโยบายเพราะพรรคของเรายังไม่เกิดเลย”

ขนาดยังไม่เกิดก็มีอดีตสมาชิกสภากรุงเทพฯ ของพรรคประชาธิปัตย์ ๓ คนไปร่วมสังเกตุการณ์ ทำให้คาดหมายกันว่าไปรายงานตัวเพื่อเข้าสังกัดพลังประชารัฐ ตามเสียงวิจารณ์ที่ว่า “ยังเดินหน้าดูด ส.ส.พรรคอื่นอยู่”

ซึ่งต่อมาอีกไม่พ้นวันก็มีข่าวว่านางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา อดีต สก.คลองเตย พรรค ปชป. ประกาศตนโดนดูดไปแล้วค่ะ “ให้สัมภาษณ์ว่าตัดสินใจย้ายมาร่วมทำงานกับพรรคพลังประชารัฐ ไม่ใช่เพราะคำชวนของนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกฯ” นะจ๊ะ

ข่าวบอกอีกว่าพลังดูดช่วงนี้ชักถี่และแรง โดยมาจากสายตรงไม่ต้องพึ่งสามมิตร โดยเฉพาะที่เมืองกาญจน์ แดนทหาร อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์สองคน ลูกชายกำนันเซี้ย แจ้งต่ออดีตเลขาฯ พรรคแล้วว่า “มีความจำเป็น” ต้องไปร่วมพลังประชารัฐ
 
มีเกล็ดตรงนี้หน่อยนึงว่า กำนันเซี๊ยผู้นี้เป็นอดีตคนโตเมืองกาญจน์ที่ต้องไปพำนักอยู่นอกประเทศ เพราะมีโทษจำคุกข้อหาบุกรุกที่ดินราชพัสดุเป็นชนักปักอยู่ นัยว่าต่อไปชะตากรรมอาจจำเริญแบบเดียวกับกำนันเป๊าะ คนใหญ่เมืองชลฯ ที่ลูกๆ ได้ดิบได้ดีกับรัฐบาล คสช.

ในกระบวนการดูดนี้ ช่วยไม่ได้ต้องมีปัญหาติดขัดอยู่บ้าง บางทีดูดไม่คล่องเพราะไปเจอเอารากไม้เลื้อยเข้าไปเกาะอยู่ในท่ออาจม ดูดอย่างเดียวไม่ได้ต้องใช้ งูสายเหล็ก (‘snake’) เข้าไปล้วงในท่อด้วย (อันนี้เป็นข้อเท็จจริงจากสายอาชีพ ‘Handy man’ สามารถ ‘fact check’ ได้กับ ช่างแดง แอล.เอ.ถ้าใครอยู่ใกล้)

อุปมาอุปมัย กับเหตุที่เกิดในจังหวัดสระบุรี เมื่อระดับแกนนำพลังประชารัฐไปทาบทาม น.ส.กัลยา รุ่งวิจิตรชัย อดีต ส.ส. ปชป. แล้ว “มีแนวโน้มสูงที่จะถูกพลังดูด” ติดหนึบ ก็มีเหตุอาเพศเมื่อ ร.ต.ปรพล อดิเรกสาร อดีต ส.ส.สระบุรี ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐ โวยวายขึ้นมา
 
ว่า “อาจส่งผลการแย่งชิงพื้นที่เลือกตั้งสระบุรีเขต ๑ กันเอง” เนื่องจาก “ตนและ น.ส.กัลยามีฐานเสียงตรงข้ามกันมาตลอด” จึงได้จัดคนเตรียมไว้ไปลงในเขตนั้นไว้แล้ว”

ร.ต.ปรพล อ้างด้วยว่าได้พานายปริญญา วันทา ที่ปรึกษา อบจ.สระบุรี ซึ่งลงพื้นที่ปูฐานเสียงช่วยพลังประชารัฐมาตลอด เข้าไปพบผู้ใหญ่ในพรรค พปชร. “ให้ความเห็นชอบแล้วด้วย


อึกทึกคึกคักกันไปตามประสาพวกที่มีนายเป็นผู้มีอำนาจไม่จำกัด (แย่งยึดเขามาก็อย่างนี้แหละ) แต่แล้วอีกฟากฝั่งล่ะว่าอย่างไร ต้องรอถามผู้ยิ่งใหญ่ที่คุมการเลือกตั้ง ที่ตอนนี้เขาบอกตัวเองว่า “ไม่ใช่เสือกระดาษ” แล้วนะ
 
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. ไปพูดในงานเสวนาที่สมาคมนักข่าวฯ เกี่ยวกับความพร้อมในการเลือกตั้งกุมภา ๖๒ ว่า “จะทำหน้าที่ตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ตามอำนาจกกต.ที่มีอยู่ ทั้งออกหมายเรียก และออกหมายจับได้ในคดีเลือกตั้งตามกฎหมาย ป.วิอาญา”

เขาเอ่ยถึงฝ่ายตรงข้าม คสช. นายเหนือไหล่ของตนไว้จะแจ้ง ถึงพรรคเพื่อชาติ เพื่อไทย และเพื่อธรรม จะต้องถูกตรวจสอบว่าเป็น “พรรคนอมินี หรือมีผู้ครอบงำพรรคการเมือง” หรือเปล่า

หาก “พรรคหนึ่งพรรคใดครอบงำกัน” หรือ “เป็นบุคคลภายนอก มีโทษถึงขั้นยุบพรรคได้”


อยู่ฝ่ายประชาธิปไตย ข้างประชาชนก็อย่างนี้ละ ไหนจะเผชิญคู่แข่งที่เอาเปรียบทุกหนทาง แล้วยังเจอกรรมการลำเอียงเสียอีก ทางเดียวที่จะรอดเขี้ยวเสือฟันจรเข้ได้ ต้องเอาชนะเลือกตั้งให้ได้

พรรคไม่เอาคณะทหาร คสช. ต้องมัดหวายรวมกันหลังเลือกตั้งให้ได้ ๓๗๖ เสียงขึ้นไป เพื่อที่จะลบล้างผลพวงและชนักที่คณะรัฐประหารผูกไว้ ไม่เช่นนั้นประชาชนจะต้องติดบ่วงเผด็จการไปตลอดทั้งชาติ