วันพุธ, ตุลาคม 17, 2561

นิติภูมิ นวรัตน์ พูดไว้น่าคิด "ผมคิดว่าการเดินของประเทศไทยในปี พ.ศ.2562 เป็นต้นไป จะไม่ง่ายเหมือนเดิมอีกต่อไป"





คุณนิติภูมิ นวรัตน์ พูดเอาไว้น่าคิดมากครับ

"ผมคิดว่าการเดินของประเทศไทยในปี พ.ศ.2562 เป็นต้นไป จะไม่ง่ายเหมือนเดิมอีกต่อไป เมื่อเดือนพฤษภาคม 2561 ที่ผ่านมา หนี้สาธารณะคงค้างของไทยมีมากถึง 6.49 ล้านล้านบาท นอกจากนั้น เงินยังไหลออกนอกประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง จากการไปลงทุนในต่างประเทศของกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ ที่ออกไปตั้งร้านขายของในทุกจังหวัดทุกอำเภอ

คนท้องถิ่นทำงานหาเงินได้เท่าใดก็เอามาซื้อของจากร้านขายของที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมงเหล่านี้ พวกนี้ได้เงินแล้วก็หอบเอาเงินที่ได้ไปลงทุนต่างประเทศ เช่นไปลงทุนที่รัสเซียรวมแล้ว 1,900 ล้านดอลลาร์ (6 หมื่นล้านบาท) ในเวียดนามเกือบ 2 แสนล้านบาท ในอินโดนีเซีย ,ในตุรกี ฯลฯ

เงินจากเกษตรกรยากจนที่ซื้อของในร้านพวกนี้ มันไม่หมุนกลับไปสร้างงาน หรือสร้างเงินในชนบท มันมีแต่ไหลออกไปสร้างงานในต่างประเทศ คนไทยชนบทจึงยากจนลงไปเรื่อยๆ พวกบริษัทใหญ่ๆทั้งหลายที่ได้เงินจากท้องถิ่นและประเทศ เอาเงินออกไปแล้วในช่วงที่มีทำรัฐประหาร มาจนถึงไตรมาสแรกของปีนี้ เอาเงินออกไปแล้วเกิน 3 ล้านล้านบาท

เงินที่เคยหมุนอยู่แต่ภายในประเทศ เงินที่เคยสร้างงานให้ผู้คนเป็นจำนวนนับล้านคน ไม่มีอีกต่อไปแล้วครับ คนจนจะยิ่งจนลงไปอีกเรื่อยๆ ต่อให้ทำมาหากินขยันขันแข็งสักเท่าใด ก็ไม่ทางรอด เนื่องเพราะคุณขยัน คุณเก่งในประเทศที่มีแต่ความว่างเปล่าในประเทศที่ไม่มีเงิน คนทั้งประเทศไม่ตายดอกครับ แต่มันเหมือนเป็นมะเร็งที่ต้องนอนทรมาน เจ็บปวดรวดร้าวอยู่ทุกคืนวัน

พอคนทั่วไปไม่มีเงิน พวกนี้ก็ต้องขายที่ดินและบ้านช่องห้องหอ พวกบริษัทนายทุนขนาดใหญ่ก็ไปกว้านซื้อเอาไว้ ตอนนี้ เฉพาะ 2 บริษัทใหญ่มีที่ดินรวมๆแล้ว 8.3 แสนไร่ พวกที่ถือครองจำนวนหลายหมื่นไร่ต่อตระกูลนั้นมีเป็นจำนวนมาก สมัยทำรัฐประหารปี พ.ศ.2557-2561 นี่ พวกนายทุนขุนศึกดูดเงินและความมั่งคั่งไปสะสมไว้เป็นจำนวนมาก จนเราอาจนึกไม่ถึงว่าพวกเขาจะรวยกันได้เร็วขนาดนี้

รุ่นน้องที่มียศคนหนึ่ง ก่อนหน้าที่จะมีการทำรัฐประหาร ยังมาหาพรรคพวกของผมขอให้ช่วยเขียนขอทุนการศึกษาจากสถานศึกษาในต่างประเทศ อยากให้ลูกไปเรียนในต่างประเทศ แค่สองสามีรับราชการนั้นเงินไม่เพียงพอ

ภายหลังจากการทำรัฐประหารเพียงไม่นาน ตอนนี้มีแม้แต่คอนโดมิเนียมในนครเมลเบิร์น ที่ออสเตรเลีย ลูกๆ ไปเรียน ใช้ชีวิตอย่างโก้หรู เงินทอนสมัยนี้ในโครงการที่ไม่ใช่การก่อสร้างมันมากถึง 40% ทำให้คนที่อยู่ในตำแหน่งรวยกันไวมาก สร้างตัวเป็นเศรษฐีระดับร้อยล้านในช่วงรัฐประหารนี่เอง

วันนี้ มีการปฏิบัติการทางจิตวิทยา ทำให้คนลืมนึกเรื่องพวกนี้ไปเสียสนิท ด้วยการปั่นกระแสเพ้อฝัน ,ด้วยละคร ,ด้วยงานรื่นเริงบันเทิงใจประเภทต่างๆ ,ด้วยการให้แต่ละจังหวัดใช้งบประมาณในการจัดงานรำประเพณี ให้คนเพลิดเพลินไปในแต่ละวัน จะได้ไม่ต้องคิดอะไรมาก

แทนที่จะให้คนคิดโครงการทำมาหากิน เตรียมคนทำมาค้าขายแข่งกับต่างประเทศ เพิ่มศักยภาพในการผลิตให้คน ส่งออกคนไทยไปลงหลักปักฐานในต่างประเทศทั่วโลก เตรียมคนสำหรับยุค 5G ที่กำลังจะมาถึง สัมมนาเรื่องเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนวิถีชีวิตมนุษย์ ฯลฯ กลับส่งเสริมให้คนลืมเรื่องความทุกข์ชั่วคราวด้วยละคร ,ด้วยพิธีกรรม ,ด้วยการจัดงานรื่นเริงต่างๆ ฯลฯ

คนรู้ทำอะไรก็เข้าใจง่าย แต่ถ้าคนไม่รู้ทำยังไงก็ไม่เข้าใจครับ ยังคงชมประยุทธ์ว่าดี เพราะแจกเงินประชารัฐให้กับคนยากจนมากถึง 300 บาท / เดือน โธ่!

เหตุการณ์คงเหมือนเช่นในอดีต สมัยนั้นพวกจอมพลต่างๆมักพยายามจัดให้มีความรื่นรมย์รื่นเริงไปวันๆ เพื่อให้คนหลงลืมความวุ่นวายต่างๆ ที่เป็นผลพวงมาจากการทำรัฐประหารของพวกเขานั่นเองครับ

ที่มา FB

บุญชาญ บรรจง