วันพฤหัสบดี, ตุลาคม 18, 2561

ผบ.ทบ.พอใจ ตามรอยเท้านาย อ้างการเมืองเป็นสาเหตุยึดอำนาจอีกได้

อ่านระหว่างบรรทัดคำให้สัมภาษณ์ของผู้บัญชาการทหารบกแล้ว รู้สึกได้ทันทีว่าวงจรอุบาทว์ของการเมืองไทยไม่มีทางสิ้นสุด นั่นคือการรัฐประหารยึดอำนาจย่อมจะมีขึ้นอีกแน่ๆ ช้าหรือเร็วมิใช่เพียงอยู่ที่ อำนาจทำให้เหลิง แต่ขึ้นกับเหตุแห่งปัจจัยในการปรองดองจะไม่เกิด

แน่ละประการแรกสุดในการ เปิดหน้าของ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ในตำแหน่ง ผบ.ทบ. ต่อสื่อมวลชนและกำลังพลครั้งนี้อยู่ที่ “กองทัพบกถือเป็นข้ารองบาทมีหน้าที่และหัวใจปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่ง”

ชัดเจนยิ่งขึ้นไปอีกตรงประเด็น จอมทัพไทยตำแหน่งสูงสุดทางทหารที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงดำรงอยู่ “ซึ่งบางครั้งยังมีทหารบางคนยังลืม และเขาจะเตือนสติพวกเขาเหล่านั้น ว่าผู้บังคับบัญชาสูงสุดคือองค์พระมหากษัตริย์”

สำนักข่าวบีบีซีไทยเสนอรายงาน “๗ ประเด็นวางรากฐานกองทัพมั่นคง” ของ ผบ.ทบ. เอาไว้ข้อหนึ่งว่า “กองทัพต้องสวมหมวก ๒ ใบ...คือในฐานะกองทัพบก และในฐานะที่เป็น คสช....คือเนื้อเดียวกัน”

คงไม่เพียงเพราะขณะนี้รัฐบาลเป็นของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ถ้าตีความตามถ้อยคำย่อมประจักษ์ว่า “ผมรักและเคารพ และได้เห็นความทุ่มเทในการทำงานของท่าน ซึ่งเป็นแบบอย่างหนึ่งของผมในการรับราชการ”

รวมทั้งแบบอย่างในการทำรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลที่บริหารประเทศอยู่แล้ว “และถ้าวันนั้น พล.อ. ประยุทธ์ไม่ตัดสินใจ บ้านเมืองจะเกิดอะไรขึ้น” ความชื่นชมที่มีต่อนายทำให้ บิ๊กแดงสกัดจากใจออกมาว่า

ถ้าการเมืองไม่เป็นต้นเหตุแห่งการจราจล ก็ไม่มีอะไร ประเทศไทยเคยมีปฏิวัติมา ๑๐ กว่าครั้ง แต่ไม่เหมือนสมัยก่อนแล้ว เพราะช่วงหลังเกิดจากการเมืองทั้งสิ้น...หวังใจเป็นอย่างยิ่งว่าการเมืองอย่าเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความขัดแย้งของคนในชาติอีก”

“ผมไม่ได้บอกว่านักการเมืองดีหรือไม่ดี แต่เชื่อว่านักการเมืองที่ดีก็มี และนักการเมืองที่ไม่ดีก็มี แต่ปัจจุบันคนไทยเป็นอย่างไร” ผบ.ทบ. ไม่ได้ขยายความเจาะจงเรื่องคนไทยปัจจุบันเป็นอย่างไร จึงต้องอ่านจากที่ปูทางอ้างถึงไว้ก่อนหน้า

“แต่ประชาชนที่ออกมาสร้างความเดือดร้อน ยั่วยุให้จุดไฟเผา มีการประกอบระเบิด...หลังจากเกิดเหตุการณ์เมื่อ ๔ ปีที่แล้ว มีการยกเลิกการนำเข้าส่งออกของประเทศต่างประเทศเป็นเงินมหาศาลกว่าจะฟื้นฟูกลับมาได้ใช้เวลาเท่าไร”
 
ตรงนี้แหละที่ ผบ.ทบ. อาจจะสำคัญผิดในข้อเท็จจริงมากไปหน่อยก็ได้ ในเมื่อเหตุการณ์ที่อ้างถึงซึ่งตัวเองมีส่วนร่วม “เราถูกรัฐบาลสั่งการให้ออกมาควบคุมความสงบเรียบร้อย เราทำด้วยหัวใจ” นั้นมันจะไม่ก่อความสูญเสียที่ตามมาถ้า ควบคุมได้แล้วไม่เหลิง

จนป่านนี้ ผบ.ทบ.ยังไม่ฟังความจริงว่าการที่ประชาชนเผชิญปัญหาปากท้องย่ำแย่ของซื้อราคาแพง ของขายราคาถูกตลอดสี่ปีที่ผ่านมา เพราะรัฐบาลทหารไร้น้ำยาในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่อ้างว่าเป็นผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก

นอกเหนือไปจากความพยายามจะทำการเมือง ประชาธิปไตย ในแบบเผด็จการ ไม่ใช่เพราะ “ทหารขาดประสบการณ์เรื่องการเมือง เพราะอาชีพทหารต้องอยู่ในกรมกอง โอกาสพบกับประชาชนมีน้อยมาก” อย่างที่ พล.อ.อภิรัชต์อ้าง


ทหารคุมวินมอเตอร์ไซค์ ทหารคุมอาบอบนวด ทหารคุมกองสลาก สิ่งเหล่านี้เป็นความใกล้ชิดของทหารกับชีวิตประจำวันของประชาชน ที่ พล.อ.อภิรัชต์น่าจะรอบรู้ดีกว่าที่อ้างมิใช่หรือ หากคิดจะวัดรอยเท้านายในภายหน้าก็ควรจะศึกษาให้ถ่องแท้มากขึ้นอีกหน่อย

สถานการณ์อันทำให้ประยุทธ์ยึดอำนาจมาจากการที่พวก พธม. และ กปปส. ก่อกวนป่วนรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ด้วยการสนับสนุนของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ล้วนแล้วแต่กวักมือ ในที เรียกทหารเข้าไปยึดอำนาจด้วยกันทั้งสิ้น

กปปส.นั่นเชื่อได้ว่าทำการครั้งนั้นเพื่อ บ่อนไส้ เปิดช่องให้คณะทหารเข้าไปครองเมือง เห็นได้จากขณะนี้มี กปปส.ตั้งกี่คนอยู่ในรัฐบาลประยุทธ์ และที่แยกย้ายกันไปอยู่ตามแม่น้ำสายต่างๆ อีกเท่าไร เสียดายแต่ตัวใหญ่ยังไปไม่ถึงดวงดาวก็ไม่เป็นไร รอลุ้นสมัยหน้าอยู่ แค่ตอนนี้คดีต่างๆ หลุดเกือบหมดก็รับได้แล้ว
 
การที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ หัวโจก กปปส. ให้ท้าย ผบ.ทบ.เรื่องรัฐประหาร “ทหารต้องเข้ามา เพราะบ้านเมืองมีปัญหา แต่คุณจะไปคาดคั้นว่าทำไมไม่ตอบว่าอนาคตจะไม่มี ก็ถ้าไม่มีเหตุที่เป็นปัญหา ก็ไม่ต้องมีใครออกมาทำอะไร” ชี้ชัดอยู่แล้ว


ด้านพรรคประชาธิปัตย์ครั้งนั้นซึ่ง กำขี้ดีกว่ากำตดไม่ว่ากัน ในเมื่อเลือกตั้งกี่ครั้งไม่เคยชนะ ทางใครทางมัน ครั้งหน้า เอาอีก ได้ เสรีนิยมเสียอย่าง มือใครยาวสาวได้สาวเอา

ดังนี้เป็นที่คาดหมายว่าเสร็จเลือกตั้งคราวต่อไป พรรคลิ่วล้อ คสช. ตั้งใหม่ๆ สี่ห้าราย ต้องให้ได้ ส.ส. ทั้งแบ่งเขตและบัญชีรายชื่อถึง ๑๒๖ เสียง บวกกับ สว. ๒๕๐ คน ที่ คสช.แต่งตั้ง รัฐบาลชุดใหม่จะเป็นของประยุทธ์ จันทร์โอชา อีกไม่ยาก

ฝักฝ่ายประชาธิปัตย์และพันธมิตรฯ จะเอาอย่างไร ฟากเพื่อไทยและฝั่งประชาธิปไตย ถ้าไม่ได้ ๓๗๖ เสียงเขาเตรียมเป็นฝ่ายค้านกันแล้วเต็มพิกัด ลงท้ายทายทักได้เลยว่า ปชป. จะขอเชิดหน้าเสริมบารมีประยุทธ์ ในเมื่อถึงอย่างไรย่อมไม่มีการ ปรองดองดังที่ลือกันว่าเป็นพระราชประสงค์ ร.๑๐

คำของ พล.อ.อภิรัชต์ชัดเจนในเรื่องนี้ ตราบเท่าที่ยังอ้างวาทกรรม เผาบ้านเผาเมืองโยนใส่ฝ่าย เสื้อแดงทั้งที่คดีเผาหลายคดีไปลงเอยที่ ชุดดำ และ ชุดพรางบางรายเป็น ชุดแพะ ด้วยซ้ำ